หลิงตู้ฉิงปล่อยร่างผู้สำเร็จเต๋า จากนั้นเขาตวาดไปที่ผู้สำเร็จเต๋า ซึ่งกำลังแสดงสีหน้าหวาดกลัว “เอาแก่นแท้พลังธาตุไม้มาให้ข้าได้แล้ว!”
แผนการของหลิงตู้ฉิงคือต้องรวบรวมพลังธาตุธรรมชาติต่าง ๆ ให้ครบให้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางปล่อยให้แก่นแท้พลังธาตุไม้นี้หลุดลอยไป
อันที่จริงถ้าหากว่าเขายังคงมีนิสัยแบบเดิมเหมือนตอนในอดีต ป่านนี้ผู้สำเร็จเต๋าตำหนักเซียนมืดคงได้ตายไปแล้ว และแก่นแท้พลังธาตุไม้คงมาอยู่ในมือของเขาเรียบร้อย
เมื่อได้รับแก่นแท้พลังธาตุไม้มา หลิงตู้ฉิงหลอมรวมมันเข้ากับอาณาเขตสวรรค์ของเขาทันที จากนั้นเขาพูดกับผู้สำเร็จเต๋าตำหนักเซียนมืดว่า “รีบ ๆ บรรยายเต๋าธาตุมืดให้กับคนของเจ้าฟังซะแล้วก็รีบขึ้นไปโลกเบื้องบนได้แล้ว อันที่จริงที่ข้าเตือนเจ้าเช่นนี้เพราะว่าข้าหวังดี หากเจ้ายังคงอยู่ในโลกเบื้องล่างต่อไปเจ้าจะตายแน่นอน”
ผู้สำเร็จเต๋าตำหนักเซียนมืดเมื่อได้ยินเช่นนี้ข้าก่นด่าในใจ ‘ข้าคือผู้สำเร็จเต๋าเป็นตัวตนที่อยู่ในจุดสูงสุดของโลกเบื้องล่าง ในระหว่างที่ข้าอยู่ในโลกเบื้องล่างนี้ข้าจะตายได้ยังไง!?’
หลิงตู้ฉิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ไม่พอใจของผู้สำเร็จเต๋าตำหนักเซียนมืดเช่นกัน เขายิ้มและไม่พูดอะไรอีก และพาหนานกงหลิงจากไปในทันที
เขาถือว่าได้เตือนไปเรียบร้อยแล้ว หากฝั่งตรงข้ามไม่ยอมฟังเขาก็ไม่สนใจต่อไปว่าจะทำตามหรือไม่ทำตาม
ผู้สำเร็จเต๋าตำหนักเซียนมืดอึ้งไปชั่วขณะเมื่อเขาเห็นว่าจู่ ๆ หลิงตู้ฉิงก็จากไปไม่อยู่รอดูว่าเขาจะขึ้นไปโลกเบื้องบนตามที่สั่งหรือไม่
เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกโล่งใจและวางแผนเอาไว้ว่าจะอยู่ในโลกเบื้องล่างต่อเพื่อรอโอกาสชิงรางวัลจากสวรรค์ของผู้สำเร็จเต๋าคนอื่นต่อไป
อีกด้านหนึ่ง หลิงตู้ฉิงพาหนานกิงหลิงบินตรงกลับไปที่ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์
“ท่านอาจารย์…” เมื่อเห็นจากเส้นทางที่หลิงตู้ฉิงกำลังพาเขาไป หนานกงหลิงก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังจะไปไหนเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหม่า
หนานกงหลิงรู้ว่าอันที่จริงแล้วตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของเขากับหลิงตู้ฉิงนั้นนับได้ว่าเป็นศัตรูกัน ดังนั้นการที่หลิงตู้ฉิงโผล่ไปที่ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์แบบนี้มันต้องเกิดปัญหาแน่นอนจริงไหม?
หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อกลับไปเจ้าจงรีบบ่มเพาะทำให้ตัวเจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชันให้เร็วที่สุดเพื่อที่เจ้าจะได้มีโอกาสเป็นคนดูแลตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าท้ายที่สุดพวกเขาไม่ฟังเจ้าจริง ๆ ข้าคงจำเป็นต้องลงมือเพราะมันไม่มีประโยชน์ต่อไปที่โลกเบื้องล่างจะมีตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ดำรงอยู่”
หนานกงหลิงรีบเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ท่านอาจารย์ ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถปกครองตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน แต่บังเอิญว่าตอนนี้มีผู้ส่งสาสน์จากโลกเบื้องบนอยู่ด้วย ข้าเกรงว่ามันอาจจะยากกว่าเดิมสักหน่อย….”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องผู้ส่งสาสน์อะไรนั่น เป้าหมายของข้าที่ออกตระเวนไปทั่วโลกตอนนี้คือตามล่าพวกผู้ส่งสาสน์ทั้งหลาย และแน่นอนว่าตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าข้าก็ไม่ยกเว้น”
เมื่อเดินทางไปถึงตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ หลิงตู้ฉิงพาหนานกงหลิงเข้าไปอย่างเปิดเผย
แน่นอนว่าเมื่อผู้คนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์เห็นหลิงตู้ฉิงพาหนานกงหลิงกลับมา พวกเขาต่างตื่นตัวกันในทันที ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันกรูมาล้อมหลิงตู้ฉิงไว้ และพูดว่า “ไอ้มารร้าย กล้าดียังไงที่จับตัวอัจฉริยะของเราเอาไว้แบบนี้ ปล่อยเขาซะไม่งั้นอย่าหาว่าพวกข้าโหดร้าย!”
