ตอนที่ 986 กระบวนท่ากระบี่ปฐมกาล

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ยังไม่ทันที่ฉิวหลงจื่อด้านในลูกข่างสีทองจะตั้งตัว อสูรอัคคียักษ์ก็หันหน้ามาอ้าปาก ลูกบอลเพลิงสีแดงฉานขนาดเท่าศีรษะแผงหนึ่งพุ่งออกมาอย่างเร็วไวแล้วโถมมืดฟ้ามัวดินเข้าใส่ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์สามคนนั้นที่ถูกชนปลิวออกไป

ลูกบอลเพลิงที่ดูเหมือนธรรมดาเหล่านี้ร้อนระอุอย่างยิ่ง ยังไม่ทันโดนร่างของทั้งสามก็ทำให้อากาศบริเวณใกล้เคียงพร่ามัวเป็นสีแดงฉาน

ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ทั้งสามคนอกสั่นขวัญแขวน อยากหลบแต่หลบไม่ทันอย่างสิ้นเชิง

ในเวลานี้เองเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามก็ดังขึ้น มังกรสีเงินขนาดสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งโผล่พรวดมาถึง ชนกับลูกบอลเพลิงพอดี

“บึ๊ม!”

ลูกบอลเพลิงระเบิด เปลวเพลิงโถมทะลักกลบมังกรหมอกสีเงินเข้าไปในพริบตา!

ห่างไปไม่กี่สิบจั้ง หลัวเทียนเฉิงรั้งแขนข้างหนึ่งกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์สามคนนั้นหนีรอดจากความตายก็รีบโคจรพลังเวทควบคุมร่างกาย พุ่งหนีไปด้านข้าง

อสูรอัคคียักษ์คำรามเกรี้ยวกราด มันหันหน้าไปถลึงตาใส่หลัวเทียนเฉิงอย่างโกรธเกรี้ยว

ในตอนนี้เองแสงสีเงินพลันส่องสว่างกลางท้องฟ้า รุ้งยาวสีเงินสายหนึ่งพุ่งดังหวีดหวิวมาถึงแล้วฟันเข้าที่ลำคอของอสูรยักษ์ หลงเหยียนเฟยที่อยู่อีกด้านนั่นเองที่ลงมือ

จากนั้นพี่น้องโอวหยางที่อยู่ด้านหลังอสูรยักษ์ก็โจมตีบ้าง เสียงแหวกอากาศดังขึ้นพร้อมกับที่ดาบสายลมสีขาวเล่มหนึ่งกับดาบแสงสีเขียวเล่มหนึ่งปรากฏ จากนั้นโจมตีด้านหลังของอสูรยักษ์พร้อมกันด้วยความเร็วน่าหวาดกลัวที่ใกล้เคียงกับการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา

อสูรอัคคียักษ์แหงนหน้าคำราม กรงเล็บยักษ์ข้างหนึ่งตวัดเร็วไวจนชวนให้คนตาลาย ตบรุ้งสีเงินกับดาบสายลมต่างๆ นานาที่เข้ามาใกล้ร่างปลิวออกไปหมดสิ้นราวกับไล่แมลงวัน

สตรีทั้งสามที่เชื่อมจิตอยู่ต่างสีหน้าซีดขาวถอยตึงๆ กลางอากาศไปหลายก้าว

หลัวเทียนเฉิงสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน แสงสีเงินส่องสว่างในมือจากนั้นโคมทองแดงดวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นชี้ ทันใดนั้น “ฟู่” เปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าเมล็ดถั่วพลันลุกโชติช่วง

เขาท่องมนตร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้เคล็ดวิชาชักนำเปลวเพลิงสีเงินบนโคมทองแดงให้ส่องสว่าง เปลวเพลิงสีเงินขนาดเท่าโม่หินดวงหนึ่งหลุดลอยออกจากไส้โคม หมุนติ้วรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นหัวผีที่มีเปลวเพลิงสีเงินลุกไหม้หัวหนึ่งลอยออกมา

อสูรอัคคียักษ์เหมือนจะหวั่นเกรงเปลวเพลิงสีเงินอยู่เล็กน้อย ร่างกายมหึมากระโดดถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างว่องไว ดึงระยะห่างเพิ่มเล็กน้อยจากนั้นอ้าปากพ่นลูกบอลเพลิงสีแดงฉานขนาดหนึ่งจั้งกว่าออกมาต่อเนื่องเป็นสาย

บึ๊ม!

ลูกบอลเพลิงสีแดงกับหัวผีเปลวเพลิงสีเงินปะทะกันเกิดเป็นแสงเรืองรองสีเงินกับสีแดงเกี่ยวกระหวัดพันกันแล้วทยอยระเบิดพังทลายหายไปทั้งคู่

ในเวลานี้เองแสงกระบี่สีทองสายหนึ่งก็ซัดมาถึงแล้วฟันลงบนร่างอสูรยักษ์อย่างหนักหน่วง ทิ้งรอยแผลยาวหนึ่งจั้งกว่าเส้นหนึ่งไว้ ฉิวหลงจื่อนั่นเองที่บังคับกระบี่เข้าโจมตี

อสูรอัคคียักษ์ทรงพลังไร้เทียมทาน แม้ผู้คนที่นั่นจะล้อมแล้วโจมตีมันไม่หยุด แต่นอกจากฉิวหลงจื่อ การโจมตีของคนอื่นไม่ต้องพูดถึงไม่สามารถสร้างบาดแผลให้มันได้ แค่เข้าใกล้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

“ฟึบ!”

หางที่เหมือนแส้ของอสูรอัคคียักษ์สะบัดดุจสายฟ้าแลบ เงาสีแดงสะบัดยืดยาวออกสิบเท่าในพริบตาแล้วหวดเข้าใส่ผู้คนรอบด้านดุจดั่งสายลมสารทฤดูหอบพัดใบไม้ร่วง

ทุกคนที่ล้อมอยู่รอบด้านหน้าถอดสี เห็นชัดว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่าอสูรยักษ์จะมีกระบวนท่าโจมตีเช่นนี้ด้วย พวกเขาต่างแยกย้ายกันกระโจนหนีในทันที

ทว่าหางอสูรฉับพลันกลับเลือนหายไปกลางทางแล้วแยกออกเป็นเงาเลือนรางมากมายถี่ยิบ ชายหนุ่มผอมเพรียวศิษย์ของนิกายยอดบริสุทธิ์คนหนึ่งหลบไม่ทันจึงถูกหวดบนร่างอย่างรุนแรง

เขากรีดร้อง เกราะแสงป้องกันร่างแทบจะถูกทำลายในพริบตา เสียงกระดูกหักดังกึกดังออกมาจากในร่าง ปากพ่นโลหิตออกมาขณะที่ปลิวถอยออกไป

เมื่อเสียง “ฟึบ” ดังขึ้นอีกครั้ง เงาหางอสูรก็เลือนหายไปอีกครั้งก่อนจะรัดร่างเขาเอาไว้แน่น

“ศิษย์พี่เซี่ยง!” ชายหนุ่มผมหยิกที่อยู่ไกลออกไปคนหนึ่งถลึงตาจนหางตาแทบปริแยกพร้อมกับคำรามเกรี้ยวกราด

หางอสูรยักษ์สะบัดเล็กน้อยก็ส่งชายหนุ่มชุดขาวไปที่ปาก

“ไม่…” ชายหนุ่มร่างผอมหวาดผวาจนกรีดร้องออกมาขณะที่เบิ่งตามองปากใหญ่โตดุจโพรงถ้ำสีดำสนิทของอสูรอัคคียักษ์ขยายใหญ่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

ในตอนนี้เองรุ้งยาวสีทองสายหนึ่งก็พุ่งมาถึงจากด้านข้าง เสียงกระบี่กรีดร้องอย่างดุดัน ประกายโลหิตวาววับปรากฏเมื่อหางอสูรถูกฟันขาด

อสูรยักษ์ร้องโหยหวน หางที่เลือดโชกคลายออกอย่างห้ามไม่ได้

ชายหนุ่มร่างผอมรู้สึกว่าร่างกายเบาโหวงก็ดีใจเจียนคลั่ง กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตหุ้มร่างของเขาไว้แล้วเหาะหนีไปไกลในทันใด

อสูรอัคคียักษ์เห็นเช่นนี้ก็โกรธจนเต้นผาง มันหันขวับจ้องฉิวหลงจื่อที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าไม่ไกล

บุรุษเคราครึ้มเวลานี้ยกมือขึ้นข้างหนึ่ง รุ้งยาวสีทองม้วนตัวบินกลับไป กลายเป็นกระบี่น้อยสีทองขนาดหนึ่งฉื่อกว่าเล่มหนึ่งอีกครั้ง

อสูรยักษ์คำรามเกรี้ยวกราด ร่างกายมหึมาประหนึ่งภูเขาลูกย่อมๆ บินโผเข้าใส่

ร่างกายของฉิวหลงจื่อเลือนรางวูบหนึ่งแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย อสูรยักษ์โผเข้าใส่ความว่างเปล่า หลังจากนั้นร่างของฉิวหลงจื่อก็ปรากฏตัวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายร้อยจั้ง มือตั้งท่าเคล็ดกระบี่ ปราณกระบี่สีทองส่องสว่างจ้าออกมาจากร่างก่อนจะสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“พวกเจ้าหาทางดึงอสูรตัวนี้เอาไว้สักเดี๋ยว!”

สิ้นเสียง เขาก็ทิ้งสองมือลงด้านข้างพร้อมกับที่ปากเอ่ยท่องมนตร์ “ครืน” เสียงดังออกมาจากร่าง จิตกระบี่อันแข็งแกร่งและน่าหวาดกลัวอย่างที่สุดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าในฉับพลัน

อสูรอัคคียักษ์สัมผัสได้ถึงจิตกระบี่สายนี้ ดวงตาก็ฉายแววหวาดกลัว แต่ทันใดนั้นมันก็คำรามบ้าคลั่งกว่าเดิม อ้าปากพ่นธารอัคคีสีแดงฉานหนาเท่าไหน้ำเส้นหนึ่งโจมตีเข้าใส่ฉิวหลงจื่อบนท้องฟ้า

ตอนนี้เองเงาคนสองร่างก็โฉบเข้ามา หลัวเทียนเฉิงกับหลงเหยียนเฟยต่างปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าฉิวหลงจื่อ

ตาข่ายน้ำแข็งใสแวววาวผืนหนึ่งลอยออกมาจากร่างหลัวเทียนเฉิง ส่วนกระบี่บินสีเงินในมือหลงเหยียนเฟยก็สะบัดกลายเป็นดอกบัวกระบี่ดอกแล้วดอกเล่า แยกกันเป็นเกราะป้องกันธารอัคคีที่พุ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว

ตาข่ายน้ำแข็งกับดอกบัวกระบี่สีเงินป้องกันของเหลวสีแดงฉานไว้ได้ชั่วขณะ

หลัวเทียนเฉิงกับหลงเหยียนเฟยเห็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้ายินดีออกมา ทว่าเพียงพริบตามันก็สลายกลายเป็นสีหน้าซีดเผือด

ของเหลวสีแดงฉานฉับพลันลุกติดไฟและโหมอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นตาข่ายน้ำแข็งหรือดอกบัวกระบี่สีเงินล้วนมอดไหม้มลายหายไปท่ามกลางเปลวเพลิงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวกลายเป็นควันสีเทา

เปลวเพลิงร้อนแรงสีแดงฉานม้วนตัวถาโถมไปเบื้องหน้า

พี่น้องโอวหยางทะยานร่างเข้ามาแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นพร้อมกัน ยันต์หยกสีเขียวแผ่นหนึ่งกับกระจกโบราณสีม่วงบานหนึ่งบินออกมาจากแขนเสื้อ

“ฟู่” ยันต์หยกสีเขียวระเบิดกลายเป็นตาข่ายแสงสีเขียวผืนหนึ่งล้อมเปลวเพลิงสีแดงฉานเอาไว้ จากนั้นแสงเรืองรองสีม่วงที่ส่องออกมาจากกระจกโบราณสีม่วงก็หยุดคลื่นเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงไว้กลางอากาศ

ชั่วขณะหนึ่งหลัวเทียนเฉิง หลงเหยียนเฟยกับคนอื่นรวมสี่คนใช้สารพัดวิธี จนในที่สุดก็ยื้ออสูรอัคคียักษ์ไว้ได้ชั่วคราว ไม่ให้มันไปรบกวนฉิวหลงจื่อที่ใช้วิชาอยู่บนท้องฟ้า

ขณะที่ฉิวหลงจื่อท่องมนตร์งึมงำฟังยากบางอย่างออกมาจากปาก กระบี่บินสีทองที่บินวนรวดเร็วรอบตัวเขาอยู่ก็หายไป สิ่งที่มาแทนที่คือเงากระบี่ยักษ์สีทองขมุกขมัวเล่มหนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนร่าง ตัวเขาคือใจกลางของกระบี่ยักษ์ลวงตาเล่มนี้ ปราณกระบี่อันดุดันวนเวียนรอบตัวเขาไม่หยุด

ในเวลาเดียวกันนั้นจิตกระบี่อันเก่าแก่ผ่านกาลเวลามายาวนานที่เหมือนจะเต็มเปี่ยมไปด้วยลมปราณจากบรรพกาลก็ซัดสาดออกไปทั่วทุกสารทิศโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง

ท่ามกลางแสงกระบี่สีทอง เงากระบี่ยักษ์ขยายใหญ่จนมหึมาเกือบร้อยจั้งในพริบตา ตัวของฉิวหลงจื่อที่อยู่กลางกระบี่ยักษ์ขนาดร้อยจั้งแลดูเล็กกระจ้อยร่อยยิ่งนัก

“ศิษย์น้องหลัว พวกเจ้าถอยไป” เสียงของฉิวหลงจื่อทรงพลังจนทำให้คนที่ได้ยินหัวใจสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้

พวกหลัวเทียนเฉิงได้ยินก็หยุดลงมือทันที ร่างกายทะยานแยกย้ายไปสี่ทิศ พุ่งถอยออกไปไกล

เพียงครู่เดียวที่โรมรันกับอสูรยักษ์ พวกเขาสี่คนได้แผลมากบ้างน้อยบ้าง จึงหอบหายใจไม่หยุด เสื้อผ้าบนร่างมีรอยถูกเปลวเพลิงเผาไหม้เกรียมอยู่หลายแห่ง

ทว่าเวลานี้อสูรอัคคียักษ์ไม่สนใจพวกหลัวเทียนเฉิงอีกต่อไป ดวงตามหึมาทั้งสองข้างจ้องฉิวหลงจื่อกลางท้องฟ้าไม่ละสายตา ขณะที่ปากร้องคำรามทุ้มต่ำครั้งแล้วครั้งเล่า

“กระบวนท่ากระบี่ปฐมกาล!”

ทันใดนั้นฉิวหลงจื่อพลันลืมตาทั้งสองข้างขึ้น มือทำท่าเคล็ดกระบี่ท่าสุดท้ายออกมา

ผิวของเงากระบี่ยักษ์ส่งเสียงดังชี่ๆ อากาศสั่นสะเทือน รอบด้านมองเห็นรอยปริแยกของมิติหลายเส้นปรากฏขึ้นในพริบตาแล้วหายไป

ในตอนนี้เองฉิวหลงจื่อก็ชูแขนขึ้นข้างหนึ่งแล้วเหวี่ยงอย่างแรงเข้าใส่อสูรยักษ์ กระบี่ยักษ์สีทองร่วงลงมาจากกลางท้องฟ้าอย่างหนักหน่วงพร้อมกับการเคลื่อนไหวของเขา

กระบี่ยักษ์ร้อยจั้งทรงพลังน่าตะลึง จุดที่กระบี่ยักษ์ฟันผ่าน มิติถูกกรีดเป็นรอยแยกยาว

ไกลออกไป พวกหลัวเทียนเฉิงสี่คนกับศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์คนอื่นต่างมองภาพตรงหน้านี้ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพรั่นพรึง

อสูรอัคคียักษ์คล้ายรับรู้ได้ถึงอันตราย มันอ้าปากพ่นลูกบอลผลึกสีแดงฉานลูกหนึ่งออกมา นั่นก็คือแก่นแท้ที่มันฝึกฝนจนสำเร็จนั่นเอง

ลูกแก้วผลึกโต้ลมขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าบ้านในพริบตา เปลวเพลิงบนผิวส่องแสงเจิดจ้าไปรอบด้านแล้วพุ่งขึ้นไปเผชิญกับกระบี่ยักษ์กลางท้องฟ้า

สายตาของฉิวหลงจื่อทอประกายเย็นเยียบ ความเร็วที่กระบี่ยักษ์ร่วงลงมาไม่เปลี่ยน แต่ส่งเสียงอสนีบาตคำรามน่าตะลึงออกมา

“เปรี้ยง!” เสียงดังนั่นสะเทือนฟ้า!

กระบี่ยักษ์กับลูกแก้วผลึกปะทะกันเสียงดังกึกก้อง อากาศรอบด้านเกิดลายคลื่นชั้นแล้วชั้นเล่า

ดวงตาของฉิวหลงจื่อมีเส้นเลือดฝอยแผ่ไปทั่ว เขาอ้าปากคำรามดังลั่น เปลวเพลิงสีทองผุดลุกโหมโชติช่วงบนร่าง

ปราณกระบี่ของกระบี่ยักษ์ขนาดร้อยจั้งฉับพลันเพิ่มพูนขึ้นอีกมากแล้วกดทับลงมา

“เปรี๊ยะ” แก่นแท้ของอสูรอัคคียักษ์เกิดรอยร้าวขึ้นเส้นหนึ่ง

แววตาหวาดกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาของอสูรอัคคียักษ์ ทว่าไม่ทันที่มันจะตอบโต้ กระบี่ยักษ์สีทองก็ฟันลงมาพร้อมเสียงดังกึกก้อง สะบั้นแก่นแท้ของอสูรอัคคียักษ์เป็นสองซีกทั้งแบบนั้น

อสูรอัคคียักษ์ร้องโหยหวน เปลวเพลิงบนร่างเบาลงอย่างยิ่งในพริบตาพร้อมกับที่ลมปราณแห้งเหี่ยว ทันใดนั้นมันก็หมุนตัวหนีไปไกลราวกับบิน

“ดับสูญ!”

ฉิวหลงจื่อเอ่ยออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม กระบี่ยักษ์ร้อยจั้งฉับพลันหายวับไปก่อนจะปรากฏเหนือหัวของอสูรยักษ์ดุจเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา แล้วฟันลงมาเสียงดังกึกก้อง

อสูรอัคคียักษ์เงยหน้าขึ้นในทันใด มันเห็นเงากระบี่ยักษ์ที่ฟันลงมาอย่างดุดันก็คำรามอย่างบ้าคลั่งสุดเสียง เปลวเพลิงทั้งหมดบนร่างพุ่งขึ้นไปด้านบนอย่างพร้อมเพรียงก่อตัวเป็นโล่อัคคีชิ้นหนึ่ง หมายจะขวางกระบี่นี้เอาไว้

ฉึบ!

กระบี่ยักษ์ยาวร้อยจั้งฟันโล่อัคคีขาดอย่างง่ายดายราวกับโค่นไม้ผุ แล้วฟันลงบนศีรษะขนาดประหนึ่งบ้านของอสูรอัคคียักษ์อย่างไร้อุปสรรค ดวงวิญญาณของอสูรยักษ์ยังไม่ทันหนีก็ถูกปลายคลื่นของปราณกระบี่ฟาดฟันทำลาย

ร่างกายมโหฬารของอสูรอัคคียักษ์ล้มลงบนพื้นเสียงดังสนั่น ฝุ่นควันนับไม่ถ้วนฟุ้งกระจาย

ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้สีหน้าก็ผ่อนคลายลง เปลวเพลิงสีทองบนร่างมอดดับ หลังจากส่ายโงนเงนอยู่บนฟ้าสองสามครั้งเขาก็ร่อนลงบนพื้นดินได้อย่างหวุดหวิด สีหน้าซีดเผือดยิ่งนัก

ในเวลาเดียวกันนี้เงากระบี่ยักษ์ก็สลายหายไปพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำดังกึกก้อง