ศิลามังกรขด!
สื่อถึงจำนวนของพลังโชควาสนามหามรรคที่ผู้กล้าคนหนึ่งสามารถได้รับ
ปีนเขาลำบาก ครองภูผายิ่งยากกว่า
เมื่อยืนอยู่บนแท่นมรรคก็บ่งชี้ว่าอาจถูกผู้กล้าคนอื่นท้าทายได้ทุกเมื่อ
ซ้ำการท้าประลองนี้ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว หากเวลาหนึ่งก้านธูปไม่ปิดฉาก การต่อสู้ก็ไม่จบสิ้น!
สายตาหลินสวินจ้องมองศิลามังกรขดโดยละเอียดครู่ใหญ่ ไอสังหาร ปณิธานต่อสู้ เพลิงโทสะ ความภาคภูมิ… อารมณ์ความรู้สึกหลากหลายที่สั่งสมภายในใจ ทำให้จิตต่อสู้ในใจเขาฮึกเหิม พลุ่งพล่านตามไปด้วย!
นี่เป็นเพียงกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เท่านั้น
ในเมื่อตนมาแล้ว แน่นอนว่าเป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว…
อันดับหนึ่ง!
เพราะแต่ไหนแต่ไรอันดับหนึ่งของการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ นอกจากได้รับโชควาสนามหามรรคมากกว่าแล้ว ยังสามารถได้รางวัลฝึกปราณใน ‘แดนลับไร้มรณะ’ ครั้งหนึ่ง
ความอัศจรรย์ของแดนลับไร้มรณะนั้นง่ายมาก ผันเปลี่ยนกฎกาลเวลา!
บำเพ็ญเพียรในนั้นหนึ่งปี โลกภายนอกเพิ่งผ่านไปแค่หนึ่งวัน วิธีการพลิกฟ้าเช่นนี้แม้แต่อริยะที่ก้าวสู่อริยมรรคล้วนได้แค่แหงนมองไม่อาจกระทำ!
เพราะกฎกาลเวลาคือกฎระเบียบสูงสุดแห่งสวรรค์ สูงส่งและไม่อาจคาดเดาเกินไป แม้แต่อริยะก็ได้แค่ทอดถอนใจว่า ‘กาลเวลาผ่านไปดั่งสายน้ำ ไม่อาจเปลี่ยนแปลง’
สำหรับหลินสวิน เวลาคือสิ่งเร่งด่วนที่เขาต้องการโดยไม่ต้องสงสัย
เพราะเขารู้ดีว่าช่องว่างระหว่างเขากับอวิ๋นชิ่งไป๋อยู่ที่การตกตะกอนของเวลา!
‘อันดับหนึ่งนี้ ข้าต้องเอามาให้ได้!’
หลินสวินพึมพำในใจ สีหน้านิ่งสงบแผ่เจตจำนงแห่งความเด็ดเดี่ยวไร้ขอบเขต
จากนั้น…
เขาเหลือบสายตาไปยังทางขึ้นเขาด้านล่าง
สามารถมองเห็นแต่ไกล ว่ามีเงาร่างมากมายดั่งอสรพิษกำลังพุ่งมาใกล้ยอดเขาด้วยความเร็ว
คนจำนวนมากเต็มเส้นทางสีทองกว้างห้าจั้ง พวกเขาต่างเข้าใจกันอย่างลับๆ ไม่ประชัน ไม่เข่นฆ่า
เพราะพวกเขาล้วนผูกพันธมิตร เล็งเป้าหมายสำคัญอันดับแรกไปที่หลินสวินคนเดียว!
หลินสวินสองมือไพล่หลัง ยืนนิ่งสงบ ชุดขาวพระจันทร์พลิ้วสะบัดกลางสายลม หมอกเมฆใกล้เคียงห้อมล้อม ขับเสริมร่างเขาจนโดดเด่นไร้มลทิน
นัยน์ตาดำลุ่มลึกเยียบเย็น เปี่ยมความเฉยชา
“เทพมารหลิน ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง กระโดดลงจากเขานี่ไปซะ พวกข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีก จะได้ไม่ต้องประสบความทุกข์ทนทางกาย!”
คนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์มาถึงแล้ว มองหลินสวินที่ยืนโดดเดี่ยวบนแท่นมรรค สีหน้าเปี่ยมความหยามเหยียดและอึมครึม
“เสวี่ยเชียนเหินและจางเจิงถูกทำลายปราณ ไม่ทำให้พวกเจ้าเข็ดเลยรึ” หลินสวินเอ่ยราบเรียบ
ประโยคเดียวทำเอาอีกฝ่ายสีหน้าพลันอึมครึม คล้ำเขียวหาใดเปรียบ
“กระโดดลงไป? นี่ไม่ง่ายกับเขาเกินไปรึ ถึงแม้ว่าบนเขาเทพไร้มรณะต่อให้สังหารเขาแล้วก็ไม่ตายจริง แต่ข้ายังคิดแล่เนื้อเถือหนังเขาทั้งเป็นทีละดาบ!”
เพียงชั่วขณะผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าก็มาถึง คนที่เอ่ยวาจาคือกระบี่นงคราญข่งหลิง นางเป็นทายาทเผ่านกยูงห้าสี สวมชุดกระโปรงแดงเพลิง ในดวงตาเปี่ยมความเกลียดชัง
ตอนนั้นกระบี่แสงราตรีของอวิ๋นชิ่งไป๋ถูกหลินสวินแย่งไปจากมือนาง นี่ทำให้นางเดือดดาลเกินต้าน รู้สึกอับอายด้วยเหตุนี้
“คนแพ้ยังกล้าเอ็ดตะโร ประเดี๋ยวจะถอนขนเจ้าให้หมดตัว!” หลินสวินยิ้มเยาะ สีหน้าไม่ยี่หระ
“เจ้ารนหาที่ตาย!” ดวงตาทั้งสองของข่งหลิงดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ
“เทพมารหลิน สถานการณ์ตอนนี้เจ้าก็เห็น ไม่อยากแพ้จนน่าเกลียดก็รีบไสหัวลงมาจากแท่นมรรค!”
“ไสหัวลงมา!”
เวลานี้เหล่าผู้กล้าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ แดนพิสุทธิ์อมตะ สำนักยุทธ์สมุทรคราม เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬต่างทยอยมาถึง
พวกเขารวมตัวแออัดกันตรงนั้น ชี้นิ้วสั่งหลินสวินเอ็ดตะโรไม่หยุด สีหน้าบ้างเจือความเกลียดชัง บ้างแฝงไอสังหาร
“อาศัยคนเยอะกำลังมากก็คิดว่าไม่ต้องเกรงกลัวอะไรรึ เสียแรงที่พวกเจ้าทุกคนเรียกได้ว่าเป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณ ช่างอับอายขายขี้หน้า!”
นัยน์ตาดำลุ่มลึกของหลินสวินเยียบเย็น เสียงดั่งระฆังยักษ์สะท้อนก้องเหนือเมฆา “ข้าไม่มีอารมณ์มาพูดไร้สาระกับพวกเจ้า หากใครไม่พอใจก็ขึ้นมา!”
เขาท่วงท่าไร้มลทิน เหยียดหยันเหล่าผู้กล้า วาจาราบเรียบแต่มีความหยิ่งหยอง สะเทือนไปทั่วยอดเขาลูกที่เก้า ปั่นป่วนลมเมฆ!
ณ เชิงเขา ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยที่ติดตามการต่อสู้นี้นานแล้วดวงตาพลันเปล่งประกาย เรียกใบต้นข่าวสารทองคำที่เตรียมไว้ออกมา บันทึกฉากนี้ลงไปโดยไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย
บนยอดเขาเหล่าผู้กล้าเดือดดาล สีหน้าอึมครึม เดิมคิดว่าการมาด้วยท่าทีข่มขู่คุกคาม อย่างน้อยเทพมารหลินต้องหวาดกลัวอยู่สามส่วน ไหนเลยจะคิดว่าฝ่ายหลังยังกำเริบเสิบสาน ใจกล้าเหิมเกริมเช่นนี้!
“หึๆ ช่างเป็นพวกบ้าคลั่งรนหาที่ตายจริงๆ อาศัยเจ้าตัวคนเดียวยังกล้าคุยโวเช่นนี้รึ” มีคนยิ้มเยาะ สีหน้าหยามเหยียด
ตูม!
บนแท่นมรรคหลินสวินกดฝ่ามือลงไป ห้วงอากาศพลันปรากฏประทับฝ่ามือหนึ่ง แหวกความว่างเปล่าพิฆาตลงมา
ทุกคนรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพลันพร่ามัว ประทับฝ่ามือนั้นดั่งตะวันดวงโตทะยานฟ้า เปล่งแสงเจิดจ้าถึงขีดสุด ความเร็วก็ไวจนหาใดเปรียบ
“อ๊าก…” คนผู้นั้นตะโกนลั่น เรียกสมบัติออกมาขวางทั้งยังหลบหลีกเต็มกำลัง แต่ล้วนไร้ประโยชน์
นี่คือผู้กล้าที่ครองพลังระดับกระบวนแปรจุติขั้นสมบูรณ์คนหนึ่ง ทั้งยังเป็นศิษย์สืบทอดแท้จริงของสำนักโบราณแห่งหนึ่ง ผลตอนนี้คือถูกประทับฝ่ามือบดขยี้ราววัชพืช
พรูด!
ร่างกายเขาระเบิดออก ฝนโลหิตสาดกระจาย
การโจมตีนี้ของหลินสวินเรียกได้ว่าเผด็จการหาใดเปรียบ รวดเร็วดุดันไร้ใครเทียม ซัดอัจฉริยะสำนักโบราณผู้หนึ่งแหลกกระจุยพริบตา!
ฉากนองเลือดนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกฉับพลัน!
และเวลานี้หลินสวินยังยืนอยู่บนแท่นมรรคตามเดิม ชายเสื้อพลิ้วไหว นัยน์ตาดำเยียบเย็น กลิ่นอายว่างเปล่าไร้มลทิน ประหนึ่งว่าไม่เคยลงมือมาก่อน
ทุกคนสีหน้าแปรปรวนไม่หยุด บ้างตระหนกขุ่นเคือง บ้างก็นึกกลัว
“ทุกท่านเข้าไปพร้อมข้า สังหารเจ้าเดรัจฉานนี่ซะ!”
เห็นหลินสวินเชือดไก่ให้ลิงดูตัดขวัญกำลังใจ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนหนึ่งพลันก้าวออกไปโดยไม่ลังเล
นี่คือชายหนุ่มสวมชุดป่านเท้าเปล่าคนหนึ่ง ยังไม่ทันสิ้นเสียงก็ทะยานเข้ามา เรียกบรรทัดหยกชิ้นหนึ่งออกมา ประดุจสายฟ้าสีน้ำเงินส่องสว่างชั่วนิรันดร์
กลิ่นอายบรรทัดหยกนี้แข็งแกร่งดุดัน เห็นชัดว่าเป็นยอดศาสตรามรรคราชันที่ชวนประหวั่นชิ้นหนึ่ง อานุภาพไม่ถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบของภูเขาเทพไร้มรณะ
ชิ้ง!
ข่งหลิงแห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าเองก็ออกจู่โจม เรียกกระบี่นงคราญออกมา ปราณกระบี่เจิดจ้ายาวร้อยจั้งที่พรั่งพรูเจิดจรัสแสบตา
ไม่ว่าชายหนุ่มชุดป่านหรือข่งหลิงล้วนเป็นบุคคลที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ ยามนี้ลงมืออย่างแข็งกร้าวหาใดเปรียบ
เห็นดังนี้ผู้แข็งแกร่งที่เดิมลังเลอยู่บ้างก็ออกโจมตี เข้าสังหารหลินสวินที่อยู่กลางแท่นมรรคจากทั่วสารทิศ!
นี่ไม่ใช่การประลองบนสังเวียน ไม่มีคำว่ายุติธรรม การยืนเหนือแท่นมรรคก็ต้องพบเจอการล้อมปราบและรุมจู่โจม
ตู้ม!
ทั่วร่างหลินสวินปะทุแสงศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ไร้ขอบเขต ประหนึ่งคลื่นมหาสมุทรสุดลูกหูลูกตาโถมกระหน่ำ ส่องห้วงอากาศแถบนี้ให้สว่างไสว ขวางบรรทัดหยกนั่นเอาไว้
ขณะเดียวกันประทับปี้อั้นควบรวมออกมาราวกับเป็นของจริง ปลดปล่อยอานุภาพพิฆาตฟ้าดิน รับปราณกระบี่เจิดจ้าดุจหิมะนั่น
“ฆ่า!”
ศึกใหญ่จุดชนวนเปิดฉากโดยสมบูรณ์ในชั่วพริบตา
เหล่าผู้กล้าทรงพลังที่มาจากต่างขุมอำนาจต่างพุ่งสังหารไปยังแท่นมรรค พลานุภาพสะท้านฟ้าน่าหวาดกลัวไร้ขีดจำกัด
แต่หลินสวินไม่ถอยร่นกลับพุ่งเข้าไปรับ เปิดศึกใหญ่กับพวกเขาด้วยตัวเอง
ตั้งแต่เข้าสู่เขตหวงห้ามไร้มรณะ ตลอดทางขึ้นเขาก็ถูกคนหมายหัวทุกแห่งหน ตั้งท่าอยากกำจัดเขาให้สิ้นซาก
กระทั่งขึ้นเขา ผู้สืบทอดสำนักโบราณที่สง่าผ่าเผยกลับร่วมมือกันหมายจัดการตนคนเดียวอย่างไร้ยางอาย!
นี่จะให้หลินสวินอดกลั้นได้อย่างไร
ตัวตลกกระโดดโลดเต้นกลุ่มหนึ่งล่วงเกินกันหลายครั้ง หากไม่กำราบความหยิ่งทะนงของพวกเขาจนราบคาบ ต่อไปภายหน้ายังจะถามหาคุณธรรมอะไรได้
เหมือนที่จ้าวจิ่งเซวียนคาดเดาก่อนหน้า คราวนี้หลินสวินตัดสินใจลงมือสังหารครั้งใหญ่ ไม่เช่นนั้นคงไม่พอจะระบายความเดือดดาลภายในใจ!
ฆ่า!
นัยน์ตาเย็นชาของหลินสวินวาบแสงอสนี เงาร่างเปล่งประกายเจิดจรัสแสบตา ประหนึ่งตะวันเขียวสาดส่องภูผาธารา
ตูม!
นัยเร้นลับเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์โคจรบ้าคลั่ง พลังหมัดหลากสายปะทุพล่าน ดั่งเทพมารแกว่งหมัดทะลวงเวิ้งฟ้า
เสียงปึงดังสนั่น กระบี่นงคราญของข่งหลิงถูกซัดกระเด็นส่งเสียงครวญ ร่างอรชรของนางสั่นสะเทือน แทบร่วงคะมำออกไป
อีกฟากหนึ่ง บรรทัดหยกของชายหนุ่มชุดป่านถูกเท้าหนึ่งของหลินสวินเหยียบไว้ ไม่ว่าดิ้นรนอย่างไรล้วนไม่เป็นผล
พรูดๆๆ
และยามนี้ หลังจากพลังหมัดชวนสะพรึงที่สามารถสะท้านฟ้าสะเทือนดินนั่นของหลินสวินยิงพุ่งออกมา เงาร่างผู้กล้ามากมายที่เข้ามาใกล้ ยังไม่ทันหลบหลีกร่างกายก็ระเบิดออกราวดอกไม้ไฟเบ่งบาน ฝนโลหิตหลั่งรินโดยรอบ ย้อมห้วงอากาศเป็นสีชาด
ณ เชิงเขา เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น
หลังกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เปิดฉาก ผู้กล้าที่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันมากมายเริ่มเคลื่อนไหวนานแล้ว เหลือเพียงพวกผู้เจนจัด ผู้ติดตาม ข้าบ่าวรับใช้เก่าแก่บางส่วนที่อยู่ตรงเชิงเขา
เมื่อมองเห็นภาพนี้ต่างเลี่ยงไม่ได้ที่จะตกตะลึง หน้าพลันเปลี่ยนสี
ผู้สืบทอดสำนักโบราณเหล่านั้นแต่ละคนล้วนเป็นพวกชั้นยอดในรุ่นเดียวกัน อิทธิพลดั่งดวงตะวันโชติช่วง บัดนี้รวมตัวจ่อคมศาสตราใส่หลินสวินคนเดียว พลังเช่นนั้นน่าหวาดกลัวระดับไหน
แต่ผลคือหลินสวินรับมือได้ ทั้งสบายหาใดเปรียบ เปิดฉากสังหารครั้งใหญ่อย่างแข็งกร้าวดุจเทพมาร ตัดสลับไปมาบนแท่นมรรค!
