ตอนที่ 2283 เทพธิดาหลิงหลงสติแตก (1)

อัจฉริยะสมองเพชร

“ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ?” นักรบทั้งสองทวนคำอย่างลังเล

นักรบคนไหนก็ตามที่สำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดและได้การยอมรับจากจอมราชันย์ก็จะมีโอกาสได้สัมผัสสิ่งที่เรียกว่าตำแหน่งทรงเกียรติ ตำแหน่งทรงเกียรตินี้จะทำให้พวกเขามีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าเดิม กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองลงมาจากจอมราชันย์

ผู้ที่ไม่มีโอกาสได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจากจอมราชันย์จะพบว่าวรยุทธของพวกเขาชะงักงัน ต่อให้เก่งกาจปราดเปรื่องสักแค่ไหน ก็แทบไม่มีอะไรเหนือกว่าราชันย์เทพเจ้าโดยทั่วไป

“ใช่แล้ว” เทพธิดาหลิงหลงพยักหน้า

แต่เดิม เธอตั้งใจจะมอบตำแหน่งทรงเกียรติให้หลัวฉีฉีเพื่อแทนที่ไป๋เย่ฉิงหงที่เสียชีวิตไป แต่อีกฝ่ายกลับเลือกเดินทางไปกับจางเซวียน

แต่ถึงอย่างนั้น ทุกอย่างก็ลงเอยด้วยดี น่านฟ้าหลิงหลงเสียราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไปคนหนึ่ง แต่ก็ได้นักรบผู้ทรงพลังมาใหม่ถึง 2 คน ซึ่งนั่นจะทำให้น่านฟ้าของเธอมีสถานภาพเทียบเท่ากับน่านฟ้าที่เหลือเลยทีเดียว

เห็นทั้งคู่ลังเล เทพธิดาหลิงหลงขมวดคิ้ว “พวกคุณไม่เต็มใจจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของฉันหรือ?”

“พวกเรายินดีหากการได้รับตำแหน่งทรงเกียรติจะทำให้เรามีพละกำลังและอำนาจมากกว่าเดิม แต่…” สาวน้อยผู้เงียบขรึมและสงวนกิริยานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเรารับตำแหน่งราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของคุณ ก็แปลว่าต้องทำตามคำสั่งของคุณโดยปราศจากเงื่อนไขใช่ไหม? หากคุณสั่งให้พวกเราทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับญาติสนิทมิตรสหายของเรา เราก็ต้องทำตามหรือ?”

เทพธิดาหลิงหลงหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ การได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหมายถึงการได้การยอมรับจากดินแดนหนึ่งในสรวงสวรรค์ กระแสจิตปรารถนาของผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนั้นจะถูกส่งไปหาคุณ”

“ถ้าคุณได้การยอมรับจากดินแดนต่างๆภายในอาณาเขตของน่านฟ้าหลิงหลง ก็ถือว่าคุณเป็นบริวารของฉัน แต่ตำแหน่งทรงเกียรตินั้นไม่มีข้อบังคับหรอกว่าคุณจะต้องทำตามคำสั่งของฉันโดยปราศจากเงื่อนไข”

“ถ้าราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติต้องทำตามทุกคำสั่งของจอมราชันย์โดยไม่มีข้อโต้แย้งล่ะก็ นั่นคงไม่ใช่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว แต่เป็นหุ่นกระบอก!”

ได้ยินคำนั้น นักรบทั้งสองพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็เต็มใจจะเป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของน่านฟ้าหลิงหลง”

“ดี!” เทพธิดาหลิงหลงยกมือ แล้วลำแสงเจิดจ้าก็ตรงเข้าโอบล้อมนักรบทั้งสองไว้

ในชั่วพริบตา สิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณของน่านฟ้าหลิงหลงก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่ตรงเข้าสู่หัวสมอง

“ประชากรทุกคนของน่านฟ้าหลิงหลง ฟังคำพูดของฉัน ด้วยการกระทำที่ไร้ความชอบธรรมและทำให้เสื่อมเสียเกียรติ ไป๋เย่ฉิงหงถูกถอดออกจากตำแหน่งทรงเกียรติของเธอแล้ว ตอนนี้ ฉันขอประกาศว่าหวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียนจะรับตำแหน่งแทนที่เธอในฐานะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติของน่านฟ้าหลิงหลง!”

ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนในน่านฟ้าหลิงหลงมีภาพสาวสวย 2 คนปรากฏในหัวสมองของพวกเขา ทุกคนรีบทรุดตัวลงคุกเข่า

“คารวะราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติหวังหยิ่งกับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเว่ยหรูเหยียน!”

อายุขัยของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรตินั้นยาวนานกว่าแสนปี ตำแหน่งทรงเกียรติทุกตำแหน่งจึงหมายถึงอำนาจยิ่งใหญ่ที่แทบจะเรียกว่าคงอยู่ตลอดไป

เนิ่นนานมาแล้วที่น่านฟ้าหลิงหลงมีราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเพียง 2 คน เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าไป๋เย่ฉิงหงถูกสังหาร หลายคนพากันกังวลว่าน่านฟ้าหลิงหลงจะสูญเสียสมดุลของการคานอำนาจที่มีต่อน่านฟ้าอื่นๆ แต่แล้วก็กลับตรงกันข้าม เพราะเทพธิดาหลิงหลงได้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติมาใหม่ 2 คนแทบจะในทันที

ไม่ใช่นักรบทุกคนที่สำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดแล้วจะได้ตำแหน่งผู้ทรงเกียรติ ผู้ที่ได้ตำแหน่งนี้ล้วนเป็นนักรบผู้โดดเด่นที่มีความปราดเปรื่องเหนือชั้นกว่านักรบรุ่นเดียวกัน

เมื่อผู้คนมากมายพร้อมใจกันยอมจำนนให้ สาวน้อยทั้งสองพลันรู้สึกถึงเจตจำนงอันทรงพลังที่ซึมซาบเข้าสู่ร่างของพวกเธอ ราวกับได้การยอมรับจากทั้งโลก ทั้งคู่พบว่าสามารถเข้าถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าของโลกใบนี้

“หรือนั่นคือเจตจำนงของโลก?”

หวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียนตาโต

เทพธิดาหลิงหลงหัวเราะเบาๆขณะไขข้อสงสัย “การได้รับตำแหน่งผู้ทรงเกียรติจากจอมราชันย์จะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อพลังปราณหรือวรยุทธที่คุณมี แต่จิตวิญญาณของคุณจะได้การยอมรับจากเจตจำนงของโลก ทำให้คุณเข้าถึงอำนาจหลากหลายรูปแบบของโลกใบนี้ เพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ให้สูงขึ้นได้อีกมาก”

ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติไม่ได้ทรงพลังเพราะวรยุทธที่เหนือชั้นหรือพลังปราณที่มีความบริสุทธิ์มากกว่า แต่เป็นเพราะสิทธิพิเศษต่างๆที่เป็นผลจากตำแหน่งผู้ทรงเกียรตินั้น

ความพิเศษเหล่านี้มาจากการได้การยอมรับจากเจตจำนงของโลก ทำให้พวกเขาเข้าถึงพละกำลังและอำนาจที่เหนือชั้นเกินกว่าราชันย์เทพเจ้าคนไหนๆจะเอื้อมถึง

“เข้าใจแล้ว…”

เมื่อรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของอำนาจ นักรบทั้งสองนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

นับตั้งแต่วินาทีที่ได้การยอมรับจากเจตจำนงของโลก ก็รู้ทันทีว่าแม้ตำแหน่งผู้ทรงเกียรติจะมาจากเทพธิดาหลิงหลง แต่ตราบใดที่พวกเธอยังไม่ตายหรือยอมสละมันด้วยความเต็มใจ ก็ไม่มีทางที่ใครจะฉกฉวยอำนาจนี้ไปจากพวกเธอได้

ต่อให้เทพธิดาหลิงหลงก็ไม่มีสิทธิ์!

