อวกาศเงียบสนิท มีเพียงเสียงของเฉินชิงจื่อดังก้องไปทั้งแปดทิศ สะท้อนอยู่นานไม่จางหาย
“ข้าคือเฉินชิงจื่อ เต๋าของข้าคืออะไร เจ้ารู้หรือไม่”
ท่ามกลางเสียงสะท้อนก้องนี้ กระบี่ไม้แตกสลายแล้วกลายเป็นดอกบัวไม้ค่อยๆ กระจัดกระจาย แตกสลายออกจากกัน ไม่ก่อร่างขึ้นอีก ส่วนเฉินชิงจื่อตอนนี้เงียบงัน มองดูเศษซากของกระบี่ไม้ที่สลายหายไป ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
บางทีอาจกำลังหวนนึกถึงเรื่องเก่า
“นี่…นี่…” ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณสีหน้าซีดขาว ในใจมีคลื่นยักษ์สะเทือนฟ้าซัดโหม ร่างกายถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ราวกับแม้ว่าตรงนี้จะอยู่ห่างจากเฉินชิงจื่อมากแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงถอยหลังมาตามสัญชาตญาณ
เป็นเพราะพลังต่อสู้ที่เฉินชิงจื่อแสดงออกมาเมื่อครู่นี้มันเกินกว่าที่เขาจินตนาการนัก ไปถึงระดับที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะ…เขาดูไม่ออกเลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นเป็นเต๋าอะไร!
ดูคล้ายกับเต๋ากระบี่ แต่ก็ไม่เหมือน ดูคล้ายเต๋าสังหาร แต่จิตใต้สำนักบอกเขาว่านั่นก็ไม่ใช่เต๋าสังหาร!
เป็นเพราะความไม่รู้เช่นนี้ จึงทำให้จิตใจของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณสั่นสะท้านรุนแรงเหลือล้ำ
ทางฝั่งนักบุญมืดก็เช่นกัน แม้ว่าเฉินชิงจื่อจะเป็นตัวแทนของเต๋าธาตุมืด ทั้งตัวเขาก็ยังเป็นเต๋าสวรรค์ของสำนักแห่งความมืด แต่นักบุญมืดก็ยังตัวสั่นระริก ราวกับตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับจักรวาล แต่เป็นเช่นมนุษย์ปุถุชน
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!!” ขณะที่นักบุญมืดเอ่ยพึมพำอยู่ตรงนี้ หวังเป่าเล่อก็เงียบงัน ความซับซ้อนในแววตาเข้มข้นยิ่งขึ้น คนอื่นดูไม่ออก แต่เขาที่อยู่ตรงนี้ยังสามารถมองออกได้ส่วนหนึ่ง
“ไม่ใช่เต๋ากระบี่ ไม่ใช่เต๋าสังหาร แต่เป็นความทรงจำ…หวนนึกถึงเรื่องอดีต จนเกิดเป็น…เต๋าอันสับสน”
“ดังนั้นสุดท้ายเขาจึงถามว่าเต๋าของเขาคืออะไร…” หวังเป่าเล่อถอนหายใจแผ่ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่า ชีวิตอันสมบูรณ์แบบของเฉินชิงจื่อ ตอนนี้เมื่อดูแล้ว…บางทีอาจไม่มีความสุขอยู่เลยก็ได้
อวกาศเงียบสงบ มีเพียงเฉินชิงจื่อยืนอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนานเขาก็เงยหน้าขึ้น แววตาฉายแววสับสน ทอดมองไปยังที่ไกลๆ จากนั้นก็มองไปยังจุดที่ร่างกายของเว่ยยางจื่อแตกสลาย
“ออกมาเถอะ ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”
แทบจะทันทีที่เฉินชิงจื่อเอ่ยออกมา บริเวณที่ร่างของเว่ยยางจื่อแตกสลายก็พลันบิดเบี้ยว เงามายานับไม่ถ้วนปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าแล้วรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ความน่าเกรงขามไร้ใดเปรียบและจิตแห่งจักรพรรดิสะเทือนฟ้าสะเทือนดินระเบิดออกมาทันใด
ท่ามกลางการระเบิดนี้ เงามายาเหล่านี้ก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว จากนั้นจะมองเห็นด้วยตาเปล่าว่าเงาร่างของเว่ยยางจื่อกำลังก่อตัวขึ้นมา เพียงแต่เงาร่างที่ก่อตัวขึ้นมาครั้งนี้แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง!
