ตอนที่ 1197 ไม่อาจหลีกพ้นได้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

จื่อโยวถึงขนาดรู้สึกว่าเมื่อแรกเริ่มสาวน้อยคนงามเกรงว่าจะไม่ได้ตัดสินใจลงไปคลุกในโคลนตมนี่ แต่เป็นเพราะว่ากังวลใจกับคนเหล่านี้จึงได้คิดที่จะไปกระมัง!

เยี่ย ทำเช่นไรดี? สาวน้อยคนงามของเจ้าจะถูกผู้อื่นลักชิงตัวไปแล้ว

จิตใจของจื่อโยวหมุนคิดไปเป็นร้อยเรื่อง ประเดี๋ยวสายตาลึกซึ้ง ประเดี๋ยวหมดอาลัยตายอยาก ประเดี๋ยว……

แต่ทว่าลำไส้ของซิงเฉินมิได้คดโค้งเช่นนั้น ผู้เป็นนายกล่าวเช่นไรมันก็คือเช่นนั้น!

“ซิงเฉินรับคำสั่ง!”

จื่อโยวกล่าว “รับคำสั่งอะไรเล่า!”

ถ้าหากเยี่ยรู้ว่าพวกเขาจะปกป้องศัตรูหัวใจของเขาละก็ คาดว่าหลังจากนี้ไปเขาก็คงจะไม่มีคืนวันที่สงบสุขเสียแล้ว

“จื่อโยว เจ้านี่จะไร้เหตุผลเข้าไปทุกทีแล้ว คำสั่งของนายหญิงเจ้ากลับกล้าที่จะไม่ฟัง ช่างขาดการโดนกระทืบเสียจริง…”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะเปิดศึกขึ้นแล้ว

มู่เฉียนซีก็กล่าวขึ้น “ถ้าหากสถานการณ์ไม่ได้แย่เหมือนดั่งที่ข้าจินตนาการเอาไว้ พวกเราสามารถเข้าไปแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ดูได้”

สิ่งที่ว่าสถานการณ์ไม่ได้ย่ำแย่เช่นนั้นก็คือเกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้นจากการชักนำของวิญญาณกระบี่

และในตอนนี้เองสุ่ยจิงอิ๋งก็ได้เอ่ยขึ้น “ซีเอ๋อร์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทางที่ดีที่สุดก็ยังคงเป็นการไม่ออกโรง”

“ทำไมเล่า? มิใช่ว่าเจ้าบอกว่าวิญญาณกระบี่จัดการได้ง่ายดายเป็นอย่างมากหรือ?”

“ตามหลักแล้ว วิญญาณกระบี่จะไม่ตื่นขึ้นมารวดเร็วกว่าจิตวิญญาณกระบี่ ถ้าหากว่านั่นเป็นวิญญาณกระบี่ที่ก่อให้เกิดความสั่นสะท้านใหญ่โตเช่นนี้ คาดว่ากระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตก็คงจะไม่ปล่อยมันไป ดังนั้น…”

“ดังนั้นไม่ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นที่นั่นจะเป็นอะไร ก็ล้วนแต่ไม่มีหนทางหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้ปะทะเข้ากับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ!”

“อื้ม! กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณจะแย่งชิงเอาวิญญาณกระบี่มาอย่างแน่นอน ผู้ใดที่ได้วิญญาณกระบี่ไปก็คงจะถูกมันฆ่าแล้วกลืนกินวิญญาณไปเสีย จะไม่ได้ตายดี!”

มู่เฉียนซีรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง นางถอนหายใจแล้วกล่าว “ดูแล้วการไปในครั้งนี้ต้องคิดหาหนทางให้พวกเขาเหล่านั้นไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว มิเช่นนั้นถึงแม้ว่าพลังความสามารถของพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเผชิญกับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ คาดว่าพวกเขาก็คงมีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น”

ถ้าหากว่าพบเข้ากับท่านอารองและกู้ไป๋อี พวกเขานั้นไม่ได้ดื้อดึงในเรื่องกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์สักเท่าไร

แต่ว่าเฟิงอวิ๋นซิวนั้น นางไม่อาจที่จะไปหยุดยั้งได้เลย

เขาเต็มใจที่เอาชีวิตของตนมอบให้แก่ผู้เป็นที่รักเช่นนั้น ถึงขั้นทุกสิ่งอย่างในชีวิต ดังนั้นมิใช่ว่านางคิดที่จะไปหยุดยั้งก็สามารถที่จะหยุดยั้งได้

ในตอนนี้หอปี้ลั่วกับหอหมอปีศาจนั้นนุ่งกางเกงตัวเดียวกันอย่างสมบูรณ์ รูปการณ์ที่เบื้องหน้ายังไม่ชัดเจน มู่เฉียนซีมิได้รีบร้อนเข้าไปดั่งเช่นกลุ่มกองกำลังอื่น ๆ ที่เกิดกลัวว่าหากไปช้าแล้วจะไม่ได้อะไรทั้งสิ้น

มู่เฉียนซีเข้าไปในห้องปรุงยาเพื่อเตรียมที่จะสกัดพิษ ขอแค่เป็นพิษที่นางสามารถสกัดออกมาได้ในตอนนี้ นางล้วนสกัดมันออกมาทั้งหมด

แต่ว่าวิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตเป็นวิญญาณกระบี่ สามารถที่จะต้องพิษได้หรือ?

สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “เมื่อก่อนนี้นิรันดร์ก็เคยวางยาพิษวิญญาณมังกรเพลิงพิฆาต แต่ว่ามันไร้ประโยชน์ พิษนั้นไร้ผลกับพวกเราที่เป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นพิษที่นิรันดร์สกัดออกมาก็ตาม”

มู่เฉียนซีกล่าว “รับมือกับวิญญาณกระบี่ไม่ได้ แต่พิษเหล่านี้ก็สามารถที่จะเอาไว้ใช้กับเจ้าตำหนักเป่ยหานกับเหล่าผู้อาวุโสได้”

“อื้ม! แล้วก็ยังมีไอ้คนชั่วช้าไป๋อู๋ห่ายนั่น”

แม้ไม่อาจใช้พิษทำให้ยอดฝีมือชั้นสูงดั่งเช่นพวกเขานี้สิ้นชีพได้ แต่ก็ยังสามารถทำให้พวกเขาทรมานได้สักหน่อยก็ไม่เลว!

รับเอากำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปก่อน

เมื่อผู้นำตระกูลมู่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วก็ได้นำพากำลังคนมุ่งไป

“สาวน้อย เจ้ากลับไม่พาข้าไปด้วย!” จวินโม่ซีตามมากล่าว

มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้านักปรุงยาแห่งหอหมอปีศาจของข้ามีค่าดั่งทองคำ! ข้าไม่อยากที่จะให้เจ้ากลายเป็นธุลีในการต่อสู้อันวุ่นวาย”

“สาวน้อย จะดีร้ายอย่างไรข้าก็เก่งกาจกว่าเจ้าแล้วกัน! เมื่อเทียบกับเหล่าองค์รักษ์ลับเหล่านั้นก็มิได้อ่อนด้อย เหตุใดเจ้าถึงได้ไม่ให้ข้าไป”

จวินโม่ซีรู้ว่าการไปที่นั่นในครั้งนี้มันร้ายมากกว่าดี เขาจึงไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอย่าได้คิดมากเลย ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่ว่าพลังความสามารถของเจ้าจะแกร่งหรืออ่อนแอก็ล้วนแต่ไม่เหมาะที่จะไป เพราะยอดฝีมือของตำหนักเป่ยหานจำนวนไม่น้อยได้มุ่งไปแล้ว รึว่าเจ้าอยากที่จะให้ตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผยเสียจนหมดสิ้นเล่า!”

“เปิดเผยหมดสิ้นก็เปิดเผยหมดสิ้นไป แย่หน่อยก็แค่ถูกตามไล่ฆ่าต่อไป!”

“เจ้าถูกตามไล่ฆ่านั้นแน่นอนว่าไม่น่ากังวลนัก แต่ถ้าหากหอหมอปีศาจของข้าติดร่างแหไปด้วยเล่า! เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ?”

“แน่นอนว่าข้าสามารถชดใช้ได้ไหว ข้าเป็นถึงยอดปรมาจารย์นักปรุงยา!”

ไม่ว่าจะกล่าวดี ๆ หรือกล่าวร้าย ๆ ก็ไร้ประโยชน์ มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “มู่อี เจ้ามัดตัวเจ้าหมอนี่เอาไว้ แล้ว…อืม! ให้ข้าคิดก่อนว่าจะเอายาพิษอะไรทำให้เจ้าหมอนี่สงบไปได้นานเสียหน่อย”

ไม่เพียงแต่มัดเขาไว้เท่านั้น ซ้ำยังวางยาพิษอีก!

จวินโม่ซีเบิกตากว้างโพรงแล้วกล่าว “สาวน้อย เจ้าคงไม่ต้องโหดเช่นนี้หรอกกระมัง!”

มู่เฉียนซียิ้มตาหยีแล้วกล่าว “เช่นนั้นแล้ว! เจ้าว่าให้มันง่าย ๆ หน่อยสิ! หัวหน้านักปรุงยาจวิน”

เมื่อมองรอยยิ้มอันเป็นประกายนั้นของมู่เฉียนซี จวินโม่ซีก็อดที่จะเหงื่อซิบเต็มหลังไม่ได้

จื่อโยวกล่าว “มีพวกเราอยู่จะไม่เกิดเรื่องกับสาวน้อยคนงามแน่ ไม่ต้องให้เจ้าเป็นกังวลใจเลยแม้แต่นิด”

ซิงเฉินเองก็กล่าว “ใครกล้าทำร้ายนายหญิง นอกเสียจากต้องข้ามศพซิงเฉินไปเสียก่อน”

ดวงตาของจวินโม่ซีส่องประกายวาบออกมา ต้องยอมรับเลยว่าลูกสมุนทั้งสองผู้นี้ของหวงจิ่วเยี่ยนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ

จวินโม่ซีกล่าว “มรดกภัยพิบัติหมื่นปี ปีศาจมารเช่นเจ้าจะไม่เป็นอะไรแน่นอน! อย่างไรเสียข้าดื่ม ๆ กิน ๆ อยู่ที่หอหมอปีศาจก็มีความสุขกว่า!”