“ขอบคุณฝ่าบาท” ทั้งคู่โค้งคำนับอย่างงามขณะแสดงความสำนึกในบุญคุณ

เทพธิดาหลิงหลงพยักหน้าอย่างพอใจขณะจับจ้องอีกฝ่าย “พวกคุณไม่คิดจะเรียกฉันว่าอาจารย์หรือ?”

เธอคือผู้พาทั้งคู่ออกจากภูเขาสวรรค์สร้าง ใช้อำนาจของกระจกเงาแห่งมิติและเวลาเพื่อเร่งการพัฒนาวรยุทธ ทั้งยังให้คำชี้แนะครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเธอ ทั้งคู่ก็ไม่มีทางผ่านบททดสอบของการได้รับตำแหน่งทรงเกียรติอย่างรวดเร็วขนาดนี้

ระหว่างตัวเธอกับนักรบทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ที่ปรากฏชัดก็จริง แต่เทพธิดาหลิงหลงรู้สึกได้ถึงความผูกพันของอาจารย์กับลูกศิษย์

และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอคิดจะยอมรับใครสักคนเป็นศิษย์สายตรง

เทพธิดาหลิงหลงไม่มีโอกาสได้ใช้เวลากับสองสาวมากนัก แต่พึงพอใจในตัวทั้งคู่อย่างมาก หวังหยิ่งเป็นคนถือตัวและสงวนท่าที แต่มีน้ำใจดีกับทุกคนรอบตัว ส่วนเว่ยหรูเหยียน แม้จะเย็นชา แต่ก็จริงใจกับผู้ที่เธอสนิทสนมด้วย

เทพธิดาหลิงหลงคิดว่าหากได้รับทั้งคู่เป็นศิษย์สายตรงก็คงจะดีมาก

“ต้องขออภัยด้วย ฝ่าบาท, แต่ก่อนหน้านี้เราสองคนเคยบอกไว้ว่าเรามีอาจารย์แล้ว” หวังหยิ่งประสานมือ

“ฉันรู้ว่าคุณมีอาจารย์แล้ว แต่เขาจะเทียบชั้นกับตัวฉันได้อย่างไร เขาก็แค่ผู้ให้คำชี้แนะกับคุณในช่วงแรกของเส้นทางวรยุทธเท่านั้น!” เทพธิดาหลิงหลงขมวดคิ้ว

เธอรู้ว่าสาวน้อยทั้งสองมีอาจารย์ตั้งแต่ตอนที่นำตัวทั้งคู่มาจากภูเขาสวรรค์สร้าง ในครั้งนั้น ทั้งคู่ไม่ค่อยเต็มใจจะมากับเธอ และยืนกรานว่าต้องทิ้งข้อความไว้ให้ท่านอาจารย์ก่อน

ซึ่งจะว่าไป การแสดงความเคารพที่หวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียนมีให้ท่านอาจารย์ของพวกเธอก็ทำให้เทพธิดาหลิงหลงพอใจในตัวทั้งคู่มากขึ้นอีก

เธอคิดว่าไม่ช้าทั้งคู่ก็คงลืมอาจารย์คนเก่าและหันมาภักดีกับตัวเธอ ใครจะไปรู้ว่าอาจารย์เพียงคนเดียวที่ทั้งสองให้การยอมรับจะยังคงเป็นเขา?

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจความภักดีของหวังหยิ่งกับเว่ยหรูเหยียน แต่เธอเป็นจอมราชันย์นะ!

แค่เธอเอ่ยปาก ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนในโลกใบนี้ก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นศิษย์สายตรงของเธอ

แต่หลังจากลงทุนลงแรงไปมากมาย ทั้งสองก็กลับปฏิเสธที่จะยอมรับเธอเป็นอาจารย์

อาจารย์คนเก่าของพวกเธอมีดีอะไรนักหนา!

ลงท้าย หมอนั่นก็เป็นแค่นักรบระดับเทพเจ้าคนหนึ่งที่ให้คำชี้แนะในช่วงแรกของการฝึกฝนวรยุทธเท่านั้น มีความสำคัญอะไรที่จะต้องจงรักภักดี?

“ฝ่าบาท ฉันคงต้องขอร้องคุณว่าอย่าดูถูกท่านอาจารย์ของพวกเรา” เว่ยหรูเหยียนพูด “เขาทำอะไรให้พวกเรามากมายเกินกว่าที่เราจะชดใช้ได้ และหากต้องเลือก เราก็ขอเลือกคืนวรยุทธที่มีอยู่ในเวลานี้ให้คุณ”

“ฝ่าบาท เขาคืออาจารย์เพียงคนเดียวที่พวกเราจะยอมรับในชั่วชีวิตนี้ และความตั้งใจนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” หวังหยิ่งพูด “ขออภัยในความดื้อรั้นของพวกเราด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้…”

เทพธิดาหลิงหลงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเสียดายเมื่อเห็นความตั้งใจเด็ดเดี่ยวของทั้งคู่ เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ตั้งคำถาม “พวกคุณรู้เรื่องการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณไหม?”

หวังหยิ่งพยักหน้า “ก็พอรู้บ้าง”

ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วสรวงสวรรค์ แม้พวกเธอจะใช้เวลาปลีกวิเวกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พอรู้ข่าวคราวบางส่วนจากเหล่าองครักษ์

ถ้าไม่ใช่เพราะการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณ ต่อให้พวกเธอจะปราดเปรื่องแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จอมราชันย์จะให้ความสำคัญถึงขนาดช่วยยกระดับวรยุทธให้

“การไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณจะเกิดขึ้นทุก 10 ปี ถือเป็นเรื่องใหญ่ของทั้งเก้าน่านฟ้า” เทพธิดาหลิงหลงอธิบาย “ในช่วงเวลานั้น ต่อให้ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติและราชันย์เทพเจ้าก็อาจเสียชีวิตได้อย่างง่ายดาย”

“ถึงพวกคุณจะได้เป็นราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เช่นเดียวกับตอนที่ฉันพบพวกคุณที่ภูเขาสวรรค์สร้าง จอมราชันย์คนอื่นๆก็พบผู้สืบทอดของพวกเขาเหมือนกัน ผู้สืบทอดเหล่านั้นจะได้รับคำชี้แนะเป็นการส่วนตัวจากจอมราชันย์ที่นำตัวพวกเขาไป จึงเชื่อได้เลยว่าพวกเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือด้วยได้ยากมาก”

“หากคุณไม่ยอมรับฉันเป็นอาจารย์ ฉันก็ไม่อาจถ่ายทอดเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงกว่านี้ให้คุณได้ ซึ่งคุณจะตกอยู่ในอันตรายหากต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนั้น อาจถึงกับเสียชีวิตได้เลยทีเดียว”

“อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย คุณเคยได้ยินชื่อชายหนุ่มชื่อเจิ้งหยางที่ถูกจอมราชันย์ตะวันแผดเผานำตัวไปบ้างไหม? เท่าที่ฉันรู้ ชายหนุ่มคนนั้นได้รับตำแหน่งทรงเกียรติตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ เขารับมือได้แม้แต่กับราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติที่คร่ำหวอดการสู้รบ หากคุณต้องเผชิญหน้ากับเขาระหว่างการไหลบ่าของพลังจิตวิญญาณล่ะก็ โอกาสที่จะเอาชนะได้ย่อมมีน้อยมาก…”

“พวกเราเคยได้ยินชื่อเขา…” หวังหยิ่งพยักหน้า “เขาเป็นศิษย์น้องที่ 4 ของฉัน!”