ตอนที่ 2313

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,313 : ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ปรากฏกาย!

 

ในตอนที่อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ฟาดลง เหล่าพลพรรคเผ่าปีศาจของ 3 วัง 6 ตำหนักในที่นี้ ต่างพากันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องจบสิ้นแน่แล้ว!

 

เพราะสุดท้ายจะอย่างไรต้วนหลิงเทียนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก ย่อมไม่มีทางทานทนรับอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ได้ไหวแน่นอน!

 

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยพลังอำนาจอันน่าหวาดหวั่นของอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 นับประสาอะไรกับต้วนหลิงเทียนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เกรงว่าต่อให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด ก็คงยากจะต้านทานได้สำเร็จ

 

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรถูกอัสนีทัณฑ์สวรรค์ทำลายร่างจนแหลกเป็นผุยผงแน่นอนนั้น…

 

ฉากเรื่องราวอันเหนือคาดคิดพลันอุบัติขึ้น!

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนได้ใช้ทุกวิธีที่เคยเผยออกเพื่อต้านทานรับอัสนีทัณฑ์สายที่ 80…ต้วนหลิงเทียนอยู่ดีๆก็ใช้เวทย์พลังหรืออะไรไม่ทราบกลับปรากฏร่างนกประหลาด ที่เหมือนกันกับนกไฟที่เกิดจากเปลวเพลิงสีทองเมื่อหลายวันก่อนฉาบคลุมเอาไว้ทั่วกาย!!

 

หลังจากนั้นด้วยพลังอำนาจของนกไฟสีทองดังกล่าว มันก็ทำลายอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ได้อย่างง่ายดาย!

 

แต่ต้นจนตบต้วนหลิงเทียนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้น!!

 

“หากต้วนหลิงเทียนมันใช้วิธีที่มันรับอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 เมื่อครู่…คิดทำลายอัสนีทัณฑ์สายที่ 81 น่ากลัวว่าสมควรเป็นเรื่องราวอันง่ายดาย!!”

 

ตอนนี้ใบหน้ารองจ้าววังเซียนสัญจรอย่าง อวิ๋นฟู่เหย่ ช่างอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนยังจะมีไม้ตายลับเช่นนี้เพื่อต้านทานอัสนีทัณฑ์สายที่ 80!

 

ซ้ำร้ายไม่ใช่แค่เพียงทานรับเอาไว้ได้สำเร็จ แต่คนยังปลอดภัยไร้เรื่องราวเสียด้วย!!

 

เมื่อพิจารณาจากสภาพการณ์ดังกล่าว มันตระหนักได้ทันทีว่า…ต้วนหลิงเทียนสามารถข้ามผ่านอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 81 ได้อย่างไม่ยากเย็น!!

 

และอัสนีทัณฑ์สายที่ 81 ก็คืออัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายของหายนะทัณฑ์สวรรค์ในครานี้ เมื่อต้วนหลิงเทียนสยบมันได้ ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายข้ามผ่านหายนะสู่สวรรค์สำเร็จ…บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!

 

‘บัดซบ! หากสารเลวต้วนหลิงเทียนนั่นมันบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะขึ้นมา…เกรงว่ากระทั่งท่านอาจารย์เองก็มิใช่คู่ต่อสู้ของมัน!!’

 

พอนึกถึงฉากการประมือระหว่างต้วนหลิงเทียนกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าอวิ๋นฟู่เหย่ก็เริ่มบิดเบี้ยว มากล้นไปด้วยความวิตกกังวล

 

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ก่อนหน้าสามารถประมือกับอาจารย์ของมันไดอย่างสูสี…

 

ทว่าต่อมายามเผยร่างนักรบมังกร 9 กรงเล็บ พลังที่อีกฝ่ายเผยก็สูงล้ำกว่าอาจารย์มันไปไม่น้อย!

 

หากอาจารย์ของมันไม่อาจพึ่งพิงวิธีที่ใช้ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์รับมือต้วนหลิงเทียนได้ล่ะก็…อาจารย์ของมันต้องพ่ายแพ้ให้แก่ต้วนหลิงเทียนแน่!

 

‘ทำอย่างไรดี…ตอนนี้ข้าคววรทำอย่างไรดี!?’

 

อวิ๋นฟู่เหย่ตอนนี้ร้อนรนจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว…

 

หากต้วนหลิงเทียนล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ก็นับว่าโชคดีไป แต่ถ้าอีกฝ่ายข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จขึ้นมา…ก็ฉิบหายแล้ว!!