ก่อนหน้านี้จู่ ๆ หนานกงหลิงก็หายไป ซึ่งพวกเขาต่างพากันออกตามหากันใหญ่แต่ก็ไม่ได้ความอะไรเลย ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นว่าหนานกงหลิงเดินตามหลิงตู้ฉิงกลับมา พวกเขาจึงเข้าใจผิดว่าหลิงตู้ฉิงเป็นตัวการจับอัจฉริยะของพวกเขาไป
หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “ข้ามาที่นี่เพราะมาหาผู้ส่งสาสน์ของพวกเจ้า ตอนนี้ผู้ส่งสาสน์ของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน?”
หลิงตู้ฉิงพูดตรงเข้าประเด็นทันทีเพราะเขาเบื่อที่จะต้องเสียเวลาพูดกับตัวประกอบเหล่านี้ และเบื่อที่จะต้องเห็นฉากเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเมื่อเขาไปเยือนสำนักไหนก็ตาม
ในทันทีที่เข้าก้าวเข้าไปในสำนักใดก็ตาม บรรดาตัวประกอบพวกนี้จะออกมาวางท่าใหญ่โตใส่เขาทันทีเพราะคิดว่าผู้ส่งสาสน์ของตัวเองวิเศษมากมาย แต่แล้วเมื่อผ่านไปไม่กี่อึดใจคนทั้งหมดก็จะตกอยู่ในอาการขวัญผวาเมื่อเห็นผู้ส่งสาสน์ของตัวเองตายภายในพริบตา
สิ่งนี้มันเกิดขึ้นตลอดจนเขาเบื่อที่จะเสียเวลาคุยอะไรให้มันมากมาย
อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงกลับต้องประหลาดใจเพราะคนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์กลับกล้ากว่าสำนักอื่น ๆ ที่ผ่านมา
บรรดาผู้คนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างพุ่งเข้าใส่หลิงตู้ฉิงทันที โดยเฉพาะพวกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิและมหาจักรพรรดิที่แสดงสีหน้าตื่นเต้นด้วยซ้ำตอนที่พวกเขาพุ่งเข้ามาหาหลิงตู้ฉิง ราวกับว่าพวกเขากลัวจะไม่ทันได้สร้างผลงานให้กับสำนักยังไงยังงั้น
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้ว จากนั้นเขาแจกหมัดใส่บรรดาผู้คนที่พุ่งเข้ามาหาไปคนละหมัดจนบรรดาผู้คนที่พุ่งเข้ามาหาต่างกระเด็นลอยกันออกไปคนละทิศทาง
แน่นอนว่าหมัดที่ปล่อยออกไป หลิงตู้ฉิงใช้ความแข็งแกร่งออกไปเพียงแค่ 4 ส่วนเพื่อไม่ให้พวกเขาตาย เพราะไม่ว่ายังไงหลังจากนี้หนานกงหลิงจำเป็นต้องมีคนเหล่านี้เอาไว้ใช้งาน
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาแล้ว หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้นทันที “หยุดซ่อนตัวได้แล้วไม่งั้นข้าจะลากเจ้าออกมาเอง!”
ดวงแสงสีขาวดวงหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าทันทีหลังจากหลิงตู้ฉิงตะโกนเสร็จ
ดวงแสงดวงนี้เจิดจ้าเป็นอย่างมากจนผู้คนทั้งหลายต่างไม่อาจมองเห็นรูปร่างของคนผู้หนึ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้
“ข้าไม่นึกเลยว่าผู้อาวุโสจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งได้เร็วขนาดนี้ ข้าขอยินดีกับผู้อาวุโสด้วยจริง ๆ จากใจของข้า” เสียงที่ฟังดูจริงใจดังออกมาจากดวงแสงที่ส่องประกายบนท้องฟ้า
หลิงตู้ฉิงแสดงสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “พลังธาตุแสงที่เจ้าใช้อยู่มันช่างต่างจากการกระทำที่ดำมืดของเจ้าจริง ๆ เจ้านี่มันดำมืดซะยิ่งกว่าพวกคนตำหนักเซียนมืดซะอีก เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ซะเปล่าแต่กลับวางแผนใช้คนของตัวเองมาเป็นเหยื่อล่อให้ข้าลงมือแถมยังปกปิดตัวตนต่อข้าอีกต่างหาก เจ้าจะดับไอ้แสงเจิดจ้าของเจ้าเองหรือจะให้ข้าทำให้?”
