ตอนที่ 1003 พลังของหานโม่ฉือ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หงส์ฟ้าเป็นอสูรคู่กายที่ทรงพลังยิ่งกว่าฮวาฟางเฟยผู้เป็นนายของมันเสียอีก แม้ในทั้งดินแดนมหาเทพแห่งนี้ มันก็ถือเป็นอสูรที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ

“ไม่ว่าผู้ใดที่คิดจะทรยศนิกาย มันผู้นั้นจะต้องตาย !”

มันกล่าววาจาเย็นชาก่อนที่กลิ่นอายแปลกประหลาดซึ่งเจือไปด้วยแรงกดดันอันรุนแรงจะแผ่ปกคลุมทุกคนอย่างรวดเร็ว

“เหอะ พวกเราไม่ได้ทรยศนิกาย ทว่าเป็นฮวาฟางเฟยต่างหากที่ละทิ้งจุดประสงค์หลักของนิกายไป พวกเราไม่มีทางร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจและทำสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นอย่างแน่นอน !”

ในเวลานี้ ฮวาเยว่ถูกก้อนพลังมายาของหงส์ฟ้ากระแทกกระเด็นออกไปและได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่งแล้ว ทว่านางก็ยังทรงตัวได้อย่างมั่นคงและเช็ดเลือดที่มุมปากขณะแค่นเสียงเย็นชา

“ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลใด วันนี้ใครก็ตามที่คิดจะออกจากนิกายหมื่นบุปผาจะต้องตาย !”

หงส์ฟ้าเป็นอสูรคู่กายของฮวาฟางเฟยมาตลอดและทราบเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันกล่าวอย่างเสียงดังฟังชัดและเป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร

“อวิ๋นซื่อเทียนและพวกเจ้าทั้งสอง หากฉลาดมากพอก็ตามข้ามาแต่โดยดีเถอะ อย่าทำให้ผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ต้องเจ็บตัวไปเพราะพวกเจ้าเลย”

มันชำเลืองมองไปที่อวิ๋นซื่อเทียนและสหายพลางกล่าววาจาข่มขู่อย่างไม่ปิดบัง

สีหน้าของอวิ๋นซื่อเทียนในตอนนี้บิดเบี้ยวเล็กน้อย หงส์ฟ้าตรงหน้าแข็งแกร่งจนเกินไปและพวกนางเอาชนะมันไม่ได้อย่างแน่นอน ต่อให้มีระเบิดพลังมายาที่ทรงพลัง เกรงว่าคงจะทำอันตรายใด ๆ ต่ออสูรตรงหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ หากพวกนางยืนกรานที่จะออกไปจากนิกาย ไม่เพียงแต่ฮวาเยว่เท่านั้น ทว่าศิษย์คนอื่น ๆ ของนิกายหมื่นบุปผาก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วย

“พวกข้า…”

ขณะนางกำลังจะเอ่ยบางอย่าง น้ำเสียงเยือกเย็นและทรงพลังก็ดังขึ้นในหูของทุกคนและแรงกดดันของหงส์ฟ้าก็สลายหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

“วางมาดใหญ่โตจริงเชียว นกตัวเล็ก ๆ อย่างเจ้ากล้าทำตัวยโสโอหังถึงเพียงนี้เลยรึ ?”

น้ำเสียงดังกล่าวเจือไปด้วยความเย้ยหยันอย่างชัดเจน และมันคือเสียงของกิเลนอัคคี—อสูรคู่กายของหานโม่ฉือนั่นเอง

ในเวลานี้ หานโม่ฉือและกิเลนอัคคีก็ปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศต่อหน้าทุกคนโดยที่มีเนตรปีศาจลอยตัวอยู่บนไหล่ของหานโม่ฉือและมังกรเหมันต์ยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง

“หานโม่ฉือรึ ?”

