ราชันเร้นลับ 1125 : โอกาส

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของวิล·อัสติน ไคลน์ทำตัวไม่ถูก จึงไม่แสดงสีหน้าใด

จนกระทั่งทารกที่ถูกห่อด้วยผ้าไหมเงินสงบลง ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงงุนงง

“ต่อให้พูดไปก่อนหน้านี้ก็คงไม่มีประโยชน์ ในตอนที่เราพบกัน คุณ ‘เริ่มต้นใหม่’ ไปแล้ว”

“ไม่เหมือนกัน ตอนนั้นข้ายังเป็นวิล·อัสติน ยังไม่มีนามสกุลว่าคริส และผ่านการเริ่มต้นใหม่มานานแล้ว” ทารกอวบอ้วนกล่าวทั้งน้ำตา “แม้ตอนนั้นจะยังเด็ก อีกหลายปีกว่าจะโตเต็มวัย แต่ตราบใดที่พร้อมรับความเสี่ยง โอกาสสำเร็จในการปรองดองก็ยังมี โดยเฉพาะเมื่อผนวกกับโชคชะตาที่ข้าสั่งสมมา ปัญหาดังกล่าวมีโอกาสผ่านพ้นไปได้…แต่ปัจจุบัน ความแตกต่างมีมากเกินไป หมดหนทางแก้ไขแล้ว”

ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ไตร่ตรองก่อนจะกล่าว

“ทำไมไม่ลองให้เทวทูตเส้นทางนักจารกรรมขโมยเวลาชีวิตคุณไป? บางทีคุณอาจจะโตเร็วขึ้น”

วิล·อัสตินที่ยังคงสะอื้น ส่ายหน้าและพูด

“เปล่าประโยชน์…เจ้าพวกนั้นขโมย ‘วัยเด็ก’ และ ‘วัยรุ่น’ ของข้าไปไม่ได้ อย่างมากก็แค่ลดอายุขัยลง…หากใช้วิธีดังกล่าว วิล·อัสติน·คริสจะเสียชีวิตทันที…กลายเป็นเด็กที่เกิดในเดือนมิถุนายนปีหนึ่งพันสามร้อยห้าสิบและตายในเดือนตุลาคมหนึ่งพันสามร้อยห้าสิบ…แก่ตายด้วยวัยเพียงสี่เดือน…”

“แต่ผมเคยเห็นการเร่งอายุจากการขโมยช่วงชีวิต” ไคลน์กำลังหมายถึงสิ่งที่ตนเห็นในสุสานของอามุนด์

ทารกอวบอ้วนส่ายหน้า

“ผิดแล้ว นั่นเป็นแค่ผลลัพธ์เชิงสัญลักษณ์ หากนำมาใช้กับข้า ร่างกายทารกจะมีผมหงอกและเต็มไปด้วยริ้วรอย มิได้เจริญเติบโต…คนเดียวที่สามารถขโมย ‘วัยเด็ก’ และ ‘วัยรุ่น’ ของข้าได้อย่างแม่นยำคืออามุนด์ และต้องเป็นอามุนด์ร่างหลักเท่านั้น…”

ถึงตรงนี้ ทารกที่ห่อหุ้มด้วยผ้าไหมสีเงินและไคลน์ต่างก็ปิดปากเงียบเป็นเวลานาน ไม่มีใครกล่าวคำใด

หากเผชิญหน้ากับอามุนด์ร่างหลัก เกรงว่าสิ่งที่ถูกขโมยจะไม่ใช่แค่ ‘วัยเด็ก’ และ ‘วัยรุ่น’

ผ่านไปสักพัก ไคลน์ถอนหายใจยาวและกล่าวโดยไม่ปิดบัง

“งั้นผมคงต้องยอมแพ้เรื่องนั้นไปก่อน…แต่ก็ยังอยากทราบวิธีปรองดองกับเอกลักษณ์อยู่ดี ถ้าในอนาคตมีโอกาสจะได้ไม่ทำผิดพลาด อาจเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์เข้าสักวัน…”

วิล·อัสตินวางมือที่เปียกน้ำตาลง

“ไม่ต้องไปถามใครที่ไหนหรอก ข้ารู้วิธีมานานแล้ว เพียงแต่ทำไม่ได้…คิดว่าข้าเป็นประธานใหญ่ของโรงเรียนชีวิตได้เพราะอะไร?”

“…” ไคลน์ถามด้วยความประหลาดใจและสงสัย “ทำไมถึงปรองดองไม่ได้?”

