บทที่ 662

พูดจบแล้ว ก็พุ่งเข้าไปต่อยเตะคนขับรถคนนั้นเลย!

คนขับรถถูกตีจนร้องเสียงโอดโอยออกมาเลย แต่ก็ไม่กล้าสู้กลับไป ทำได้เพียงยื่นแขนออกมาปกป้องไว้ ป้องกันไว้จนท้ายที่สุด ไม่สามารถทนต่อไปได้แล้วจริงๆ ไม่มีเวลาสนใจว่าล้างก้นแล้วหรือยัง ดึงกางเกงขึ้นมาพร้อมวิ่งออกไปข้างนอกทันที

อู๋ฉีด่าออกไปประโยคนึงว่า : “ไอ้ชาติหมา วันนี้ไม่ว่าแกจะหนีไปไหน ฉันต้องหักขาแกให้ได้!”

พูดจบ เตรียมที่จะวิ่งตามออกไป ทันใดนั้นก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที

ในเวลานี้ อู๋ซินคร่ำครวญในใจ แย่แล้ว……

เขารู้ ว่าอาการของตัวเองกำเริบอีกแล้ว!

ตามมาด้วย อู๋ฉีหมดสติทันที สายตาจับจ้องไปที่สิ่งสกปรกที่คนขับรถคนนั้นทิ้งไว้ในชักโครก สายตาของเขาเปล่งประกาย ไม่พูดพร่ำทำเพลง หมอบลงไปที่พื้นพร้อมเอื้อมมือเข้าไปจับ จับได้แล้วก็ยัดเข้าใส่ปากกินอย่างตะกละตะกลาม……

ส่วนทางด้านนี้เมื่อคนรับใช้สามสี่คนเห็นคนขับรถวิ่งถือกางเกงออกมาจากในห้องน้ำ ก็สงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อไปถึงห้องน้ำก็เห็นอู๋ฉีนั่งยองๆกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่หน้าชักโครก แต่ละคนต่างก็อ้วกออกมา

หนึ่งในนั้นรีบพูดตะโกนออกทันทีว่า : “เร็วเข้าๆ รีบไปหยุดคุณชายสองไว้ ตอนนี้คุณชายสองต้องใช้หม้ออัดแรงดันอุณหภูมิสูงเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ จะกินของสดๆแบบนี้ไม่ได้ ไม่งั้นอาจจะไม่สบายได้!”

คนกลุ่มหนึ่งอ้วกไปพลาง พร้อมทั้งลากอู๋ฉีออกมาจากห้องน้ำพลาง

เวลาที่อาการของอู๋ฉีกำเริบขึ้นมาจะไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ขัดขวางความเพลิดเพลินในการกิน “อาหารรสเลิศ”ของตัวเอง ด่าทอด้วยความโมโหทันทีว่า : “ไอ้พวกระยำ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันฆ่าพวกแกตายแน่!”

เมื่อเปิดปากพูดออกมา ถึงแม้ว่ากลิ่นจะเหม็นอย่างมากก็ช่างเถอะ สิ่งที่สำคัญก็คือพ่นออกมาใส่หน้าของคนกลุ่มนี้จนใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบสกปรก ทำให้คนใช้กลุ่มนี้ขยะแขยงจนแทบอยากจะตายเลยทีเดียว

เมื่อคนอื่นๆเห็นว่าที่นี่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ก็รีบร้อนกันเข้ามา คนใช้คนหนึ่งที่กอดอู๋ซินไว้แน่นพูดตะโกนเสียงดังว่า : “รีบไปเอาถังแรงดันสูงมาฆ่าเชื้อให้คุณชาย!เร็วเข้า!”