“ผู้อาวุโส ทำไมท่านต้องหงุดหงิดด้วย?” ผู้ส่งสาสน์ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าพวกเราคนของอาณาจักรแสงสวรรค์เป็นแบบนี้อยู่แล้ว?”
หลิงตู้ฉิงเบื่อจะพูดอะไรมาก เขาหยิบง้าวเทวะพินาศขึ้นมาทันทีและตะโกนว่า “ในนามของข้า ข้าขอโมฆะเต๋าแห่งแสงในสถานที่แห่งนี้ทั้งหมด!”
เมื่อเต๋าแห่งแสงถูกโมฆะ ดวงแสงที่ปกคลุมร่างของผู้ส่งสาสน์ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ดับลงทันที เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วผู้ส่งสาสน์ผู้นี้คือหญิงสาวที่น่าจะอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์
เมื่อถูกเปิดเผยรูปร่าง ผู้ส่งสาสน์ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์นั้นโมโหเป็นอย่างมาก แต่นางก็ยังคงสีหน้าใจเย็นและเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อผู้อาวุโสอยากเห็นความงดงามของข้ามากขนาดนี้ ข้าก็คงไม่อาจปฏิเสธได้!”
หลิงตู้ฉิงพุ่งไปหาผู้ส่งสาสน์ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์และคว้าเข้าที่คอของนางทันทีด้วยสีหน้าหงุดหงิด จากนั้นเขาตวาดว่า “กล้าวางหลุมพลางข้างั้นเหรอได้! ในเมื่อเจ้ากล้าทำแบบนี้งั้นข้าจะเหลือจิตสำนึกส่วนหนึ่งของเจ้าไว้ให้ขึ้นไปบนโลกเบื้องบนเพื่อให้ร่างจริงของเจ้าจำคำพูดของข้าได้แม่น ๆ เมื่อข้าขึ้นไปโลกเบื้องบนเมื่อไหร่ ข้าจะไปหาเจ้าที่อาณาจักรแสงสวรรค์เพื่อดูหน้าของเจ้าตามที่เจ้าต้องการ รวมไปถึงข้าจะจับเจ้าแก้ผ้าและผนึกเจ้าบนยอดเขาที่สูงที่สุดของอาณาจักรแสงสวรรค์เพื่อให้คนทั้งโลกได้เห็นเรือนร่างของเจ้าเหมือนกับข้า!”
หลิงตู้ฉิงสัมผัสได้ว่าผู้ส่งสาสน์ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้วางแผนร้ายต่อเขา ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรนางอีกต่อไป
สีหน้าของผู้ส่งสาสน์ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกทันที “ผู้อาวุโสแน่ใจแล้วเหรอว่าจะรังแกผู้หญิงเช่นนี้? ท่านไม่กลัวคนทั้งโลกครหาท่านรึยังไง?”
หลิงตู้ฉิงพ่นลมหายใจ จากนั้นเขาตวาดกลับ “เมื่อถึงตอนที่ข้าเปลื้องผ้าของเจ้า ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าจะยังคงมั่นใจได้แบบนี้อยู่อีกรึเปล่า!”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงใช้เจตจำนงของเขาบดขยี้ร่างของนางจนกลายเป็นก้อนเนื้อทันทีด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
ทางด้านผู้คนของตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ต่างตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นภาพที่ผู้ส่งสาสน์ของพวกเขาโดนบดขยี้อย่างน่าอนาถและง่ายดาย
ที่สำคัญไปกว่านั้น ตอนนี้พวกเขายังได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดออกมาจากก้อนเนื้ออยู่เรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ ซึ่งมันทำให้พวกเขาขนลุกไปทั้งตัวด้วยความสยดสยอง
ตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าความมั่นใจของพวกเขาในตอนแรกมันเป็นแค่เรื่องตลกสำหรับเทพมรณะผู้นี้
ถัดมา หลิงตู้ฉิงทำการแยกจิตสำนึกของผู้ส่งสาสน์ตำหนักแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากก้อนเนื้อ จากนั้นเขากระซิบไปที่จิตสำนึกก่อนที่เขาจะปล่อยมันกลับไปโลกเบื้องบน “ข้าสาบานว่าข้าจะทำอย่างที่ข้าพูดแน่นอน ข้าจะไปหาเจ้าที่อาณาจักรแสงสวรรค์เพื่อทำลายชื่อเสียงของเจ้าให้ป่นปี้ไปตลอดกาล แต่ถ้าเจ้าอยากจะรอด เจ้าก็จงฆ่าตัวตายหนีข้าไปซะ และถ้าเกิดใหม่ก็อย่ามาปรากฏกายให้ข้าเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง!”