เดิมทีหงส์ฟ้าคิดไปว่าหานโม่ฉือจะหลบหนีออกไปก่อนเมื่อทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมุ่งหน้าเข้ามาที่หอชั้นในเช่นนี้ ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่อาจหาญทีเดียว

“หึ เจ้าไม่คู่ควรพอที่จะสู้กับเจ้านายของข้าหรอก เจ้านกน้อยเอ๋ย…ข้าเพียงลำพังก็มากเกินพอที่จะจัดการกับเจ้าแล้ว”

กิเลนอัคคีกล่าวอย่างวางท่าและเหาะตรงเข้าโจมตีหงส์ฟ้าอย่างรวดเร็ว

“หากเป็นกิเลนอัคคีที่บรรลุพลังในระดับสูงสุด ข้าก็คงจะกลัวอยู่บ้าง ทว่าเจ้าในตอนนี้มิใช่คู่มือของข้าหรอก”

สายเลือดของหงส์ฟ้าและกิเลนอัคคีมีความคล้ายคลึงกันมาก ทว่าความแข็งแกร่งของหงส์ฟ้าในเวลานี้เหนือกว่ากิเลนพอสมควร หากทั้งสองต่อสู้กันจริง ๆ กิเลนจะไม่มีทางเป็นได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม หงส์ฟ้าก็ไม่สามารถสังหารกิเลนได้อย่างง่ายดายเช่นกัน

“รีบจัดการกับมันเถอะ !”

หานโม่ฉือกล่าวอย่างเย็นชาและไม่อาจปล่อยให้เวลาล่าช้าได้อีก ถึงอย่างไรที่นี่ก็คืออาณาเขตของนิกายหมื่นบุปผาและฮวาฟางเฟยอาจมีไพ่ตายบางอย่างซ่อนไว้ เพราะเหตุนั้น เขาและทุกคนจะต้องหลบหนีออกจากที่นี่ให้ได้ก่อนเพื่อหารือและวางแผนกันต่อไป

หลังจากกล่าวเพียงสั้น ๆ ร่างของเขาก็พุ่งตรงเข้าโจมตีหงส์ฟ้าเช่นกัน

“หากต้องการจะออกไปจากที่นี่ก็ตามข้ามา !”

มังกรเหมันต์ตะโกนเสียงดังและโจมตีกลุ่มของศิษย์ฝั่งขวาจนกระเด็นออกไปก่อนมุ่งหน้าออกไปข้างนอกนิกาย

ฮวาเยว่และคนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเลและติดตามมันไปอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงไม่นาน พวกนางก็ออกไปจากอาณาเขตของนิกายหมื่นบุปผาได้สำเร็จ

การร่วมมือกันระหว่างฮวาฟางเฟยและจอมยุทธ์ปีศาจเป็นสิ่งที่ศิษย์นิกายหมื่นบุปผาหลายคนต่อต้านอย่างที่สุด ครานี้ศิษย์ของนิกายมากกว่าครึ่งตัดสินใจหนีออกไปพร้อมกับฮวาเยว่ ส่วนผู้ที่ยังอยู่และยังคงภักดีต่อฮวาฟางเฟยคือศิษย์ฝั่งขวาจำนวนหนึ่งที่อยู่ร่วมกับนิกายมานาน

“บัดซบ !”

ภายในห้องส่วนตัว ฮวาฟางเฟยสบถด้วยความโกรธแค้นอย่างที่สุด นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีศิษย์มากมายตัดสินใจเดินทางออกไปกับฮวาเยว่ในครานี้

หลังจากวันนี้ พลังอำนาจโดยรวมของนิกายหมื่นบุปผาจะลดน้อยลงไปมาก เดิมทีนางก็กำลังร่วมมืออยู่กับจอมยุทธ์ปีศาจ ทว่าตอนนี้นางกำลังจะตกกลายเป็นรองในความสัมพันธ์นั้นและอาจจะต้องยอมเสียผลประโยชน์ไปบ้าง

ศิษย์นอกส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์อันดีและสนิทสนมกับหานโม่ฉือ เมื่อทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เลือกถอนตัวออกจากนิกายเช่นกัน ไม่มีใครต้องการจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปและนั่นทำให้ฮวาฟางเฟยฉุนเฉียวยิ่งกว่าเดิม

