ตอนที่ 1194 เฟิงอวิ๋นซิวเจ็บปวด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีได้นำกระบี่มังกรเพลิงออกมากล่าวถาม “มังกรเพลิง เป็นอะไรไป?”

แต่มังกรเพลิงในตอนนี้มีจิตสำนึกของจิตวิญญาณเพียงน้อยนิดเท่านั้น มันไม่อาจที่จะตอบคำถามของนางได้เลย

อากาศร้อนผิดปกติเต็มสิบส่วนเช่นนี้ไม่ปกติ อีกทั้งกระบี่มังกรเพลิงยังมีอาการกระสับกระส่าย ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะสามารถแน่ใจในอะไรบางอย่างได้แล้ว!

“ไม่เป็นวิญญาณกระบี่ก็เป็นฝักกระบี่!”

อาถิงกำลังหลับใหล มังกรวารีเองก็คงจะไม่ฟื้นตื่นขึ้นมาเร็วนัก ถ้าหากพบเข้ากับวิญญาณกระบี่มังกรเพลิงพิฆาต เช่นนั้น…

“หวังว่าจะไม่เป็นดาวซวยเช่นนั้น!”

บึ้ม! เสียงดังกึกก้องกัมปนาทเสียงหนึ่งดังขึ้นราวกับมันว่ามันได้ตัดขาดไปทั้งแดนตะวันออก

แดนตะวันออกอันกว้างใหญ่ราวกับได้สั่นไหวเพราะเสียงเสียงนี้ มันช่างให้ความรู้สึกแก่ผู้คนประหนึ่งว่าแดนตะวันออกนั้นจะแตกแยกออกจากัน

เมื่อเสียงดังกึกก้องนั้นผ่านไป ทั้งผืนฟ้าก็ราวกับถูกเปลวไฟเผาไหม้ก็มิปาน

“ภูเขาไฟระเบิด!”

มันคือภูเขาไฟระเบิด แต่มันไม่ใช่ภูเขาไฟระเบิดธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน

จะมีการระเบิดของภูเขาไฟที่สามารถทำให้พลังวิญญาณธาตุไฟครอบคุลมไปทั่วทั้งแดนตะวันออกได้หรือ?

มู่เฉียนซีเข้าใจแล้วว่าทั้งแดนตะวันออกนั้นกว้างใหญ่กว่าดินแดนที่นางเคยอยู่มาตั้งมากมายกี่เท่าตัว

หลังจากที่แดนตะวันออกได้ถูกพลังวิญญาณธาตุไฟครอบคุลมลงมาแล้วก็มีข่าวสารหนึ่งได้กระจายไปทั่วทั้งสามแดนใหญ่

“ท่านเจ้าตำหนัก แดนตะวันออกมีพลังวิญญาณธาตุไฟระเบิดออกมา ความรู้สึกเช่นนี้ฟ้าดินช่างผิดแปลกนัก เกรงว่าคงจะมีสิ่งล้ำค่าธาตุไฟอะไรสักอย่างปรากฏขึ้น ถึงขั้นเป็นไปได้ว่าจะเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปราฏขึ้นมาแล้ว”

บุรุษผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อันประดับงดงามล้ำค่า เมื่อได้ยินการรายงานก่อนหน้านี้บนใบหน้าของเขากลับไม่มีวี่แววอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ยินเรื่องกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เขาก็ได้พลันเบิกตาทั้งสองดวงขึ้นมา

“เตรียมจัดกำลังรบที่แข็งแกร่งชั้นยอดที่สุดของตำหนักเป่ยหาน หากแดนตะวันออกปรากฏกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ขึ้นมาละก็ จะต้องให้ได้มาซึ่งกระบี่มังกรเพลิงไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม”

เมื่อเจ้าตำหนักได้ประกาศคำสั่งออกไปนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจนัก

พวกเขานึกว่าเจ้าตำหนักนั้นไม่ต้องการหรือคาดหวังในสิ่งใดนอกจากการฝึกบำเพ็ญ เขาจะไม่สนใจในสิ่งของใดทั้งสิ้น

แต่นึกไม่ถึงเลยว่านั่นก็เป็นแค่เพียงสิ่งที่เขาสนใจนั้นยังไม่ได้ปรากฏขึ้นมา มีแต่เพียงของล้ำค่าขั้นศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เท่านั้นถึงจะทำให้เจ้าสำนักเกิดความสนใจได้

เขากล่าวด้วยความเครารพ “ขอรับ!”