วิล·อัสตินดึงผ้าห่มผืนเล็กในรถเข็นและพูด

“มีสามวิธีในการปรองดองกับเอกลักษณ์ ประการแรก เกิดมาพร้อมกับเอกลักษณ์ นั่นจะหมายถึงการเป็นเอกลักษณ์ที่มีความเป็นมนุษย์ ประการที่สอง ทำให้มันมีสัญญาณชีพในระดับหนึ่ง จากนั้นผสานเข้ากับร่างกายโดยใช้พลังของพระผู้สร้างในการข่มเอกลักษณ์เอาไว้ วิธีนี้จะใช้เวลาปรับตัวและสร้างสมดุลนานมาก ประการที่สาม นำเอกลักษณ์มาปรุงเป็นโอสถที่ไม่สมบูรณ์ จากนั้นก็ดื่มระหว่างพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพฉบับรวบรัด…วิธีแรกเป็นไปไม่ได้ พี่น้องคู่นั้นจึงน่าอิจฉามาก…วิธีที่สองก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะเทพสุริยันบรรพกาลร่วงหล่นไปนานแล้ว…วิธีที่สามคือหนทางเดียวที่เป็นไปได้ แต่สำหรับลำดับหนึ่ง เส้นทางโชคชะตา ข้าทำได้เพียงรอให้วาสนานำพา”

สำหรับวิธีแรก จักรพรรดิโรซายล์เคยเขียนไว้ในไดอารี เป็นวิธีที่มิสเตอร์ประตูเล่าให้ฟัง…สำหรับวิธีที่สอง หมายความว่าเทพสุริยันบรรพกาลเชี่ยวชาญพลังในหลายขอบเขต? ท่านมีระดับสูงกว่าเทพแท้จริงในปัจจุบันอยู่ครึ่งขั้น? หรือหนึ่งขั้นเต็ม? ระดับเดียวกับพระผู้สร้างต้นกำเนิด? ไตร่ตรองสักพัก ไคลน์ถามกลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“วาสนานำพาหมายความว่ายังไง? เกี่ยวอะไรกับการที่ผมถามเรื่องนี้เร็วหรือช้า?”

ใบหน้าทารกอ้วนของวิล·อัสตินเผยความเหนื่อยหน่าย

“พิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของเส้นทางโชคชะตาเป็นได้ทั้งง่ายที่สุด…และยากที่สุด…ตราบใดที่พวกเราพบจังหวะที่เหมาะสมท่ามกลางกระแสแห่งชะตากรรม การดื่มโอสถในช่วงเวลาดังกล่าวจะช่วยให้เถลิงบัลลังก์เทพสำเร็จ…ปัญหาก็คือ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นหากระแสแห่งชะตากรรมดังกล่าว พวกเราไม่สามารถทำนายถามได้ แม้แต่ช่วงเวลาที่แน่ชัดก็ไม่ทราบ ไม่สามารถล็อกเป้าได้ด้วยประการทั้งปวง ทำได้เพียงตัดความเป็นไปได้ที่ไม่ใช่ออกไปและค้นหาอย่างอดทน ข้าเริ่มต้นใหม่มาแล้วหลายครั้ง ใช้เวลาไปไม่น้อย แต่ก็ยังมองหากระแสแห่งชะตากรรมไม่พบ…”

กล่าวถึงตรงนี้ ทารกอ้วนหลั่งน้ำตาอีกครั้ง

ฟังดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วทำได้เพียงพึ่งพาโชคชะตาและความสามารถในการ ‘มองหา’ …ไคลน์ถอนหายใจยาว ถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างมั่นใจ

“ในตอนที่ผมบอกว่าจะช่วยให้คุณปรองดองกับเอกลักษณ์ คุณมองเห็น ‘โอกาส’ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างคลุมเครือ?”

ทารกอวบอ้วนร้องไห้หนักกว่าเก่า

“ถึงข้าจะยังไม่มั่นใจ…แต่ก็เกิดลางสังหรณ์บางอย่าง…”

…แบบนี้นี่เอง ในตอนที่วิล·อัสตินตัดสินใจเข้าหาเรา นอกจากจะหวังเกี่ยวกับยันต์วันวานอีกครั้ง ยังหวังจะได้พบ ‘วาสนา’ ด้วย? โลภชะมัด…ไคลน์พยักหน้าเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้นก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว…”

“เจ้าช่วยข้าด้วยการมอบยันต์นั่นมาให้อีกหลาย ๆ แผ่น!” วิล·อัสตินพยักหน้าหนักแน่น

“ตกลง” ไคลน์ตอบโดยไม่ลังเล จากนั้นก็เสริม “คุณเองก็ต้องพับนกกระเรียนกระดาษให้ผมอีกหลายตัวเหมือนกัน”

กล่าวจบ ทั้งไคลน์และทารกที่ถูกห่อด้วยผ้าไหมสีเงิน ต่างเงียบงันเป็นเวลานาน

ภายในบ้านเช่า ไคลน์ที่ตื่นจากความฝัน ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปที่ห้องด้านนอก หยิบปากกาและกระดาษ เขียนถึงเลียวนาร์ด

“…ผมได้รับยันต์ลำดับสูงของเส้นทางนักทำนายมาจำนวนหนึ่ง มีคุณสมบัติช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถยืมพลังจากตัวเองในอดีต…”

ไคลน์ไม่ได้ถามว่าเพื่อนรักนักกวีต้องการมันหรือไม่ คล้ายกับเป็นประโยคบอกเล่าเรียบง่าย

หลังจากพับกระดาษจดหมาย มันหยิบเหรียญทองและยันต์เพชรทรงสี่เหลี่ยมออกมาถือ เป่าฮาร์โมนิก้านักผจญภัย

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่แต่งกายในเดรสซับซ้อนสีเข้ม เดินออกจากความว่างเปล่าพร้อมกับสี่หัวที่มีผมสีทองตาสีแดง ดวงตาทุกคู่จับจ้องมาทางยันต์วันวานอีกครั้งอย่างพร้อมเพรียง

สี่หัวขยับปากพูดเรียงกัน

“คราวนี้…” “จะให้ข้า…” “จัดการ…” “กับใคร…”

ตรงไปตรงมาดี…ไคลน์ถอนหายใจพลางยิ้ม

“ยังไม่ยืนยัน…ในอนาคต ผมมีแผนจะทำลายพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพของจอร์จที่สาม อาจต้องยืมความช่วยเหลือจากคุณในช่วงเวลาวิกฤติ”

สี่เศียรผมทองตาแดงของไรเน็ตต์ตอบกลับเรียงกัน

“ฟัง…” “ดู…” “อันตราย…” “มาก…”

“ต้องจ่าย…” “มากกว่า…” “เดิม…”

“จ่ายด้วยยันต์แบบนี้?” หน้าผากไคลน์กระตุกทันที ราวกับหวนนึกถึงความเจ็บปวดขณะฉีกกระชากดวงวิญญาณตัวเอง

“สามแผ่น…” ศีรษะสุดท้ายของไรเน็ตต์ที่ไม่ได้พูดประโยคล่าสุด เปล่งเสียงเย็นเยียบ

“…” ไคลน์ฝืนยิ้ม

“ตกลง…แต่ต้องใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์”

ประการแรก มันเพิ่งแบ่งหนอนวิญญาณออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างยันต์วันวานอีกครั้ง ส่งผลให้ร่างกายใกล้ถึงขีดจำกัด จำเป็นต้องพักผ่อนอีกสักระยะ ประการที่สอง มันคาดการณ์ว่าในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า เมื่อนิยายเล่มใหม่ของมิสเมจิกเชี่ยนถูกวางขาย โอสถจอมเวทพิสดารจะย่อยเสร็จสมบูรณ์และถึงเวลาเลื่อนเป็นปราชญ์โบราณ หากทำสำเร็จ อาจมีวิธีสร้างยันต์วันวานอีกครั้งที่ง่ายกว่าเดิม หรือเจ็บตัวน้อยกว่า

หัวทั้งสี่ของไรเน็ตต์ขยับขึ้นลงโดยอาศัยการดึงผม สื่อว่าไม่มีปัญหา

ไคลน์ชี้ไปทางจดหมายและเหรียญทอง

“ส่งลงในกล่องจดหมายของบ้านเลขที่เจ็ด ถนนพินสเตอร์”

มันทำนายดวงชะตาล่วงหน้าและพบว่าเลียวนาร์ดไม่ได้อยู่ที่บ้าน ดูเหมือนกำลังเดินทางไปที่ย่านทิศใต้ของสะพาน

หนึ่งในศีรษะของไรเน็ตต์ขยับ ทั้งจดหมาย เหรียญทอง และยันต์วันวานอีกครั้งถูกดูดเข้าไปในปากของเธอ

หลังจากเฝ้ามองมิสผู้ส่งสารเดินเข้าไปในความว่างเปล่าและอันตรธานหายไปจากห้องเช่า ไคลน์ไตร่ตรองสิบวินาทีก่อนจะประกอบพิธีกรรมสังเวยและรับมอบ

ในเมื่อโอสถจอมเวทพิสดารใกล้ถูกย่อยสมบูรณ์ มันจำเป็นต้องเตรียมหาวัตถุดิบสำหรับปราชญ์โบราณไว้ล่วงหน้า

จากบรรดาทั้งหมด หัวใจที่ผุกร่อนและผลึกขนน้ำแข็งของหมาป่าอสูรแห่งสายหมอก น่าจะหาได้จากเทพธิดารัตติกาล