“ไม่ต้องมัดแล้ว ข้าไม่ไปแล้วยังไม่ได้อีกรึ!”

หลังจากที่ได้หยุดยั้งหัวหน้านักปรุงยาจอมตะกละไว้แล้ว มู่เฉียนซีก็ได้ออกเดินทางด้วยความเร็วอย่างเต็มที่

ทิศทางที่ภูเขาไฟระเบิดเป็นพื้นที่ที่อยู่ทางใต้ของแดนตะวันออก

เมื่อพวกเขาขึ้นขี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาและกำลังจะเข้าใกล้ที่แห่งนั้น พลังวิญญาณธาตุไฟอันบ้าคลั่งในสถานที่อื่น ๆ ได้ดับลงไปแล้ว แต่บนที่แห่งนี้กลับยังคงมีอยู่เช่นเดิม

แม้แต่จื่อโยวเองก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ “ไม่เสียทีที่เป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์! พลังวิญญาณธาตุไฟนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก! พลังวิญญาณธาตุไฟอื่น ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ามันก็ล้วนแต่เป็นเพียงแค่สวะ!”

เมื่อเข้าไปใกล้สิ่งที่มองเห็นล้วนแต่เป็นศิลาที่ถูกเผาเสียจนเป็นสีแดงฉาน

“อ๊าว!” สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาพที่พวกเขาขี่อยู่นั้นเริ่มร้องคร่ำครวญ!

เพราะร่างกายของพวกมันได้เริ่มเผาไหม้ขึ้นมา

ซิงเฉินกล่าว “แย่แล้ว ผืนนภาแห่งนี้ได้ถูกพลังวิญญาณธาตุไฟครอบคลุมเอาไว้ ไม่สามารถที่จะบินไปได้! รีบลงไปเร็ว”

มู่เฉียนซีได้ใช้พลังวิญญาณธาตุน้ำดับเปลวเพลิงนั้นให้แก่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกนาง พลังวิญญาณธาตุน้ำนี้ของนางปะทะเข้ากับพลังวิญญาณธาตุไฟนั้นกลับง่ายดายเป็นอย่างมาก

แต่กลุ่มอื่นกลับมิได้โชคดีเช่นนั้น

เมื่อพวกเขาบินเข้ามาใกล้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาก็ได้เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาเอง และแน่นอนว่าก็มีผู้บำเพ็ญภูตธาตุน้ำคอยช่วยเหลือเช่นกัน แต่เปลวเพลิงนั้นยิ่งสาดน้ำเข้าไปมันยิ่งลุกไหม้หนักขึ้น

ปัง!

“อ๊า!”

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาร่วงลงมาจากฝากฟ้าทีละตัว

จื่อโยวแค่นยิ้มออกมาแล้วกล่าว “เปลวเพลิงของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไฉนเลยพลังวิญญาณธาตุน้ำธรรมดาทั่วไปจะสามารถดับได้ คาดว่าก็คงจะมีแต่สาวน้อยคนงามเท่านั้นที่สามารถดับเพลิงนั้นได้อย่างเบาสบาย”

มู่เฉียนซีกล่าว “ที่แห่งนี้จะอยู่นานไม่ได้ พวกเราลงสู่พื้นดินก่อนค่อยว่ากันอีกที”

ซิงเฉินกล่าวรับ “รับทราบ!”

พวกเขาได้บินลงไปตรงแนวป่าที่อยู่รอบด้านภูเขาไฟนั้น ทว่าในตอนนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นป่าแล้ว ต้นไม้ทั้งหมดได้ถูกเผาไหม้ไปเสียจนไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นผง

พื้นผิวตรงนั้นเองก็ถูกเผาไหม้เสียจนเป็นหลุมบ่อ ก่อให้เกิดเป็นป่าหินสีแดงฉานขึ้นมา

เสาหินที่มีทั้งสูงและต่ำทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นคล้ายดั่งเขาวงกตก็มิปาน

หลังจากที่พวกเขาลงถึงพื้นแล้วก็รู้สึกว่าที่รอบด้านนั้นมีกลิ่นอายอยู่ไม่น้อย

กลุ่มกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสามทั่วทั้งโลกาได้มาที่นี่แล้ว กลุ่มกองกำลังขั้นสำนักนิกายสองระดับครึ่งก็ล้วนแต่มาพร้อมแล้ว แล้วก็ยังมีกลุ่มกองกำลังขั้นสำนักนิกายระหนึ่งบางพวกที่ไม่กลัวตายก็มาร่วมคึกครื้นด้วย

จำนวนคนนี้หากนำมารวมด้วยกันจะต้องเป็นจำนวนที่น่าชมดูอย่างแน่นอน

มู่อีปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ผู้นำตระกูล ต่อไปมีคำสั่งอันใด?”