แกรก! ที่หอพระอันเงียบสงบแห่งหนึ่งในพื้นที่ไกลออกไปของแดนตะวันตก ลูกประคำลูกหนึ่งพลันเกิดรอยแตกขึ้นมาหนึ่งรอย!

แกรบ! จากนั้นลูกประคำลูกหนึ่งก็ได้ร่วงลงสู่บนพื้น

ผู้ที่นั่งสมาธิอยู่บนฟูกผู้หนึ่งก็พลันลืมตาขึ้นอย่างดุดันแล้วเหลือบมองไปยังท้องนภา

แดนตะวันออก คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน

ปัง ปัง ปัง! ที่ตรงประตูมีเสียงเคาะดังลอยมา

เสียงอันเหมือนภาษาสันสกฤตที่บริสุทธิ์เสียงหนึ่งลอยออกมา “เข้ามา!”

“หลวงพ่อ ที่ทางแดนตะวันออกนั้นเกิดเรื่องประหลาดขึ้น มีพลังวิญญาณธาตุไฟที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ จะต้องเป็นสิ่งล้ำค่าธาตุไฟปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน ตามที่นายท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้คาดคำนวณออกมา เกรงว่าคงจะเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปรากฏขึ้นบนโลกนี้แล้ว ไม่รู้ว่าท่านมีแผนการเช่นไร?”

ผู้ที่อยู่ในหอพระผู้นั้นค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นมาตรงประหนึ่งดั่งไผ่ลำเขียว

“ข้าจะไปแดนตะวันออกด้วยตัวเองสักหน”

“ขอรับ! ศิษย์จะไปจัดการเตรียมพร้อมในทันที!”

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของแดนตะวันออกทำให้กลุ่มกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ ในโลกทั้งสี่ทิศต่างเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของทางนี้

มู่เฉียนซีถามขึ้น “มู่เอ้อร์ ได้ยินข่าวอะไรมาบ้างหรือไม่?”

มู่เอ้อร์เดินเข้ามาแล้วกล่าว “นายท่าน ที่ใจกลางนั้นในตอนนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ได้ ถึงต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดก็ตาม ก็จะถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านไปเช่นกัน ทุกคนกำลังลือกันว่ามีความเป็นไปได้ถึงเจ็ดส่วนที่จะเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปรากฏตัวขึ้นมา”

ผู้อื่นนึกกันว่าเจ็ดในสิบส่วน แต่ในตอนนี้มู่เฉียนซีได้มั่นใจไปถึงเต็มหนึ่งร้อยส่วนแล้ว เพราะกระบี่มังกรเพลิงนั้นยิ่งจะกระสับกระส่ายเข้าไปมากทุกที

นางยิ่งอยากจะรู้ว่าสรุปแล้วมันเป็นวิญญาณกระบี่หรือส่วนอื่นกันแน่ หากเป็นวิญญาณกระบี่ ก่อนที่จะมีพลังความสามารถมากเพียงพอ นางจะไม่เข้าไปร่วมสนุกนี้ด้วยอย่างแน่นอน

มิเช่นนั้นแล้วหากอาถิงตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่านางประมาทเข้าแล้ว คาดว่าคงจะระเบิดเป็นแน่

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ไม่มีลักษณะอะไรพิเศษหรือ?”

“ไม่มี!”