อาภรณ์ยาวสีเหลืองทั่วร่าง ศีรษะสวมมงกุฏจักรพรรดิ ท่าทางน่าเกรงขามไร้โทสะ พลานุภาพของจักรพรรดิบนร่างของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวและไม่ได้เอ่ยอะไร แต่เขายืนอยู่ตรงนั้น จุดที่เขายืนก็คืออาณาเขตของเขา ราวกับเมื่อสายตาของเขามองมา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนต้องคุกเข่าคำนับต่อหน้าเขา
นี่ก็คือหัวสุดท้ายของเว่ยยางจื่อ!
แม้ว่าหัวแห่งแสงสว่างและความมืดของเขาจะพังทลายไปแล้ว แม้ว่าแขนทั้งหกของเขาก็ถูกทำลายด้วย แต่เขายังมีหัวสุดท้ายอยู่ และเต๋าที่แฝงอยู่ในหัวนี้
ก็คือเต๋าแห่งจักรพรรดิ!
เต๋าชนิดนี้เป็นที่ที่สารัตถะของเขาสถิตอยู่ ซึ่งมีที่มาจาก…มหาเทพ!
นักบุญมืดเป็นคนแรกที่ทนรับไม่ไหว ในหัวของเขาเกิดเสียงอึกทึกกึกก้องทันทีแล้วเสียความรู้สึกนึกคิดไป ตัวของเขาคุกเข่าลงโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่ชั่วขณะที่กำลังคุกเข่านั้น ลำตัวของเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านแหลกสลาย
ร่างกายของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณสั่นไหวรุนแรง หวังเป่าเล่อก็เช่นกัน เขาสัมผัสได้ถึงอานุภาพมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างของเว่ยยางจื่อแล้วตกลงมาที่ตน คล้ายกับมีเสียงเสียงหนึ่งร้องเสียงต่ำอย่างเผด็จการดังขึ้นในใจของเขา
“คุกเข่า!”
“คุกเข่า!!”
“คุกเข่า!!!”
ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณร้องคำราม ดวงตาแดงก่ำ คล้ายคิดจะต้านทานอานุภาพกดดันและดวงจิตนี้ให้ได้ แต่สองขาของเขากลับค่อยๆ งอลงอย่างคุมไม่อยู่จนเส้นเลือดดำทั่วร่างของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณนูนขึ้น ไม่อาจขัดขวางได้ แต่เขาก็เป็นคนเหี้ยม เมื่อเห็นว่าต้านไม่อยู่ เขาก็ระเบิดพลังภายในร่างออกมาพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
พริบตาต่อมา สองขาของเขาก็เกิดเสียงดังก้องแล้วระเบิดแตกสลายทันที เลือดและเนื้อกระจัดกระจาย ในที่สุดเขาที่เสียขาทั้งสองข้างก็เงยหน้าขึ้น ต่อต้านการบดขยี้สังหารจากดวงจิตของเว่ยยางจื่อไปได้
ส่วนหวังเป่าเล่อ ตอนนี้เส้นเลือดดำที่หน้าผากก็เต้นตุบเช่นกัน ดวงตาแดงก่ำด้วยสีเลือด แต่ร่างกายกลับยังอยู่ท่าเดิม ไม่ได้บิดงอแม้เพียงนิด เพราะด้านหลังของเขามีกระดานไม้ดำแผ่นหนึ่งปรากฏขึ้น!
ความเย่อหยิ่งของเขาไม่ใช่สิ่งที่เว่ยยางจื่อจะทำให้จำนนได้!
ร่างเดิมของเขาก็ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่เว่ยยางจื่อจะเหยียบย่ำได้!
ดวงจิตของเขา ชีวิตนี้ไม่คุกเข่าให้ฟ้าดิน มีเพียงพ่อแม่ มีเพียงอาจารย์!
ภาพนี้ดึงดูดสายตาของเว่ยยางจื่อในทันที และเป็นครั้งแรกที่มองไปยังหวังเป่าเล่อตั้งแต่สู้กับเฉินชิงจื่อมาจนถึงบัดนี้ แต่เพียงแค่กวาดมองเท่านั้น เพราะตอนนี้สายตาของเฉินชิงจื่อกำลังจดจ้องมาแล้วเอ่ยช้าๆ
“เจ้าเป็นร่างแยกของมหาเทพจริงๆ!”