 

เรียกว่าจังหวะนี้ไม่ใช่แค่อวิ๋นฟู่เหย่คนเดียวที่ตื่นตระหนกจนสติหลุด

 

‘ระยำ! หน่อเนื้อของสารเลวต้วนหรูเฟิงไฉนถึงมีวิธีการอันทรงพลังเช่นนี้ได้…มันรับอัสนีทัณฑ์สายที่ 80ได้อย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว เช่นนั้นมิได้หมายความว่าการรับอัสนีทัณฑ์สายที่ 81 ก็สมควรไร้ซึ่งปัญหารึไร? สุดท้ายมิใช่มันจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จหรอกหรือ!?’

 

ด้านจ้าววังวิญญาณอสุราตอนนี้ก็ชักสีหน้าหาดีไม่ได้

 

เพราะหากต้วนหลิงเทียนล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ก็เป็นเรื่องดีไป…แต่ถ้าหากสำเร็จขึ้นมา ไม่ใช่แค่มันจะฉิบหายตายตก กระทั่งวังวิญญาณอสุราที่อยู่เบื้องหลังมันคงไม่พ้นวอดวาย!!

 

‘หากมันข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์สำเร็จ บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ…ให้เป็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่บรรลุครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้วก็ทำอะไรมันไม่ได้เป็นแน่!!’

 

เรียกว่าตอนนี้ฉีหนานฟงเองก็สติหลุดไปแล้ว

 

“ต้วนหลิงเทียนนั่นมัน…ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”

 

ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก อวี่เหวินฮ่าวเฉินเองก็ยังไม่อาจดึงสติกลับคืนมาได้

 

เพราะมันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนจะอาศัยร่างบาดเจ็บสะบักสะบอมเช่นนั้นรอดพ้นมาจากอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ได้…

 

แต่มองดูตอนนี้อีกฝ่ายไม่เพียงรับไว้ได้สำเร็จ กระทั่งยังไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ!

 

ถึงขั้นแตกต่างกับมันที่ตอนนี้แลดูบาดเจ็บไม่น้อย!

 

“เหย่เอ้อ…บอกข้ามา ว่าที่แท้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”

 

ทันใดนั้นอวี่เหวินฮ่าวเฉิน อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังไปถามเรื่องราวจากศิษย์เอกของมันอย่างอวิ๋นฟู่เหย่

 

เผชิญหน้ากับการถามเสียงเครียดของอาจารย์ อวิ๋นฟู่เหย่ที่แม้สติจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แต่ก็ดึงสติกลับมาทันที มันไม่กล้าละเลยเร่งกล่าวตอบกลับไปเร็วไว “ท่านอาจารย์ เป็นเช่นนี้ขอรับ….”

 

“อะไร? ต้วนหลิงเทียนนั่นมันใช้เวทย์พลังที่ไม่เคยเผยออก สร้างร่างวิหกที่ควบแน่นจากเปลวเพลิงสีทองต้านทานรับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ไว้ได้อย่างง่ายดาย?”

 

หลังจากได้รับทราบเรื่องราววทั้งหมด สีหน้าอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก

 

“ท่านอาจารย์…ที่สำคัญก็คือ จากทีท่าปลอดโปร่งแลดูผ่อนคลายของมันตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าวิธีที่มันใช้คงไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรให้มัน! ข้าสงสัยว่าเผลอๆทั้งหมดที่ผ่านมาจะเป็นมันคิดละเล่นหมูกินเสือ! กระทั่งยามประมือกับท่านมันก็ซุกซ่อนพลังนั่นไว้!!”

 

อวิ๋นฟู่เหย่กล่าวสิ่งที่มันคาดไว้ในหัวออกไปจนหมด

 

“มันแสร้งทำเป็นหมูกินเสือจริงๆหรือ?”

 

อวี่เหวินฮ่าวเฉินขมวดคิ้วเคร่งเครียด “หากยามมันประมือกับข้า มิใช่หากมันใช้นกไฟอะไรนั่นที่เจ้าว่า มันก็สามารถฆ่าข้าได้ทันทีแล้วหรือไร…ไฉนตอนนั้นมันถึงได้หยุดมือเอาไว้ หรือจะบอกว่าเป็นมันจงใจไว้ชีวิตข้า?”

 

“หรืออีกอย่าง…วิธีที่มันใช้เมื่อครู่นั้นมีข้อจำกัดบางประการ…เช่นนั้นมันจึงเก็บวิธีนั่นเอาไว้ถึงตอนนี้เพื่อข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์?”