“นายน้อยอวิ๋นซิว องค์หญิงทรงเชิญท่าน!” หลังจากที่เฟิงอวิ๋นซิวได้รู้ข่าวนี้ไม่นาน กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่น้อยครั้งนักจะปรากฏตัวที่ตำหนักตงจี๋ก็ได้พลันเข้ามาเชิญเขา

เฟิงอวิ๋นซิวตะลึงงัน “นางต้องการพบข้า”

“ใช่!”

ที่ใต้ดินของตำหนักตงจี๋ได้สร้างวังใต้ดินเอาไว้แห่งหนึ่ง

พระราชวังใต้ดินมีทะเลสาบคล้ายกระจก ระลอกน้ำนั้นกระเพื่อมไหว ดวงไฟดวงหนึ่งปรากฏขึ้นที่ทะเลสาบนั้นแล้วก็ได้ปรากฏสตรีนางหนึ่งที่ดูสูงส่งเหมือนดั่งหงส์เพลิงแห่งสวรรค์ชั้นเก้าปรากฏตัวขึ้น

เฟิงอวิ๋นซิวมองดูเงาร่างที่บนผิวน้ำนั้น หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้พบนาง คิดถึงและหลงใหล แต่ทว่าความรู้สึกเหล่านี้ก็ได้พลันจางหายไป ในหัวของเขาได้พลันปรากฏเงาร่างสีม่วงแวบเข้ามา

“อวิ๋นซิว!” เสียงอันน่าซาบซึ้งได้ลอยมา มันเพียงพอที่จะทำให้คนหลงใหลเป็นเหมือนดั่งแมลงเม่าบินเข้ากองเพลิงและไปบุกน้ำลุยไฟให้แก่นาง

“เฟิงอวิ๋นซิวพร้อมรับบัญชา!” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยเสียงขรึม

“การเปลี่ยนแปลงในแดนตะวันออก จะต้องเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปรากฏขึ้นมาแน่ ตำหนักตงจี๋จะฟังคำสั่งจากเจ้าโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าจะต้องนำกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มามอบให้ข้า! ขอแค่เพียงเจ้าได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มา เจ้าก็สามารถที่จะกลับมาอยู่ข้างกายข้าได้ ให้เจ้าคอยอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำต้อยมาโดยตลอด ทำให้เจ้าลำบากใจเสียจริงแล้ว”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวเสียงขรึม “นี่เป็นสิ่งที่อวิ๋นซิวควรจะทำ!”

“อวิ๋นซิว ผู้ที่ข้าเชื่อมั่นที่สุดก็คือเจ้า เจ้าอย่าได้ทำให้ข้าผิดหวัง!”

“ข้าน้อยจะไม่ทำให้พระนางผิดหวัง!”

เขามองไปยังใบหน้าอันละเอียดลออนั้น ใบหน้านี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก แต่เมื่อพบหน้ากันอีกครั้งหนึ่งเขาก็พบว่านางกับเฉียนซีมีหลายสิ่งที่แตกต่างกันยิ่งนัก

“เช่นนั้นก็ดี!”

ดูเหมือนว่าสตรีผู้นั้นจะยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก เมื่อได้สั่งมอบธุระเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้วก็มิได้เปลืองเวลากับเฟิงอวิ๋นซิวมากนัก

“น้อมส่งองค์หญิง!”

ทั้งวังได้ดินได้กลายเป็นสงบเงียบไป

เฟิงอวิ๋นซิวเดินออกมาจากวังใต้ดินนั้น แม้ว่าทั้งแดนตะวันออกจะถูกพลังวิญญาณอันบ้าคลั่งครอบคลุมเอาไว้ แต่เมื่อเขาเดินออกมาจากวังใต้ดินก็มีลมสายหนึ่งพัดมา เขากลับรู้สึกเย็นยะเยือก

เขายินดีที่จะทำทุกเรื่องเพื่อนาง นางต้องการกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ถึงต่อให้เขาต้องตายก็ต้องเอามาให้ได้

แต่ทว่าเฉียนซีก็ต้องการกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาจะต้องพึ่งพาพลังความสามารถของตนเองและต่อสู้กันให้ตายไปข้างจริง ๆ หรือ?