และถ้ามีหัวใจที่ผุกร่อนของหมาป่าอสูรแห่งสายหมอก ชายหนุ่มสามารถเดินทางไปยังโลกวิญญาณเพื่อ ‘ล่อ’ ให้สุนัขแห่งฟัลกริมปรากฏตัว

หลังจากวุ่นวายอยู่สักพัก ไคลน์ประกอบแท่นบูชาเสร็จ ถอยหลังสองก้าวและตรวจสอบสภาพแวดล้อม

แท่นบูชาค่อนข้างสะอาด…ยิ่งเมื่อมีผนึกจากกำแพงวิญญาณ ก็เพียงพอแล้วสำหรับใช้ประกอบพิธีกรรม…แต่ในระยะหลัง เราไม่ได้สร้างผลงานหรือสังเวยสิ่งของมีค่าให้พระองค์เลย แล้วจะใช้เหตุผลใดในการขอของรางวัล? เล่าแผนการในอนาคตให้ฟังพร้อมกับขอกู้ล่วงหน้า? แบบนั้นจะเป็นการหมิ่นเกียรติพระองค์มากไปไหม? คงต้องลองสังเวยสิ่งที่พอจะมีค่า หากเทพธิดายินดีรับไว้ พระองค์คงมอบรางวัลแลกเปลี่ยน…

ของมีค่า…นึกถึงตรงนี้ ไคลน์จินตนาการภาพกองขยะบนมิติหมอก

เดิมที มันคิดจะนำสิ่งของที่ขายไม่ออกและไร้ประโยชน์ในปัจจุบันอย่างขวดพิษชีวภาพ ตะกอนพลังนักสอบสวน ตะกอนพลังคนบ้า ออร่าของผู้ละเมอ เลือดของนักล่าพันหน้า ดวงตาการ์กอยล์หกปีก ผงละอองของหัวขโมยโลกวิญญาณ และอีกมาก มามัดรวมกันและสังเวยให้เทพธิดารัตติกาล เพื่อแลกกับวัตถุดิบโอสถปราชญ์โบราณ แต่มันเกรงว่านั่นอาจทำให้เทพธิดาดูเหมือนโรงรับซื้อขยะ จึงล้มเลิกความคิดดังกล่าว

ต้องเป็นสิ่งที่มีค่าพอ ๆ กัน…‘การเดินทางของกรอซาย’ คงไม่ได้…หนังสือเล่มนี้ซ่อนความลับไว้มากมาย อาจมีบทบาทสำคัญในอนาคต…อา จริงสิ ครั้งถัดไปที่ทีมสำรวจของเดอะซันน้อยเข้าไปในวังราชาคนยักษ์ เราอาจพิจารณาส่งมอบเถ้ากระดูกของกรอซายไปให้ฝัง…สำหรับการสำรวจครั้งที่ผ่านมา เราไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน คิดว่าอาจเข้าไม่ถึงวังราชาคนยักษ์ของจริงด้วยซ้ำ จึงไม่ได้มอบเถ้ากระดูกไว้ล่วงหน้า…

คทาเทพสมุทร? นั่นยิ่งสำคัญกว่าเดิม ไม่ใช่แค่เป็นสมบัติปิดผนึกที่ทรงพลังที่สุดของเรา แต่ยังเกี่ยวข้องกับสาวกเทพสมุทร ตอนนี้พวกเขาทำหน้าที่เป็นหลักยึดเหนี่ยวให้เรา หากเมื่อใดที่เรามีหลักยึดเหนี่ยวแหล่งอื่น บางทีอาจพิจารณามอบให้มิสเตอร์แฮงแมน…

ตะกอนพลังของเฮอร์วิน·แรมบิส? ไม่ได้ เรารับปากกับมิสจัสติสไว้แล้ว…หลังจากไตร่ตรอง ไคลน์พบว่าตนเหลือตัวเลือกไม่มากนัก เช่นไม้เท้าแห่งชีวิต ยันต์เพลิงสุริยัน ยันต์โจรปล้นดวง ยันต์วันวานอีกครั้ง และยันต์คุมวิญญาณ

อย่างหลัง ๆ ล้วนเป็นของที่ใช้แล้วทิ้ง แม้จะนำทั้งหมดมารวมกัน แต่มูลค่าไม่มีทางทัดเทียมวัตถุดิบหลักของโอสถลำดับสาม…และเหนือสิ่งอื่นใด หากพลัง ‘ย้ายบาดแผล’ ของเราถูกยกระดับ ไม้เท้าแห่งชีวิตก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป…หลังจากลังเลสักพัก ไคลน์ตัดสินใจได้

…………………………