ตอนที่ 2304

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,304 : ทางมรณะ?

 

ส่วนเหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนเลือกหนทางประนีประนอมนั้นก็ง่ายดายนัก!

 

ตราบใดที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินกับเขาข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ก็ย่อมกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะด้วยกันทั้งคู่!

 

ถึงตอนนั้น นับประสาอะไรกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่ไร้วิธีข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่ชนชั้นจ้าววังเซียนสัญรส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ต่อให้มันมีมันก็ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป!

 

เพราะตอนนั้นเขาก็ต้องกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว

 

ตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะนั้น จะเริ่มก่อเกิดพลังเซียนอมตะต้นก้นเนิด อันเป็นเอกลักษณ์ของเซียนอมตะ พลังอำนาจของมันเรียกว่าเป็นอะไรที่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนผู้บรรลุสำนึกรู้ฟ้าดินถึงขีดสุดไม่อาจเทียบเทียมได้เลย!

 

‘ข้าอยากรู้นัก…หากข้ากลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ อวี่เหวินฮ่าวเฉินมันจะเอาอะไรมาสู้ข้า’

 

มองอวี่เหวินฮ่าวเฉินอีกครั้ง แววตาต้วนหลิงเทียนช่างเต็มไปด้วยความเยียบเย็นนัก ยังเต็มไปด้วยจิตต่อสู้อันเดือดระอุ!

 

อย่างไรก็ตามเพียงจ้องอวี่เหวินฮ่าวเฉินเพียงชั่วครู่ ต้วนหลิงเทียนก็ละสายตากลับมา ค่อยเตรียมตัวรับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายต่อไป อย่างไรอัสนีทัณฑ์สวรรค์ก็มีทั้งสิ้น 81 สาย และสายต่อไปก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ!

 

‘ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆที่จะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์’

 

คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็แหงนมองเมฆหายนะสู่สวรรค์เบื้องบน อารมณ์ในใจนั้นหนักอึ้งไม่น้อย

 

“ยอมลงกันเช่นนี้หรือ?”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินเลือกจะพักรบกันชั่วคราว แม้ฉีหนานฟงจะรู้ดีว่ามันก็สมควรเป็นแบบนี้ แต่มันยังอดไม่ได้ที่จะผิดหวังในใจ

 

เดิมทีมันคิดว่าจะมีอะไรดีๆให้ชมดู

 

แต่มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นฝ่ายขอประนีประนอม!

 

‘คงเป็นเรื่องดีนักหากต้วนหลิงเทียนนั่นมันไม่เลือกพักรบ…ถ้าอวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้วิธีที่สืบทอดกันมาของจ้าววังเซียนวัญจร เป็นไปได้สูงที่ต้วนหลิงเทียนจะตาย กระทั่งตัวอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็จะมีโอกาสข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ล้มเหลว!’

 

นี่คือ ‘ผลลัพธ์’ ของเรื่องราวที่ฉีหนานฟงอยากจะเห็นมากที่สุด

 

ถึงแม้ว่าการบรรลุครึ่งก้าวเซียนอมตะของอวี่เหวินฮ่าวเฉินจะส่งผลดีต่อเผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งมวล

 

หากแต่สำหรับมันที่มีวังวิญญาณอสุราอยู่เบื้องหลังย่อมมิใช่เรื่องดีเลย!

 

ในฐานะจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ย่อมมีความเห็นแก่ตัว! มันอยากให้ต้วนหลิงเทียนกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินพากันตายๆไปทั้งคู่!!

 

‘แต่…อวี่เหวินฮ่าวเฉินมันไม่กลัวต้วนหลิงเทียนข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จบ้างหรือไร เกิดเจ้านั่นมันบรรลุครึ่งก้าวเซียนอมตะขึ้นมาจริงๆเล่า?’

 

‘ถึงตอนนั้นอวี่เหวินฮ่าวเฉินจะมีปัญญาฆ่ามันได้เหรอ?’

 

คิดถึงเรื่องนี้ ฉีหนานฟง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลในใจ สองคิ้วขมวดย่นเป็นปม เพราะหากอวี่เหวินฮ่าวเฉินถูกฆ่าขึ้นมา ตัวมันกระทั่งวังวิญญาณอสุราที่อยู่เบื้องหลังได้พบหายนะแน่!