เขาไม่ต้องการเช่นนั้น ไม่ต้องการเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำความใฝ่ฝันของนางให้เป็นจริง!

บนใบหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวฉายแววแห่งความเจ็บปวดออกมาแวบหนึ่ง

พลังวิญญาณธาตุไฟยังคงเอ่อล้นต่อไป สำหรับผู้ที่มีการฝึกบำเพ็ญขั้นสูงนั้นก็ยังพอไหว แต่สำหรับผู้ที่มีการฝึกบำเพ็ญขั้นต่ำนั้นมันกลับไม่เป็นเรื่องดีอันใด

มีผู้คนจำนวนไม่น้อยทนรับไม่ไหวและล้มป่วย โรงหมอธรรมดาทั่วไปไม่สามารถที่จะรักษาให้หายได้เลย

เมื่อมู่เฉียนซีรู้ข่าวนี้เข้าก็ได้ดึงตัวจวินโม่ซีไปยังห้องปรุงยา

“ศึกษาคิดค้นยารักษาอาการป่วย จะต้องให้ได้จำนวนมากและราคาดี”

จวินโม่ซีกล่าว “สาวน้อย เจ้าต้องการที่จะ…”

มู่เฉียนซีพยักหน้าแล้วกล่าว “นี่เป็นโอกาสดีครั้งหนึ่งที่จะทำการโฆษณาและซื้อใจคน! ถ้าหากว่าสำเร็จละก็ อิทธิพลจากตำหนักตงจี๋ก็จะไม่มีความหมายแล้ว”

ไป๋อู๋ห่ายเองก็ไม่อยากที่จะให้มันย่ำแย่ลงไปอีกและคิดหาวิธีแก้ไข แต่นักปรุงยาของตำหนักตงจี๋กลับคิดหาหนทางไม่ออก!

หลังจากที่ได้ศึกษาร่วมกับจวินโม่ซีไปเป็นเวลาหนึ่งวันมู่เฉียนซีก็ยิ้มแล้วกล่าว “ในที่สุดก็นับได้ว่าสำเร็จแล้ว!”

“ได้ยินแล้วหรือยัง? หอหมอปีศาจกำลังแจกโอสถ สามารถรักษาพิษเพลิงนี้ได้!”

“ใช่แล้ว!ตระกูลของข้าได้ไปรับโอสถมาแล้ว หลังจากที่กินไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็ดีขึ้นแล้ว”

“อีกทั้งยังให้เปล่าอีกด้วย หัวหน้าหอหมอปีศาจมิเพียงแต่มีทักษะการปรุงยาที่ไม่อาจหาผู้ใดเทียบได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ใจบุญอย่างมากผู้หนึ่งอีกด้วย!”

แทบเกือบทุกเมืองในแดนตะวันออกล้วนแต่เป็นหอหมอปีศาจที่กำลังแจกจ่ายโอสถ

โอสถพวกนี้ทำให้พวกเขามีสุขภาพที่แข็งแรงภายใต้ความร้อนระอุในครึ่งเดือนมานี้

เมื่อไป๋อู๋ห่ายได้รับข่าวนี้สีหน้าของเขาก็ดำเสียยิ่งกว่าก้นกระทะ!

“หอหมอปีศาจ! หอหมอปีศาจ!”

แน่นอนว่าในตอนนี้ไป๋อู๋ห่ายไม่มีเวลาว่างที่จะมารวบรวมกำลังรับมือกับหอหมอปีศาจ หลังจากผ่านครึ่งเดือนแล้ว พลังวิญญาณธาตุไฟในแดนตะวันออกก็ได้สงบลงมา

ในตอนนี้ผู้ที่มีพลังความสามารถสูงสามารถที่จะเข้าใกล้ปากปล่องภูเขาไฟได้แล้ว