 

เมื่อฉุกคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง อวี่เหวินฮ่าวเฉินอดไม่ได้ที่จะคาดเดาเรื่องราวมาในแนวทางนี้

 

เป็นธรรมดาว่ามันแค่คาดเดา ไม่อาจมั่นใจอะไรได้

 

บางทีอาจเป็นเต้วนหลิงเทียนคิดเล่นหมูกินเสือเสแสร้งเป็นอ่อนแอจริงๆ…เพื่อแกล้งมันอวี่เหวินฮ่าวเฉินเล่นก็เป็นได้!!

 

“ต้วนหลิงเทียน…”

 

ภายใต้สายตาจับจ้องมองมาของทุกคน อวี่เหวินฮ่าวเฉินพลันหันไปหาต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างกลางฟ้าด้วยสายตาแหลมคม กล่าวออกเสียงเข้ม “เจ้าปกปิดได้มิดชิดจริงๆ ยังซุกซ่อนเอาไว้ลึกนัก! ข้าหลงคิดว่าเจ้าไม่มีทางข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้…แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจะยังซุกซ่อนวิธีอันทรงพลังเช่นนี้เอาไว้อยู่!”

 

ได้ยินคำของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระดากใจอยู่บ้าง

 

เขาน่ะเหรอ ปกปิดได้มิดชิด ซุกซ่อนไว้อย่างลึก?

 

เรื่องที่พลังสุริยันอยู่ก็หวนกลับมาปกป้องเขาไว้แบบนั้น อันที่จริงตอนนี้เขาเองยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุด้วยซ้ำ!

 

กระทั่งเรื่องที่พลังสุริยันได้ควบรวมสร้างร่างวิหกเพลิงนั่น เขาก็ไม่ได้ควบคุมหรือทำอะไรเลย!

 

แต่เป็นธรรมดาว่าเขาไม่ตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับอวี่เหวินฮ่าวเฉิน

 

ถึงแม้เขาจะไม่คิดว่า…อาศัยพลังสุริยันส่วนที่ยังเหลือจะต้านทานอัสนีทัณฑ์สายที่ 81 อันเป็นอัสนีสุดท้ายของหายนะทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ได้ก็ตามที…

 

ในขณะที่ทุกคนหันไปมองต้วนหลิงเทียนเพื่อรอฟังคำตอบ

 

ต้วนหลิงเทียนกลับหลับตาลง ทำราวกับฤาษีเฒ่าเข้าฌาณ! ตัดขาดจากเรื่องราววุ่นวายในโลกหล้า…!!

 

เห็นฉากดังกล่าว อวี่เหวินฮ่าวเฉินก็รู้สึกจุกแค้นในอกจนแทบกระอักเลือด!!

 

‘ไม่! ปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้ หากปล่อยไปต้วนหลิงเทียนนั่นต้องบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแน่! หากมันบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะจริง….ต่อให้ข้าจะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะเช่นกัน แต่ข้าก็มิอาจรับมือมันได้ไหว!!’

 

อวี่เหวินฮ่าวเฉินที่มีฐานะเป็นจ้าววังเซียนสัญจร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์สุ่มเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ ย่อมมีความกังวลเหนือคนทั่วไป

 

‘ตอนนี้ข้าทำได้แค่แจ้งเรื่องให้ประมุขทราบเท่านั้น…’

 

ไม่นานมันก็ตัดสินใจได้

 

ประมุขที่มันคิดแจ้งให้ทราบ ก็คือประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์!

 

‘ลองมีประมุขเผ่าที่บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะกับข้าที่บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะร่วมมือกันล่ะก็ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนมันจะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะเหมือนกัน…มันก็ไม่อาจก่อคลื่นลมอันใดได้!’

 

ทันใดนั้นเอง อวี่เหวินฮ่าวเฉินไม่รอช้า มันสะบัดมือเรียกลูกแก้วสีม่วงออกมา

 

หากมองให้ชัดจะพบว่า รอบๆลูกแก้วสีม่วงนี้ กลับมีอัสนีสีม่วงแล่นวาบแปลบปลาบห้อมล้อมโดยรอบ

 

ครู่ต่อมาอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็สะบัดมือ ซัดลูกแก้วดังกล่าวขึ้นไปบนอากาศ

 

เปรี๊ยงงง!!

 

ลูกแก้วสีม่วงดังกล่าวพุ่งทะยานผ่านเมฆหายนะสู่สวรรค์ไปในพริบตา ก่อนที่จะระเบิดออกเปล่งแสงสว่างอันเจิดจ้าออกมา

 

ถึงแม้แสงดังกล่าวจะไม่สว่างเท่าแสงสว่างก่อนอัสนีทัณฑ์จะฟาดผ่าลงมา แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมายอะไร

 

“นั่นมัน…ลูกแก้วแสงม่วง?”

 

ภายใต้แพเมