ตอนที่ 2311

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,311 : ห้วงเวลาหยุดเดิน…

 

“ความต่างชั้นมันมากเกินไป…”

 

ภายใต้เมฆหายนะสู่สวรรค์ เมื่อได้เห็นต้วนหลิงเทียนที่คล้ายกลับกลายเป็นเปลวเพลิงพุ่งทะยานเข้าหาอัสนีทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดลงมาด้วยสภาวะประหนึ่งอุกกาบาตถล่มโลก หลายคนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา

 

“อย่าว่าแต่ยามนี้ต้วนหลิงเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้นเลย กระทั่งต่อให้มันมีสภาพสมบูรณ์พร้อมก็มิอาจรับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 นี้ได้!”

 

“มิผิด! อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 นี่หากให้เทียบกับอัสนีทัณฑ์สายอื่นของหายนะทัณฑ์สวรรค์ครานี้ มันช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง!”

 

“น่าเสียดายนัก อัจฉริยะไร้ผู้ต้านนั่นกำลังจักร่วงหล่นแล้ว…”

 

“มิเห็นจะน่าเสียดายอันใด…อย่าได้ลืมว่ามันเป็นมนุษย์หาใช่เผ่าปีศาจของพวกเราไม่! มันตายไปก็ดีแล้ว เจ้ายังจักเสียดายทำอะไร!?”

 

 

ในตอนนี้แทบทุกชีวิตต่างพากันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่

 

ส่วนด้านแม่ลูกอย่างเค่อเอ๋อกับต้วนซือหลิงนั้น พอได้เห็นต้วนหลิงเทียนทะยานร่างเข้าหาอัสนีทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดลงมาด้วยสภาวะประหนึ่งอุกกาบาตที่ข้ามผ่านห้วงอวกาศมาด้วยพลังอันเหี้ยมหาญหาใดเปรียบ พวกนางก็หวาดกลัวจนหน้าซีดไม่กล้าจะมองชมเรื่องราวอีกต่อไป ทำได้แต่หลับตาเบือนหน้าหนี

 

ก่านหรูเยี่ยนจับจ้องมองร่างที่กำลังจะเผชิญกับพลังอำนาจของสวรรค์ไม่วางตาด้วยใบหน้าจริงจัง

 

ห่างออกไปไม่ไกล เผิงไหล ยืนตัวตรงในแววตาที่จับจ้องร่างเหนือฟ้าเผยความเคารพให้เห็น

 

‘ขอเจ้าอย่าได้ห่วงไป…ตราบใดที่ข้าหวงเหวินจิ้งยังมีชีวิตอยู่ จักมิมีผู้ใดสามารถแตะต้องลูกเมียของเจ้าได้!’

 

หวงเหวินจิ้งเองก็หลับตาลงด้วยไม่อาจทนดูได้สืบไป

 

หากแต่ในใจนั้น นางลอบให้คำมั่นอีกครั้ง ว่าจะกระทำตามคำของของต้วนหลิงเทียนให้สุดกำลัง

 

“น้องหลิงเทียน…”

 

หวงฉี่หลิงก็หลับตาลงด้ววยความปวดปร่าใจ สองหมัดยังกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อหลั่งเลือดอย่างไม่รู้ตัว

 

ตอนนี้มันเพียงแต่เกลียดตัวเองนัก ที่อ่อนแอเสียจนไร้กำลังจะช่วยเหลืออันใดสหาย!

 

“ฮ่าๆๆ!”

 

“ตายๆไปเสีย!!”

 

รองจ้าววังเซียนสัญจร อวิ๋นฟู่เหย่ กับจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง คนหนึ่งระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน อีกคนหนึ่งก็สบถแช่งออกมาด้วยความสะใจ สองตายังจับจ้องมองเรื่องราวตรงหน้าไม่วางตา ราวกับไม่อยากจะพลาดฉากร่างต้วนหลิงเทียนถูกอัสนีพิฆาตเป็นผง!

 

ส่วนผู้ชมคนอื่นๆของ 3 วัง 6 ตำหนัก เพียงมองฉากเรื่องราวด้วยสายตาเฉยเมย

 

ในสายตาของพวกมัน

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นคนต่างเผ่า แม้จะหาญกล้าจนพวกมันเองก็ยอมรับนับถือ แต่ก็ไม่สมควรได้รับความเห็นอกอเห็นใจอะไรจากพวกมัน!