“โอเคๆๆ!” คนๆนั้นรีบหันหลังวิ่งกลับไป

ใครๆก็รู้ว่าอาการของอู๋ฉีกำเริบ หากกินไม่อิ่มท้องก็ไม่มีวันเลิกรา ดังนั้นจึงทำได้เพียงทำการฆ่าเชื้อให้กับเขา “เพิ่มมื้ออาหาร”อย่างปลอดเชื้อ

พอรู้ว่าอาการของอู๋ฉีกำเริบขึ้นมาอย่างกะทันหัน แถมยังเกิดขึ้นในห้องน้ำ กินของสกปรกที่คนขับรถคนนั้นทิ้งไว้ ทุกคนในตระกูลอู๋ต่างก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที

……

จินหลิงในเวลานี้ หมอกในยามค่ำคืนค่อยๆปกคลุมเมืองโบราณแห่งนี้

รถตู้หรูระดับไฮคลาส7ที่นั่ง กว่า10คัน ขับเข้ามายังเมืองจินหลิงอย่างรวดเร็ว จอดตรงหน้าประตูบ้านของหลิวกว่าง

รถสิบคันนี้มีคนนั่งเต็มทุกคัน ขับมาจากซูหางโดยเฉพาะ มาเพื่อเอาชีวิตที่ไร้ค่าของหลิวกว่าง หลิวหมิง สองพ่อลูก

70คนนี้ ล้อมรอบบ้านของหลิวกว่างไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นรอจนพวกเขาบุกเข้าไปถึงค้นพบว่า คนได้หนีออกไปแล้ว มีแต่บ้านที่ว่างเปล่า!

คนนำทีมคนนั้นตีอกชกหัวพร้อมพูดว่า : “แม่งเอ๊ย ปล่อยให้สองพ่อลูกไร้ค่านี้หนีไปได้!”

“พี่ใหญ่ จะทำยังไงดี?!”

คนนั้นพูดจาอย่างเจ็บปวดว่า : “ถ้าหากพวกเขาอยู่ที่บ้าน ตอนนี้คงโดนฆ่าทิ้งแล้ว แล้วกลับไปรายงานการปฏิบัติภารกิจให้ประธานอู๋ แต่เมื่อพวกเขาไม่อยู่บ้าน งั้นก็คงอยู่ที่ไหนสักแห่ง!จินหลิงมีประชากรหลายล้านคน แล้วพวกเรามีแค่ 70 คนจะไปตามหาที่ไหนละ?”

“งั้นจะทำยังไงดี?” อีกฝ่ายถามต่อว่า : “ไม่งั้นลองโทรไปบอกประธานอู๋ก่อนดีไหม?ไม่อย่างนั้นประธานอู๋จะคิดว่าเราทำงานได้ไม่ดี เกิดลงโทษขึ้นมาก็จะยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่!”

“จริงด้วย!” คนนำทีมคนนั้นรีบโทรศัพท์หาอู๋ตงไห่ทันที

อู๋ตงไห่เพิ่งจะรักษาอาการบาดเจ็บที่เข่าของเขา รอกระดูกข้อเข่าเข้าที่แล้ว ถึงค่อยทำการผ่าตัดปลูกถ่าย กดรับสายทันที รีบเอ่ยถามออกไปว่า : “ได้ฆ่าหลิวกว่างหลิวหมิงสองพ่อลูกระยำนี้แล้วยัง?!”

“ประธานอู๋……” ผู้นำทีมพูดอย่างเก้ๆกังๆว่า: “ประธานอู๋ ในบ้านของหลิวกว่างไม่มีคนอยู่เลย มีแต่บ้านที่ว่างเปล่า ผมดูแล้ว น่าจะรีบเก็บข้าวของแล้วหนีไปแล้วครับ น่าจะยังไปได้ไม่นาน ประมาณสองสามชั่วโมงได้”

“แม่ง!” เมื่ออู๋ตงไห่ได้ยินอย่างนี้แล้ว ก็โมโหขึ้นมาทันที โพล่งพูดออกไปว่า : “ไปหาตัวมันให้เจอ!แม้ว่าจะต้องหาจนถึงวันที่โลกสิ้นสุด ก็ต้องลากตัวไอ้ระยำสองคนนี้ออกมาฆ่าทิ้งซะ!”