“ตาย!”
หลินสวินกางนิ้วออก ธารดาราลุกโชนสายหนึ่งแผ่ขยายกลางอากาศ ผลาญนภาทลายปฐพี ระเบิดร้อนแรงน่าตื่นตะลึง
วิชามรรคชั้นเลิศ มรรคธารดาราหลอมเพลิง!
อาศัยพลังมหามรรคธาตุไฟขั้นแก่นมรรค ทันทีที่วิชามรรคส่วนนี้สำแดง บนแท่นมรรคดั่งมีดาวดวงโตลุกโชนมากมายระเบิดออก
พลังทำลายล้างชวนประหวั่นนั่นกลืนกินเหล่าผู้กล้าสิบกว่าคนตรงนั้นทันที ส่งเสียงร้องทุรนทุรายโหยหวนหาใดเปรียบ
“ไอ้มารผจญเจ้าบังอาจ!” ชายหนุ่มชุดป่านโกรธจัด บรรทัดหยกเปล่งแสงแวววาว ซัดสาดรัศมีสายฟ้าพันหมื่นชั้นออกมา
“ไสหัวไป!” หลินสวินที่กำลังพุ่งสังหารไม่แม้แต่หันหลังกลับ เงามายาสัตว์เทพฟู่ซี่ปรากฏจากแผ่นหลัง ทะยานฟ้าออกไป
พริบตานั้นชายหนุ่มชุดป่านและบรรทัดหยกในมือเขาถูกซัดละลิ่วไปพร้อมกัน ภายในร่างส่งเสียงกระดูกแตกละเอียด ทำเอาเขาจมูกปากกบเลือด เกือบประสบเคราะห์
ตูม!
ขณะเดียวกันพลังหมัดหลินสวินดุจมังกรคำรามก้องฟ้าดิน พุ่งเข้ารับผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะ พลังหมัดแข็งแกร่งไม่มีสิ่งใดไม่อาจทำลาย อานุภาพไร้ขีดจำกัด สยบศัตรูทั่วทิศ!
ณ เชิงเขา เหล่าผู้เจนจัดและข้ารับใช้แต่ละขุมอำนาจต่างใจสะท้าน พวกเขาส่วนใหญ่เพิ่งเคยเห็นหลินสวินลงมือเป็นครั้งแรก เดิมคิดว่าบุคคลแห่งยุคคนเดียว ต่อให้แกร่งแค่ไหนภายใต้สถานการณ์ที่ถูกล้อมกรอบก็คงหนีคราวเคราะห์ไม่พ้น
แต่ใครเล่าจะคาดคิด เทพมารหลินนี่แข็งแกร่งกว่า น่ากลัวกว่าคำเล่าลืออยู่โข!
เขาแค่ตัวคนเดียว แต่อานุภาพกลับเปี่ยมล้นฟ้าดิน ครองแท่นมรรคนั่นดั่งเจ้าเหนือหัว เคลื่อนกวาดศัตรูทั้งมวล!
………………