 

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

 

 

เหนือขึ้นไปบนแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ เสียงฟ้าร้องคำรามก็ไม่เคยจางหายไปไหน

 

ภายใต้แพเมฆหายนะสู่สวรรค์ ร่างต้วนหลิงเทียนก็เข้าใกล้อัสนีทัณฑ์สายที่ 80 เข้าไปทุกขณะ

 

ชั่วพริบตา อัสนีทัณฑ์ก็ห่างออกไปจากร่างเขาไม่ถึงร้อยหมี่!

 

ด้วยความเร็วของต้วนหลิงเทียนและอัสนีทัณฑ์แล้ว ระยะร้อยหมี่นั้นมันสามารถหดหายได้ในเวลาไม่ถึงเสี้ยวพริบตาด้วยซ้ำ

 

“มา! ข้าต้วนหลิงเทียนอยากรู้นักว่าอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ของหายนะสู่สวรรค์มันจะแน่สักแค่ไหน!!”

 

เผชิญหน้ากับอสันีทัณฑ์ที่กำลังจะฟาดลง ต้วนหลิงเทียนไม่คิดออมรั้งอันใด พลังชั่วชีวิตปะทุระเบิดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด คนคำรามออกกึกก้อง มวลพลังสั่นพ้องกับฟ้าดิน เปลวเพลิงทั่วกายคล้ายจะลุกโหมขึ้นมาโดยพลัน!

 

ด้วยเปลวเพลิงสีทองอ่อนที่ลุกโชนขึ้นมาท่วมร่างต้วนหลิงเทียน ดั่งจะหนุนเสริมให้คนคล้ายกลับกลายเป็นเทพอัคคีอันสง่างามน่าเกรงขามก็ไม่ปาน!

 

และด้วยสำนึกรู้ฟ้าดินของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ทำให้พลังเซียนต้นกำเนิดที่ปะทุออกกมาทั้งหมดยามสั่นพ้องกับฟ้าดิน จึงหนุนเสริมให้พลังอำนาจของเขาคล้ายจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน! พาลให้ผู้ชมทั้งหมดรู้สึกหวั่นหวาดในใจ!!

 

อย่างไรก็ตามพลังอำนาจดังกล่าว เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอันดุร้ายน่าพรั่นพรึงของอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ก็เสมือนกระจ้อยร่อยลงถนัดตา!

 

ท่านเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินแล้วอย่างไร?

 

อัสนีทัณฑ์สวรรค์นี้คือพลังอำนาจที่มีอานุภาพสะท้านฟ้าดิน!

 

สวรรค์ลิขิตให้ท่านมอดม้วย ท่านก็ต้องมอดม้วย!!

 

คิดฝืนสวรรค์ย่อมเป็นการกระทำผิดต่อฟ้าดิน!

 

ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ย่อมหมายถึงสามารถพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาตัว!

 

เมื่อพลังเซียนต้นกำเนิดปะทุระเบิดออกมาจากชีพจรเซียนทั้ง 99 สาย แววตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเยียบเย็นถึงที่สุด อัสนีสีม่วงที่ห่างไปเพียงแค่เอื้อมนั้น ยังผลให้สองตาเขาต้องสะท้อนแสงของมันจนเรืองวาบ เกล็ดมังกรทั่วร่างบัดนี้ก็ดั่งจะเปล่งแสงระยิบระยับด้วยแสงทองอ่อน แม้จะอ่อนด้อยกว่าแสงพลังเบื้องหน้าแต่มันก็ดิ้นรนเฉิดฉายไม่ย่อท้อ!

 

ทันใดนั้น

 

“พังให้ข้า!!”

 

แทบจะพร้อมกันกับเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดของต้วนหลิงเทียน เซียนอมตะข้ามภพพลันสำแดงเดช ร่างเขาสั่นไหวเป็นเงาเลือน ปรากฏร่างแยกอวตารคอนกระบี่ พุ่งทะยานเข้าใส่อัสนีเบื้องหน้าอย่างดุร้ายประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่!

 

ซู่ม!! ซู่ม!! ซู่ม!!

 

 

ร่างแยกอวตารแต่ละร่างของต้วนหลิงเทียน หนึ่งมือเสือกกระบี่แทงฟ้า พุ่งทะยานเข้าใส่อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 อย่างไร้ครั่นคร้าม!!

 

กระบี่ในมือของร่างแยกทั้งร่างจริงส่องประกายพลังออกมาเจิดจ้า มันเปล่งรังสีพลังกระบี่จี้นำออกไป คล้ายจะแผ้วพานเส้นทางให้ร่างแยกอวตารทั้งร่างจริงตามไปติดๆ!

 

เรีกยว่าตอนนี้ไม่ว่าจะร่างแยกอวตารหรือร่างจริงของต้วนหลิงเทียน ก็พุ่งตะลุยขึ้นไปอย่างห้าวหาญประหนึ่งคนจะมอง ความตายเป็นการหวนคืนสู่บ้านเกิด!

 

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้กำลังจักดับสิ้น…”

 

ในขณะที่ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นในหัวของผู้ชมทั้งหมดโดยรอบ

 

และในขณะที่ร่างแยกอวตารรวมถึงร่างจริงของต้วนหลิงเทียน พร้อมด้วยกระบี่พันอาคมเซียนเล่มจริงทั้งจำแลงในมือห่างจากอัสนีทัณฑ์สวรรค์ไม่ถึง 10 หมี่นั้น…

 

ชั่วพริบตาก่อนที่กระบี่จะทะลวงเข้าใส่อัสนีทัณฑ์สวรรค์

 

ห้วงเวลาก็เสมือนหยุดเดินลงไปชั่วขณะ!

 

ปงงงง!!!

 

บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นปานฟ้าล่มสลายขึ้นเหนือแพเมฆหายนะสู่สวรรค์!

 

ตอนนี้ประมุขเผ่าปีศาจรวมถึงอาจารย์ชราในชุดเทาได้แต่มองเรื่อราวเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด

 

นก ที่โผบินละเล่นอยู่ในเมฆมงคลเบญจรงค์โดยที่ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีทองนั้น อยู่ดีๆมันก็กู่ร้องออกมาอย่างประหลาด จากนั้นความว่างเปล่าโดยรอบก็เสมือนจะถูกระเบิดอย่างแรง!!

 

ความว่างเปล่าถูกพลังมหาศาลสะท้านสะเทือนจนมิติคล้ายบิดเบือนไปชั่วขณะ! คลื่นกระแทกอันมหาศาลกำจายออกมาณเมฆมงคลเบญจรงค์เป็นวง!

 

และในสายตาของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์รวมถึงชายชราในชุดคลุมสีเทา นกไฟที่หยอกเย้าอยู่ในเมฆหลากสีเมื่อครู่ ก็อันตรธานหายไปอย่างอัศจรรย์!!

 

“ระ…เร็ว!!”

 

แน่นอนว่าประมุขเผ่าปีศาจย่อมรู้ดีว่านกไฟประหลาดไม่ได้อันตรธานหายไปจริงๆ แต่มันระเบิดความเร็วอันเหนือล้ำออกมาจนสายตาพวกมันไม่อาจจับจ้องมองตามได้ทัน!

 

กระทั่งอาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ชายชราในชุดสีเทาเอง ก็แลเห็นได้เพียงเงาเลือนรางวูบหายไปสายหนึ่งเท่านั้น! และเงานั่น ก็พุ่งทะยานแหวกแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ลงไปยังเบื้องล่าง!!

 

‘ความเร็วนี่มันอะไรกัน…’

 

ลูกตาผู้ชราชุดเทาอดไม่ได้ที่จะหดหยีลง แววตายังฉายชัดถึงความหวาดหวั่นประหลาดใจ ทำราวกับพบพานภูตผีกลางวันแสกๆ!

 

นี่นับเป็นครั้งแรกจริงๆ ตั้งแต่ที่ผู้ชราคนนี้ปรากฏตัวออกมา แล้วเผยสีหน้าเสียอาการมากมายขนาดนี้

 

และทั้งหมดทั้งมวล ล้วนเกิดจาก นก ที่ก่อร่างขึ้นมาจาเปลวเพลิงสีทองนั่น!!

 

ภายใต้แพเมฆหายนะสู่สวรรค์

 

ในขณะเดียวกันกับที่ห้วงเวลาเสมือนหยุดเดิน

 

ซู่มมม!!!

 

นกที่ก่อเกิดร่างจากเปลวเพลิงสีทอง ได้พุ่งทะลวงอากาศลงมาประหนึ่งจะแหวกผ่าได้กระทั่งมิติ ในที่สุดก็บรรลุถึงร่างแยกอวตารของต้วนหลิงเทียน ที่เหินทะยานขึ้นมาพร้อมกระบี่พันอาคมเซียนจำแลง…

 

‘นี่มันอะไรกัน’

 

พริบตานี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเพียงว่าร่างแยกอวตารของเขาได้ถูกพลังอำนาจมหาศาลขุมหน่งปกคลุม และกระทั่งตัวเขาเองก็สูญสิ้นความสามารถในการควบคุมร่างกายตัวเองไปในฉับพลัน!!

 

ตอนนี้ในสายตาของผู้ชมทั้งหมด

 

ไม่ว่าจะร่างแยกอวตารหรือร่างที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน รวมไปถึงกระบี่พันอาคมเซียนเล่มจริงและเล่มจำแลง ล้วนถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง ที่ราวกับจะผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า อีกทั้งเปลวไฟสีทองนั่นยังมีรูปลักษณ์เป็นวิหกประหลาด!!

 

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

 

 

ต่อหน้าทุกสายตา ร่างวิหกเพลิงที่ประหนึ่งจะผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่าและครอบคลุมต้วนหลิงเทียนอยู่นั้น ก็ได้ปะทะกับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ก่อนจะปรากฏแสงพลังหนึ่งส่องสว่างเจิดจ้าออกมา!!

 

แสงจ้าครานี้กลับมีสีทอง และสีขาวผสมกับสีม่วง!

 

แทบจะทันทีที่ทุกคนรู้สึกเสมือนสองตาพร่าบอด

 

ปงงง!! ปงงง!! ปงงง!! ปงงง!!

 

……

 

เสียงระเบิดดังสนั่นปานฟ้าพินาศพลันอุบัติขึ้นอย่างกะทันหัน! พร้อมกันนั้นยังปรากฏเมฆรูปเห็ดกำลังเบ่งบานขึ้นจากอากาศว่างเปล่า! คลื่นพลังสะท้อนอันน่าพรั่นพรึงเพราะสร้างคลื่นกระแทกมหาประลัยหนึ่งให้กำจายออกไปโดยรอบ!!

 

ยามคลื่นกระแทกระเบิดออกมา แม้ผู้ชมจะเตรียมพร้อมรับมือแต่แรก แต่ยังมีอีกหลายคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยถึงกับถูกซัดปลิดปลิว!!

 

หลังจากคลื่นกระแทกอันรุนแรงซัดสาดเข้ามา ก็ดั่งจะมีลมวิปโยคปั่นป่วนไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า พาลให้ชุดคลุมผู้คนโบกสะบัดอย่างแรง

 

กระทั่งผู้ชมส่วนใหญ่ยังถึงกกับต้องหลับตาลง ด้วยเพราะไม่อาจสู้แรงลมอันรุนแรงเกรี้ยวกราดนี้ได้ไหว!

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!?”

 

“ข้ามิรู้! เมื่อครู่ ตอนที่ร่างต้วนหลิงเทียนทั้งหลายกำลังจักปะทะกับอัสนีทัณฑ์สวรรค์ คล้ายมันสำแดงเวทย์พลังทั้งหมดที่มันเคยใช้ออก แต่ทว่าครานี้กกลับปรากฏวิหกเพลิงตัวเขื่องอุบัติขึ้นคลุมกาย”

 

“แถมวิหกเพลิงประหลาดนั่น ยังแลเหมือนกันกับวิหกเพลิงที่ก่อตัวขึ้นจากเปลวไฟสีทองที่พุ่งหายขึ้นไปในแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ก่อนหน้านัก!”

 

“หรือว่า วิหกที่ก่อตัวจากเปลวเพลิงสีทองแล้วพุ่งทะยานหายลับไปในแพเมฆหายนะสู่สวรรค์นั่น! จักเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียนด้วย!?”

 

 

ในขณะนี้ผู้คนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกกกับเหตุการณ์ประหลาดที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นตรงหน้าอย่างที่ไม่มีใครทันได้ตั้งตัว แต่ละคนอุทานออกด้วยความตื่นตาตื่นใจ

 

ในวาจานั้นล้วนเกี่ยวข้องกับวิหกเพลิงสีทอง กับต้วนหลิงเทียน

 

“แรงระเบิดสะท้านแดนดินเช่นนี้…มีเพียงพลังสองขุมที่มีอานุภาพเท่าเทียมปะทะกันเท่านั้นถึงจะก่อเกิดออกมาได้”

 

ชนชั้นอาวุโสที่พลังฝึกปรือสูงส่งกล่าวออก

 

เสียงของงมันแม้ไม่ได้ดังอะไรมาก แต่ด้วยฉากที่กลับกลายเป็นเงียบงันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ก็ทำให้เสียงมันดังมากพอเข้าหูทุกคน

 

ทันใดนั้นเหล่าผู้ชมทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวค่อนแคะออกมา “พลังอำนาจทัดเทียมกัน? ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นดูอย่างไรก็ศรปลายเกาทัณฑ์แล้วแท้ๆ ไหนเลยจะสำแดงพลังทัดเทียมกับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ได้?!”

 

“มิผิด! ด้วยสารรูปเช่นนั้นต่อให้ต้วนหลิงเทียนมันจะใช้ออกด้วยเวทย์พลังพิสดารอันใด แต่สภาพของมันก็ร่อแร่เต็มทีเป็นไปมิได้ที่มันจะรอด้นจากอัสนีทัณฑ์สายที่ 80!”

 

“ส่วนคลื่นกระแทกที่ระเบิดออกมาจากพลังมหาศาลเมื่อครู่…สมควรเป็นคลื่นพลังสะท้อนที่เกิดจากต้วนหลิงเทียนถูกอัสนีระเบิดร่างเป็นผุยผงไม่ผิดแน่!!”

 

“ตอนนี้ด้วยพลังปั่นป่วน สำนึกเทวะจึงมิอาจหยั่งรู้เรื่องราว ณ จุดระเบิดได้…อย่างไรก็ตามรอให้พลังมหาประลัยนี่สลายหายไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกเจ้าก็จักได้เห็นเรื่องราวกระจ่าง อย่างไรก็ตามข้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนคงร่างแหลกเป็นผุยผงตายตกไปแล้ว!!”

 

… …

 

เหล่าผู้ชมเริ่มจ้อกันออกมาไม่หยุด เหล่าผู้รู้ทั้งหลายก็กล่าวออกกมาราวกับตาเห็น แต่ทุกสายตาตอนนี้ก็จับจ้องมองไปยังจุดปะทะกันระหว่างต้วนหลิงเทียนกับอัสนีทัณฑ์สวรรค์ไม่วางตา

 

ตอนนี้ด้วยมีมวลพลังสีทอง สีขาวและสีม่วงกำลังแตกระเบิดกำจายออกมาสะท้านความว่างเปล่า ซึ่งนั่นไม่เพียงแต่จะปิดกั้นสายตาของผู้ชม แต่อานุภาพพลังยังทำให้สำนึกเทววะของผู้ชมทั้งหลายไม่อาจส่งผ่านไปสำรวจเรื่องราวใดๆ ณ จุดปะทะได้เลย

 

“พี่เทียน…”

 

ไม่ทราบว่าเค่อเอ๋อได้เปิดตาและกลับมาชมดูเรื่องราวตั้งแต่เมื่อไหร่ หากทว่านางกำลังจับจ้องไปยังจุดที่มวลพลังสามขุมกำลังปั่นป่วนระเบิดฟ้าด้วยใจสั่นสะท้าน มากล้นไปด้วยความกังวลนัก

 

“ท่านพ่อ”

 

ต้วนซือหลิงเองก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว นางเองก็รู้สึกแบบเดียวกันกับมารดา

 

“เมื่อครู่…นกนั่น…”

 

เค่อเอ๋อกับต้วนซือหลิงไม่อาจแลเห็นฉากที่ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนอุบัติวิหกเพลิงขึ้นมาปกคลุมได้ทันเพราะพวกนางหลับตาอยู่ แต่ก่านหรูเยี่ยนกับเผิงไหลที่จับจ้องเรื่องราวไม่วางตาแต่แรก สามารถมองเห็นได้ชัดเจน…

 

นกไฟที่อุบัติขึ้นมาคลุมร่างต้วนหลิงเทียนนั่น กลับเป็นนกไฟตัวเดียวกันกับที่เคยพิทักษ์คุ้มครองต้วนหลิงเทียนระหว่างปิดด่านบ่มเพาะ!!