 

เพราะในสายตาของฉีหนานฟง

 

หากต้วนหลิงเทียนข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้สำเร็จจริงๆ อวี่เหวินฮ่าวเฉินไม่น่าจะมีปัญญารับมือต้วนหลิงเทียนได้เลย!

 

‘จริงสิ! เรื่องนั้น…ข้าเกือบลืมไปแล้ว!!’

 

และในขณะที่คิ้วมันกำลังขดย่นถึงที่สุดนั้น

 

ในใจฉีหนานฟงพลันปรากฏแสงหนึ่งสว่างวาบ ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ออก ‘หายนะทัณฑ์สวรรค์ของต้วนหลิงเทียน มิใช่มันชักนำมาด้วยตัวเอง แต่เป็นการฉวยโอกาสของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน!’

 

‘ในประวัติศาสตร์เผ่าปีศาจ มิใช่มีมันที่กระทำเช่นนี้คนเดียว ยังมีปีศาจอีกมากมายที่กระทำเช่นนี้…หากแต่ทั้งหมดล้วนล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ทั้งสิ้น!’

 

ในที่สุดขณะที่ตึงเครียดไร้ทางไป ฉีหนานฟง ก็สามารถนึกเรื่องนี้ได้ออก!

 

‘มิน่าล่ะ เช่นนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหลังประนีประนอมกันแล้วอวี่เหวินฮ่าวเฉินมันไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร…ดูเหมือนมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่อาจเป็นภัยคุกคามอะไรมันได้แล้วนี่เอง!’

 

‘มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่อาจข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จตั้งแต่แรก!’

 

มาตอนนี้ฉีหนานฟงเข้าใจทุกอย่างกระจ่างแล้ว

 

‘ยังดีที่ข้ากลายเป็นศัตรูกับต้วนหลิงเทียนนั่นช่วงนี้…ที่แท้มันก็แค่คนกำลังจะตายเท่านั้น!’

 

เมื่อฉีหนานฟงหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ไร้ซึ่งความหวาดกลัวและความวิตกกังวลใดๆหลงเหลือในแววตา ยังเฉยเมยไร้อารมณ์ทำราวกับมันกำลังมองคนตาย!

 

เพราะในสายตามันตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว!

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนและอวี่เหวินฮ่าวเฉินพักรบ และเฝ้ารอการปรากฏของอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 3อย่างเงียบงัน

 

เหล่าผู้ชมที่มามุงดูก็เริ่มสนทนากันอีกครั้ง

 

“ต้วนหลิงเทียนเลือกหาทางลงเช่นนี้นับว่าฉลาดไม่เบา…เพราะตราบใดที่มันข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จและกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ จ้าววังอวี่เหวินคงมิใช่คู่มือมันอีกต่อไป!”

 

“นั่นสิ ตอนนี้ทั้งที่จ้าววังอวี่เหวินมีวิธีข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แท้ๆ…หากนำไปใช้กับการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แล้วจะอย่างไร เพราะหลังมันเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะก็ทำอะไรต้วนหลิงเทียนที่บรรลุถึงเช่นกันมิได้อยู่ดี”

 

“ข้าไม่รู้จริงๆว่าในหัวจ้าววังอวี่เหวินคิดอ่านอันใดอยู่กันแน่…หากเป็นข้าคงเลือกจะใช้วิธีที่ว่าฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งเสีย เพราะอย่างไรก็มีโอกาสอาศัยพลังตัวเองข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ มิใช่ว่าจะต้องล้มเหลวตายตกเสมอไป!”

 

“มิผิด หากใช้วิธีนั่นฆ่าต้วนหลิงเทียนเสีย ถึงจะไม่มีวิธีข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แน่นอนหลงเหลือ แต่อย่างไรก็มีโอกาสใช้พลังตัวเองข้ามผ่านได้สำเร็จ…แต่หากต้วนหลิงเทียนรอดจากหายนะทัณฑ์สวรรค์ มันก็เหลือแต่หนทางตายตกเท่านั้น!”

 

“แต่พวกเรากล่าวใดไปก็เท่านั้น ดูทีท่าแล้วมันมิคิดนำไปใช้กับต้วนหลิงเทียนแน่ เพียงตั้งใจรอใช้กับหายนะทัณฑ์สวรรค์!”

 

 

วาจาทำนองเดียวกันนี้ดังขึ้นในหมู่คนของ 2 วัง 6ตำหนัก กระทั่งพวกมันยังกล่าวออกมาอย่างไม่เกรงใจ พาลให้บรรยากาศคล้ายตลาดสดอยู่บ้าง!