หานโม่ฉือและกิเลนอัคคีก็ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับหงส์ฟ้า ทั้งสองมีความแข็งแกร่งในระดับที่ไม่ธรรมดาและทำให้หงส์ฟ้าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้อย่างรวดเร็ว

ในหลายวันที่ผ่านมานี้ พลังความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือก็พัฒนาขึ้นมาในระดับหนึ่ง แม้เผชิญหน้ากับฮวาฟางเฟยเพียงลำพัง เขาก็อาจจะไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะเหตุนั้น เมื่อเขาและกิเลนอัคคีร่วมมือกัน หงส์ฟ้าจึงไม่มีทางต้านทานได้อย่างแน่นอน

“บัดซบ !”

สีหน้าของหงส์ฟ้าบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัดและมันเริ่มมีความคิดที่จะล่าถอยอยู่ในใจ หากฮวาฟางเฟยเคลื่อนไหวออกมาได้ มันก็ยังมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับอีกฝ่าย ทว่าการที่มีมันต่อสู้เพียงลำพังเช่นนี้ก็ไม่มีทางเลยที่มันจะเอาชนะหานโม่ฉือและกิเลนอัคคีได้

“หงส์ฟ้า กลับมาก่อน !”

ฮวาฟางเฟยเองก็คาดเดาสถานการณ์ได้เช่นกันและสั่งการให้อสูรของตนกลับมาทันที

“วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน !”

หงส์ฟ้าจ้องหน้าหานโม่ฉือและกิเลนอัคคีด้วยแววตาดุร้ายก่อนพุ่งตรงหายกลับเข้าไปในเรือนที่พักของฮวาฟางเฟย

“นิกายหมื่นบุปผาแห่งนี้เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกโสมม ฮวาฟางเฟย..สักวันเจ้าจะต้องชดใช้ให้กับทางเลือกของตนเอง”

หานโม่ฉือกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนโบกมือเพื่อปล่อยคลื่นพลังรุนแรงตรงไปที่นิกายหมื่นบุปผาและแยกหุบเขาแห่งนี้ออกเป็นสองซีกโดยตรง อาคารครึ่งหนึ่งสลายกลายเป็นเถ้าถ่านและลอยหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและมุ่งหน้าออกไปในระยะไกลทันที ไม่นานนัก หานโม่ฉือและอสูรมายาก็ตามไปสมทบกับฮวาเยว่และคนอื่น ๆ ได้สำเร็จ

“ท่านผู้คุมกฎฝั่งซ้าย ตอนนี้พวกเราจะไปที่ใดกันรึเจ้าคะ ?”

เมื่อออกจากอาณาเขตของนิกายหมื่นบุปผา บรรดาศิษย์ที่ติดตามฮวาเยว่ออกมาล้วนมีสีหน้าที่สับสนไม่ต่างกันและไม่ทราบเลยว่าพวกตนจะไปที่ใดต่อ พวกนางอยู่ที่นิกายหมื่นบุปผามาตลอด แม้เลือกออกมากับฮวาเยว่เนื่องจากจ้าวนิกายร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจ พวกนางก็ไม่ทราบเลยว่าตนเองจะไปทางใดได้ต่อ

หากกลับไปที่บ้านเกิดของพวกตน พวกนางก็ไม่ทราบเลยว่าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร ทว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไป พวกนางก็ไม่มีที่ไปเช่นกัน

ฮวาเยว่ไตร่ตรองครู่หนึ่งและนึกบางอย่างขึ้นได้ก่อนกล่าวกับทุกคน “บางทีเราทุกคนอาจจะไปอยู่ที่นิกายกระบี่สายฟ้าได้”

นางมีความสัมพันธ์อันดีกับคนส่วนใหญ่ในนิกายกระบี่สายฟ้า ในเมื่อตอนนี้เลือกถอนตัวออกมาจากนิกายหมื่นบุปผาแล้ว นางจึงนึกถึงพวกเขาเหล่านั้นเป็นอันดับแรก จากลักษณะนิสัยของจ้าวนิกายของนิกายกระบี่สายฟ้า เชื่อว่าพวกเขาจะต้อนรับคณะศิษย์จากนิกายหมื่นบุปผาด้วยความยินดี

“ก่อนหน้านี้ข้าติดต่อท่านพ่อตาไปแล้วและเขาบอกให้ทุกคนมุ่งหน้าไปที่นิกายกระบี่สายฟ้าได้ทันที อีกทั้งพวกเขาก็ส่งคนออกมาในทิศทางของเราแล้วเช่นกันและจะมารับพวกเราในระหว่างทาง”

ร่างของหานโม่ฉือปรากฎกายไม่ไกลจากฮวาเยว่และกล่าวขึ้นเบา ๆ

ก่อนหน้านี้เขาได้หารือเรื่องนี้กับนิกายกระบี่สายฟ้าแล้ว หากฮวาเยว่พาคนออกจากนิกายหมื่นบุปผาได้สำเร็จ พวกนางก็สามารถมุ่งหน้าตรงไปยังนิกายกระบี่สายฟ้าได้ทันที นิกายกระบี่สายฟ้าได้จัดเตรียมที่พักและกำลังรอต้อนรับพวกนางอยู่

“ถ้าเช่นนั้นเราก็ไปที่นิกายกระบี่สายฟ้ากันก่อนเถอะและค่อยหารือถึงแผนการต่อไป หากนิกายกระบี่สายฟ้าไม่ขัดข้อง เราก็สามารถเข้าร่วมเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่สายฟ้าและต่อสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจไปด้วยกัน”

ฮวาเยว่พยักศีรษะและตัดสินใจทันที จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของนิกายกระบี่สายฟ้า

“โม่ฉือ สถานการณ์ของอวี้โม่เป็นอย่างไรบ้าง ?”

ในขณะที่กำลังเดินทางนั้น ฮวาเยว่ก็เอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล

นางมิใช่คนโง่เขลาแม้แต่น้อย การที่สถานการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้แสดงให้เห็นว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในฝั่งของฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน การที่ฮวาฟางเฟยไม่ปรากฏตัวด้วยตัวเอง นั่นเป็นเพราะร่างอวตารของนางกำลังต่อสู้กับฉินอวี้โม่และไม่สามารถลงมือทำอะไรที่นิกายได้ เพราะเหตุนั้น คาดเดาได้ไม่ยากว่าสถานการณ์ของฉินอวี้โม่อาจจะเลวร้ายพอสมควร

“ไม่ต้องห่วงขอรับ โม่เอ๋อร์จัดการทุกอย่างได้”

หานโม่ฉือพยักศีรษะเบา ๆ และกล่าวยืนยันเพื่อมิให้ฮวาเยว่เป็นกังวล เขาทราบถึงสถานการณ์ของฉินอวี้โม่ในตอนนี้แล้ว แม้จะเป็นปัญหายุ่งยากอยู่ไม่น้อย มันก็ไม่ถือว่าอันตรายจนเกินไปและฉินอวี้โม่มั่นใจว่าจะจัดการได้ไม่ยาก

“ถ้าเช่นนั้นก็ดี”

ฮวาเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและไม่เอ่ยถามอีกต่อไป

จากนั้นฮวาเยว่และคณะศิษย์ก็มุ่งหน้าไปยังนิกายกระบี่สายฟ้าอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เดินทางเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดพวกนางก็รวมตัวกับกลุ่มคนที่นิกายกระบี่สายฟ้าส่งมาในระหว่างทางได้และวิกฤตของพวกตนก็ได้รับการคลี่คลายเป็นการชั่วคราว…

ในอีกฟากหนึ่งของดินแดน การต่อสู้ของฉินอวี้โม่ก็ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดเช่นกัน