อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1175 ไม่มีใครยอมใคร

กู้ชูหน่วนหยิบยาออกมาจากแหวนมิติด้วยความเคยชิน ถึงได้พบว่าแหวนมิติไม่ได้อยู่ในมือของนางนานแล้ว จึงทำได้เพียงคลำไปที่หน้าอก หยิบยาที่สำรองไว้อีกขวดหนึ่งออกมา

นางมักจะบาดเจ็บอยู่เสมอ ยังดีที่มียาสำรองอยู่ที่หน้าอก ไม่เช่นนั้นเกรงว่าวันนี้นางคงทำได้เพียงปล่อยให้โดนฆ่าโดนแกงโดยนอนอยู่บนพื้นแล้ว

หลังจากกินยา อวัยวะภายในร่างกายยังคงเดือนพล่านเดือดอย่างรุนแรง

กู้ชูหน่วนเพิ่มลมปราณปรับลมหายใจหลายครั้งก็ไม่สามารถทำได้ กลับยังเจ็บปวดจนหน้าเขียว

ซือโม่เฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ลมปราณในร่างกายของท่านไม่เสถียร ไม่สามารถเคลื่อนลมปราณได้แล้ว ไม่เช่นนั้นพลังบำเพ็ญทั้งตัวของท่านก็คงจะต้องเสียเปล่าแล้ว”

“ตูม….”

แล้วในเวลานี้ กลางอากาศก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น เวินเส้าหยีและไป๋หลี่หมิงเยียนล้วนต่างพากันลอยลงมา ต่างฝ่ายต่างถอยไปสองสามก้าว

อาการหูอื้อของกู้ชูหน่วนดีขึ้นเล็กน้อย

นางสามารถเห็นได้ว่าใบหน้าของเวินเส้าหยีและไป๋หลี่หมิงเยียนซีดลงเล็กน้อย ดูไม่ค่อยดีนัก

และยังสามารถได้ยินการสนทนาของพวกเขาได้

ไป๋หลี่หมิงเยียนมองดูเวินเส้าหยีที่ดูมีความรู้สง่างาม รูปร่างหน้าตาดีด้วยใบหน้าที่เปิดเผยถึงความตกตะลึงออกมา “เจ้าบ้านเวินมีพลังบำเพ็ญขนาดนี้ตอนอายุยังน้อยช่างทำให้คนตกตะลึงจริงๆ ตระกูลไป๋หลี่และตระกูลเวินไม่มีความแค้นเคืองกัน ไม่ทราบว่าเจ้าบ้านเวินเข้ามาแทรกแซงเรื่องในตระกูลไป๋หลี่โดยไม่มีเหตุผล ด้วยเหตุอันใด?”

เวินเส้าหยีแบกพิณหิมะไว้บนหลัง สองมือไพล่หลัง เขาหลังตรงจนเหมือนดั่งดินสอ สายอ่อนพัดผ่าน พัดปอยผมข้างจอนหูสองสามปอยขึ้นมา ยิ่งทำให้ดูเหมือนเทพเซียนไร้ราคี

“ข้ามาที่ตระกูลไป๋หลี่ก็เพื่อของสิ่งหนึ่ง”

“อ๋อ…ของอะไร?”

“วิญญาณดวงหนึ่ง วิญญาณที่จมลงไปที่หน้าผากของนาง” เวินเส้าหยีกวาดตามองกู้ชูหน่วน ซึ่งมีความหมายที่ชัดเจนอยู่ในนั้น

“อ๋อ…เจ้าบ้านเวินก็อยากได้วิญญาณดวงนั้นเพื่อขึ้นระดับเจ็ดเช่นกันรึ?”

เวินเส้าหยีไม่ตอบ มุมปากของเขายกขึ้น แม้ว่าสีหน้าจะซีดขาวเล็กน้อยแต่ก็ยังเผยรอยยิ้มออกมาบางๆ สำหรับวิญญาณนั้นแล้วดูเหมือนว่าจะต้องเอามาให้ได้

ไป๋หลี่หมิงเยียนไม่อยากมอบวิญญาณออกไปเป็นธรรมดา

เขาติดอยู่ที่ขั้นสูงสุดระดับหกมานานเพียงใด ตลอดมาก็ไม่สามารถก้าวเข้าระดับเจ็ดได้

บวกกับอายุขัยของเขาที่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว หากไม่เพิ่มขั้นพลังบำเพ็ญ แม้แต่ชีวิตก็จะรักษาไว้ไม่ได้

แต่….

ตระกูลเวินมียอดฝีมืออยู่มากมายดั่งกลุ่มเมฆ แล้วตระกูลไป๋หลี่ก็ดันมาประสบกับหายนะครั้งใหญ่อีก ผู้อาวุโสใหญ่แต่ละคนรวมทั้งสุดยอดผู้อาวุโสต่างพากันไปป้องกันศัตรูแล้ว เจ้าบ้านเวินอยู่ระดับเดียวกับเขา เป็นขั้นสูงสุดระดับหก แม้ก่อนหน้านี้เขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่คิดจะจัดการเขาให้ได้ในเวลาอันสั้นก็ไม่ง่าย

หากตระกูลเวินยังมีผู้ช่วยเหลือคนอื่นมาอีก เช่นนั้นเขาก็จะไม่มีโอกาสชนะแม้สักนิด

คิดถึงตรงนี้ ไป๋หลี่หมิงเยียนมีท่าทางผ่อนคลายลง “ในเมื่อจุดประสงค์ของเจ้าและข้าเหมือนกัน เช่นนั้นก็ดึงความทรงจำทั้งหมดในวิญญาณนั้นออกมา ศึกษาพิจารณาร่วมกัน แล้วก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดกันเถอะ”

เวินเส้าหยียิ้มอย่างสง่างาม ลูบผมสีหมึกข้างหูของเขา กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆว่า “ขอบคุณความหวังดีของผู้อาวุโสไป๋หลี่มาก แต่ข้าต้องการใช้วิญญาณดวงนี้เพราะจุดประสงค์อื่น เกรงว่าคงจะไม่สามารถทำตามความปรารถนาของท่านได้”

รอยยิ้มของไป๋หลี่หมิงเยียนแข็งทื่อเล็กน้อย “ฟังจากน้ำเสียงของเจ้าบ้านเวิน คงจะไม่ต้องหารือเรื่องนี้กันแล้วสินะ?”

“เพียงแค่ผู้อาวุโสไป๋หลี่ยอมมอบวิญญาณนั้นให้ แล้วส่งมอบแหวนมิติกับขลุ่ยหยกมรกตออกมา แน่นอนว่าต้องหารือได้”

“เจ้าบ้านเวินข้าเห็นว่าเจ้าอายุยังน้อย ไม่ง่ายที่พลังบำเพ็ญจะถึงขั้นสูงสุดระดับหกได้ ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับเจ้าที่เป็นคนรุ่นหลังผู้หนึ่ง แต่เจ้ากลับนำคนของตระกูลเวินมาขัดขวางพรรคอื่นๆที่เข้ามาเป็นกองหนุนให้ตระกูลไป๋หลี่ ตอนนี้ก็ยังอยากจะแย่งชิงวัตถุศักดิ์สิทธิ์ตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราอีก รังแกกันมากเกินไปรึเปล่า”

“วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลไป๋หลี่? หึ…นั่นเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่านจริงๆน่ะหรือ?”

พูดไม่ถูกคอกัน ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันอีก

ไม่ว่าเวินเส้าหยีหรือไป๋หลี่หมิงเยียนก็ไม่มีใครยอมใครทั้งสิ้น