ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 967 แสนรัก แกมันไอ้สารเลวกล้าโกหกฉัน?
ไชยันต์พ่นลมหายใจเฮือก และใช้ไม้เท้าเดินออกไปอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง
แสนรักไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก้าวเท้าจะออกไป
“โอ๊ย……”
เสียงความเจ็บปวดของผู้ชายด้านหลังที่กำลังลากขาข้างนั้นที่ได้รับบาดเจ็บดังมา ฝีเท้าของเขาชะงักลง สักพัก ท้ายที่สุดก็วกกลับมา ยื่นมือให้เขาประคองตัวไว้
“ไม่คิดจะต่อต้าน?”
“อะไรนะ?”
“นายมันสมควรที่จะโดนเขาตีให้ตาย ยังจะไม่ขยับ นายรู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมอย่างนี้ของนาย คือตัวการโดยตรงที่ทำให้เขากลายเป็นคนบุคลิกผิดปกติ?”
แสนรักที่ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชาพูดอย่างไม่พอใจ
ม็อกโก : “……….”
เอียงหน้ามาเหลือบมองชายคนนี้ สุดท้าย เขายังคงยิ้มอย่างไม่มีทางเลือก
ไม่อดทนไว้ แล้วจะให้ต่อสู้ไปตรงๆ งั้นเหรอ?
สองพี่น้องประคองกันออกไปจากเขตทหาร เมื่อออกมาด้านนอก ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไชยันต์กับรองผู้นำเดชาอยู่แล้ว ม็อกโกเห็นเช่นนั้น ก็หยุดลงก่อนจะขึ้นรถ
“รัก นายจะกลับเมือง A จริงเหรอ?”
“ใช่”
“ทำไม?” เขาร้อนใจอีกแล้ว อย่างไรเสียตอนนี้ไชยันต์ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว และก็ไม่มีคนของเขตทหาร
“นายยังโกรธในคำพูดที่คุณปู่พูดเมื่อสักครู่ใช่ไหม? ฉันจะบอกนายให้นะ ตำแหน่งทายาทตระกูลเทวเทพตำแหน่งนี้ ถ้าหากนายคิดจะ……”
“ฉันไม่คิด”
แสนรักตัดจังหวะพูดเขาอย่างแน่วแน่อีกครั้ง
“นายฟังให้ดีนะ ฉันไม่คิดเลยสักนิด ฉันมาเพราะถูกบังคับ ไม่เคยคิดว่าที่นี่คือบ้านของตัวเอง บ้านของฉันอยู่ที่เมือง A พ่อฉันอยู่นั่น แม่ฉันก็อยู่ที่นั่น ยังมีคนอื่นในครอบครัวของฉัน ที่นั่นต่างหากที่เป็นสถานที่เกิดที่เลี้ยงดูฉัน หมี่ก็เช่นกัน เข้าใจหรือยัง?”
น้ำเสียงของเขาหนักไปเล็กน้อย เพราะว่าหลายครั้งที่ม็อกโกไม่เชื่อ เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นตะคอกกับหมดความอดทนเล็กน้อย ในทุกๆ คำย้ำเตือนจุดเยือนที่แน่วแน่ของเขาอีกครั้ง
ม็อกโกถึงกับพูดอะไรไม่ออก
นานขนาดนี้แล้ว เขายังคงไม่ถือว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง?
เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย
แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ดังนั้นตลอดทางจนกระทั่งมาถึงเรด พาวิเลี่ยน พี่น้องทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลย
จนกระทั่งม็อกโกจะลงรถ พิมเจ้าก็ออกมาจากในเรด พาวิเลี่ยนเพื่อต้อนรับเขา
“ใช่แล้ว เรื่องที่ซีจาร์ ผู้หญิงคนนั้นของตระกูลโชคศักดาก็แค่เล่นละครฉากหนึ่งขึ้นมา นายอย่าหลงกลพวกเขาล่ะ”
สุดท้ายแสนรักเตือนประโยคหนึ่งกับเขาในรถ
หา?
ม็อกโกตกตะลึง
รอจนกว่าตั้งสติได้ เขากำลังจะถามให้ชัดเจน ว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ชายคนนี้ก็ได้ขับรถออฟโรดสีเขียวทหารคันนี้ออกไปเสียแล้ว
เล่นละคร?
ทำไมเขาจึงรู้ว่านั่นคือละครฉากหนึ่ง?
งั้นในวิดีโอกล้องวงจรปิด ไม่ใช่บอกว่าคืนวันนั้นเป็นเขาที่ฉุดเธอเข้าไปเองเหรอ? เขาก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ทำไมถึงรู้ว่านั่นคือละครฉากหนึ่งล่ะ?
เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิด……..
“โก? เธอเป็นอะไรไป? เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“……”
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ม็อกโกถึงจะมองมาที่ป้าคนนี้แล้วถามขึ้นว่า : “ป้าครับ ป้ารู้ไหมว่าเทปวิดีโอกล้องวงจรปิดที่ผมพากลับมาด้วยตอนที่ผมกลับมาจากซีจาร์ วันนั้นมันอยู่ที่ไหน?”
“หา?” พิมเจ้าตกตะลึง “เหมือนว่า…….ถูกรักเหยียบเละแล้วนะ วันนั้นที่ประตูทางเข้า”
เธอพยายามนึกถึงเหตุการณ์ในเช้าวันนั้นที่เขากลับมา
เหยียบเละ?
ก็แค่เทปวิดีโอกล่องหนึ่งแค่นั้น ทำไมเขาต้องเหยียบเละด้วย? มันมีอะไรที่คุ้มค่าจนทำให้เขาต้องโมโหขนาดนั้น?
หัวใจของม็อกโกเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล…….
——
ส่วนเส้นหมี่ ในตอนพลบค่ำ เมื่อรองผู้นำเดชากลับมา บอกเธอถึงเรื่องที่แสนรักเตรียมที่จะพาพวกเขาไปเมือง A
พระเจ้า ในที่สุดพวกเขาจะกลับไปแล้ว?
ทันใดนั้น เธอดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี?
โยนงานในมือทิ้งลง แล้วเธอก็ก้าวขาพุ่งเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นก็ตรงดิ่งขึ้นไปชั้นสาม
กลับเมือง A นั่นคือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันอยากให้เป็นจริง
นานมากแล้ว เพื่อครอบครัวที่แตกร้าวนี้ เธอต้องดิ้นรนลำบากอยู่ข้างนอกมาตลอด โดยไม่ได้กลับไปเยี่ยมหาพ่อที่แก่ชราที่เมืองแห่งนั้น และไม่ได้โทรศัพท์หาคุณลุงคุณป้าของเธอเลยสักครั้ง
สวรรค์รู้ว่าเธออยากกลับไปมากแค่ไหน
เส้นหมี่พุ่งมาถึงหน้าประตูห้องนอนชั้นสามในเวลาเพียงอึดใจเดียว
“ที่รัก ฉันได้ยินว่าพวกเราจะกลับเมือง A กันแล้ว ใช่ไหม?”
เธอหายใจหอบมองดูผู้ชายที่อยู่ในห้อง และถามโดยที่ไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นดีใจในใจไว้ได้
แสนรักจัดเตรียมสิ่งของที่จะนำกลับไปอยู่ในห้องนอน เห็นว่าในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็กลับมาแล้ว ในมือของเขาถือตู้เสื้อผ้าที่ถูกตัวเองพลิกค้นจนเพ่นพ่านไปหมด…….
“มาพอดีเลย นี่เป็นหน้าที่คุณแล้วกันนะ”
“……”
เขามักจะชอบตอบไม่ตรงคำถามแบบนี้อยู่ตลอด
แต่ เส้นหมี่ที่เข้าใจเขาได้ฟังแล้วนั้น กลับดีใจจนแทบจะบ้าแล้ว
“ได้ได้ได้ ฉันทำเอง คุณไม่ต้องทำ ทั้งหมดยกให้เป็นหน้าที่ฉัน!” เธอทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ เสนอตัวทำทุกอย่างทั้งหมดนี้ที่จำเป็นต้องจัดระเบียบให้ตกอยู่ในมือของตัวเอง
ชายหนุ่มเห็นแล้ว ดีใจที่ไม่ต้องทำเอง
หยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง แล้วนั่งอ่านลงบนโต๊ะตัวเล็กตรงริมหน้าต่าง
แต่อ่านไปอ่านไป ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อย เหมือนกับว่าด้านข้างของเขา มีสายตาสองดวงจับจ้องมองเขาอยู่ตลอด
แสนรัก : “…………”
“คุณบอกว่า…….พาพวกเรากลับเมือง A?”
เส้นหมี่ที่ทิ้งเสื้อผ้าในมือลงแล้วเดินมา ยืนอยู่ตรงด้านข้างของเขาจับจ้องดูเขาแล้วถาม
แสนรักตัวแข็ง
สักพักก็ละสายตา แต่ยังคงมีท่าทีใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเหมือนเดิม เปิดอ่านหนังสือในมืออย่างใจเย็น : “ใช่ไง คุณไม่อยากกลับ?”