“เฉินชิงจื่อ สิ่งที่เจ้าใช้ออกมาก่อนหน้านี้คือเต๋าอะไร!” เว่ยยางจื่อเงียบไปครู่หนึ่ง ฉับพลันก็เอ่ยขึ้น
“นั่นไม่ใช่เต๋า” เฉินชิงจื่อส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดต่อ แต่หยิบน้ำเต้าที่แขวนไว้ที่เอวขึ้นมาแล้วดื่มเข้าปากไปอึกใหญ่ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเบา
“เว่ยยางจื่อ มีเพื่อนเก่าคนหนึ่งของเจ้าอยากจะมาเยี่ยมเยียนเจ้าหน่อย”
“หืม” เว่ยยางจื่อหรี่ตาลง กำลังจะเอ่ยพูด แต่พริบตาต่อมาสายตาของเขาก็หดเกร็งทันที เห็นเพียงแค่เฉินชิงจื่อโบกมือ จากนั้นแม่น้ำแห่งความมืดด้านหลังของเขาก็ไหลบ่ากระทันหันแล้วมาบรรจบที่ตัวเขาทันใด ขณะที่มันไหลมาบรรจบ ด้านหลังของเขาก็ก่อเกิดเป็นวังน้ำวนมหึมา
ภายในวังน้ำวนนี้มีเสียงดังอึกทึกดังออกมา และยิ่งมีเสียงกรีดร้องคำรามมากมายแผ่กระจายไปทั้งแปดทิศ ทำให้ผู้ที่ได้ยินต่างรู้สึกปั่นป่วนในใจ
“เว่ยยางจื่อ!”
“เจ้าออกไปไม่ได้!”
“สำนักแห่งความมืดของข้ามีภารกิจที่ห้ามไม่ให้สิ่งมีชีวิตใดออกไปจากโลกแห่งศิลา!”
“ข้าผู้เป็นจักรพรรดิแม้จะสวรรคตแล้ว แต่การสืบทอดหน้าที่ของข้ายังคงอยู่ทุกชาติทุกภพ เจ้าไม่อาจจากไปได้!”
ท่ามกลางเสียงคำรามนี้ เงาร่างมหึมาก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากภายในวังน้ำวนที่รวมขึ้นมาจากแม่น้ำแห่งความมืดด้านหลังเฉินชิงจื่อ เมื่อเงาร่างนี้ปรากฏขึ้น อานุภาพจักรพรรดิแบบเดียวกันก็ปะทุอย่างมหาศาลออกมาจากภายในนั้น
ท่ามกลางการระเบิดปะทุครั้งนี้ ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“จักรพรรดิแห่งความมืดหรือ!”
หวังเป่าเล่อก็ใจสั่นสะเทือนเช่นกัน ตอนนี้เปลวไฟสีดำภายในร่างพลุ่งพล่านเหลือแสน มันปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เมื่อมองไปยังวังน้ำวนแม่น้ำแห่งความมืด เขาก็มองเห็นเงาร่างที่โผล่ออกมาทันที คนผู้นั้นสวมอาภรณ์จักรพรรดิสีม่วงทั้งร่างและสวมมงกุฎจักรพรรดิ แม้ว่าใบหน้าจะขาวซีด ไอความตายทั่วทั้งกายแพร่กระจาย แต่อานุภาพกดดันและดวงจิตกลับแรงกล้าไร้ใดเทียม
เงาร่างนี้ หวังเป่าเล่อเคยเห็นแล้ว!
นั่นก็คือ…ศพของจักรพรรดิแห่งความมืดซึ่งตอนนั้นอยู่ในโลงศพ ณ ดินแดนหลุมศพที่ส่วนลึกของแม่น้ำแห่งความมืดและถูกเฉินชิงจื่อนำออกไป…เพียงแต่ตอนนี้ ศพนี้กลับคล้ายมีชีวิต!
แม้ว่าชีวิตแบบนี้จะไม่ใช่พลังชีวิต แต่เป็นไอความตาย แต่สำหรับสำนักแห่งความมืดแล้ว เท่านี้ก็เพียงพอ!
“จักรพรรดิแห่งความมืด!” เว่ยยางจื่อหรี่ตาลงแล้วเอ่ยช้าๆ
……………………