 

เหล่าคนของวังเซียนวัญจรก็ย่อมได้ยินเสียงพูดคุยของพวกมันเป็นธรรมดา

 

สีหน้าพวกมันจึงกลายเป็นบิดเบี้ยวปั้นยากนัก!

 

อย่างไรก็ตามใบหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากของพวกมันก็กลับมาปกติทันที เมื่อได้ยินรองจ้าววังคนหนึ่งกล่าวออก

 

กระทั่งไม่เพียงแต่จะกลับมาปกติ แต่ใบหน้าพวกมันยังฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดี!

 

“ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของเผ่าพันธุ์ปีศาจ…มีปีศาจไม่น้อยที่ไม่พบโอกาสชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ จึงเลือกที่จะฉวยโอกาส อาศัยหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่ผู้อื่นชักนำมา หมายบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะด้วยวิธีนี้! หากแต่ทั้งหมดล้วนพบเจอแต่ความล้มเหลว! เมื่อหายนะนี้มิใช่พวกมันพบพานโอกาสด้วยตัวเอง มันย่อมไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อม!!”

 

นี่เป็นวาจาที่รองจ้าววังกล่าวออกเมื่อครู่

 

“จริงสิ…ข้าเองก็เหมือนจะเคยอ่านเจอบันทึกเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว…ในประวัติศาสตร์ของเผ่าปีศาจมีผู้ที่กระทำเฉกเช่นต้วนหลิงเทียนไม่น้อย หมายฉวยโอกาสผู้อื่นบรรลุครึ่งก้าวเซียนอมตะ หากทว่าไร้ผู้ใดข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ!!”

 

“ไฉนข้าถึงลืมเรื่องนี้ไปได้! มิน่าแปลกใจเลย…ที่แท้เป็นท่านจ้าววังของพวกเราปรีชาสามารถ! ท่านตระหนักได้ถึงเรื่องนี้แต่แรก!!”

 

“ฮ่าๆๆ…เช่นนี้ต้วนหลิงเทียนยังจะมีโอกาสได้สู้กับท่านจ้าววังหลังข้ามผ่านหายนะได้อย่างไร! มันสมควรถูกหายนะทัณฑ์สวรรค์พิฆาตตกตายก่อนด้วยซ้ำ!!”

 

 

เมื่อมีคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ อาวุโสวังเซียนสัญจรทั้งชนชั้นรองจ้าววังทั้งหลายก็ฉุกคิดเรื่องนี้ได้ ทำให้บรรยากกาศทางฝั่งวังเซียนสัญจรแปรเปลี่ยนไปราวหน้ามือกับหลังมือในพริบตา แต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใสประหนึ่งได้หลุดพ้นจากขุมนรก ทะยานสู่สวรรค์!

 

คนอื่นๆของ 2 วังกับ 6 ตำหนักพอได้ยินวาจาของอาวุโสกับชนชั้นรองจ้าววังของทางวังเซียนสัญจร พวกมันก็รู้ได้ทันที ว่าพวกมันใจเร็วด่วนได้ รีบตัดสินเรื่องราวเกินไป…

 

“สมแล้วที่เป็นจ้าววังอวี่เหวิน กลับนึกถึงเรื่องที่ข้าละเลยได้ออกแต่แรก!”

 

“เช่นนั้น…หมายความว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่มีทางข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จน่ะสิ?”

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! ตลอดทั้งประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์ปีศาจไร้ผู้ใดกระทำได้สำเร็จ! แล้วเจ้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันจะเป็นข้อยกเว้นหรือไร!?”

 

 

คราวนี้พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตาของ 2 วัง 6 ตำหนักที่เหลือ ฉายชัดถึงความสงสารไม่น้อยยังแทบจะเป็นเวทนาสงสารด้วยซ้ำ!

 

เสียงของคนวังเซียนสัญจรและ 2 วัง 6 ตำหนัก ย่อมดังเข้าหู ต้วนซือหลิง เค่อเอ๋อ ก่านหรูเยี่ยนเป็นธรรมดา พาลให้สีหน้าสตรีทั้ง 3 เปลี่ยนไปทันที

 

“ลุงเผิงไหล…มีเรื่องอย่างที่พวกมันพูดจริงๆหรือ?”

 

ต้วนซือหลิงที่หันไปมองถามเผิงไหลข้างๆ ใบหน้าสดใสน่ารักของนางบัดนี้ฉายชัดถึงความกังวลไม่น้อย

 

ต้วนซือหลิงตอนนี้ไม่ใช่เด็กหญิงตัวน้อยที่ไม่ประสาอีกต่อไป หลังได้ยินคำสนทนาของ 3 วัง 6 ตำหนัก นางก็ตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ของบิดายามนี้ย่ำแย่ทั้งเลวร้ายเพียงใด…

 

แทบจะพร้อมกันกับคำถามของต้วนซือหลิงดังจบคำ เค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยนก็หันไปมองเผิงไหลเช่นกัน

 

พวกนางเองก็สงสัยในเรื่องนี้ไม่ต่าง

 

ตอนนี้ทั้ง 3 อยากได้ยินคำตอบจากเผิงไหลว่า พวก 3 วัง 6 ตำหนักนั้นกล่าวเกินจริง…

 

อย่างไรก็ตามพอเห็นเผิงไหลพยักหน้ารับคำ ใจของทั้ง 3 ก็ร่วงตกไปทันที!

 

โดยเฉพาะเค่อเอ๋อ พอใจนางตกวูบไปสีหน้าก็ซีดลงถนัดตา

 

“หากมิใช่พวกมันกล่าวถึงเรื่องนี้ออกมา…ข้าเองก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ มิเคยมีใครประสบความสำเร็จในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ลักษณะนี้มาก่อน…”

 

เผิงไหลกล่าวออกเสียงหนัก

 

“แต่ทว่า…”

 

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเค่อเอ๋อกับคนอื่นเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยจะสู้ดี เผิงไหลก็เร่งกล่าวปลอบออกมาทันที “นายท่านมิใช่คนของเผ่าปีศาจ! นายท่านอาจสร้างปาฏิหาริย์ก็เป็นได้!!”

 

“สำหรับคนธรรมดานั้นยากที่จะสร้างปาฏิหาริย์อันใดได้…หากทว่าสำหรับนายท่านยังมีอันใดเป็นไปมิได้อีก!?”

 

แน่นอนว่าแม้เผิงไหลจะกกล่าวออกมาแบบนี้ ตัวตัวมันเองก็มิได้หลงเหลือความหวังในใจมากนัก

 

ปาฏิหาริย์!

 

ได้ยินคำของเผิงไหล แม้กระทั่งเด็กอย่างต้วนซือหลิงยังรู้ว่าอีกฝ่ายเพียงกล่าวปลอบใจ หากแต่สีหน้าทุกคนก็ผ่อนคลายลงไปบ้าง หันมองไปที่ต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตาทั้ง 3 ก็ฉายชัดถึงความหวังออกมา

 

ถึงแม้ว่าความหวังจะริบหรี่เพียงใด…

 

แต่พวกนางทั้ง 3 ก็เฝ้ารอให้ต้วนหลิงเทียนสร้างปาฏิหาริย์!

 

“จักต้องมีปาฏิหาริย์แน่นอน…ชีวิตที่ผ่านของพี่เทียนมิทราบสร้างปาฏิหาริย์มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เช่นนั้นครั้งนี้พี่เทียนย่อมสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งแน่!”

 

เค่อเอ๋อที่มองไปยังต้วนหลิงเทียน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงแววตาเชื่อมั่น

 

‘แต่ถึงแม้จะไม่มีปาฏิหาริย์อันใด…และเกิดเรื่องอะไรกับพี่เทียนขึ้นมาจริงๆ ข้าก็ไม่คิดอยู่คนเดียวสืบไป!’

 

แน่นอนว่าในใจของเค่อเอ๋อยังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

 

‘ซือหลิง…พี่หญิง..’

 

หากทว่าพอคิดถึงลูกสาวกับพี่สาวฝาแฝดแล้ว เค่อเอ๋อก็ไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ต่อไป

 

ตอนนี้ลึกลงไปในใจของนาง คาดหวังให้บุรุษของนางสร้างปาฏิหาริย์ยิ่งกว่าใครๆ

 

ไม่ใช่อะไรอื่น ทั้งหมดเพื่อลูกสาวกับพี่สาวฝาแฝดของนางทั้งสิ้น!

 

“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น คราวนี้มันไม่รอดแน่! ฮ่าๆๆ…!!!”

 

อวิ๋นฟู่เหย่ที่ยืนข้างๆหวงเหวินจิ้งระเบิดเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาดังลั่น!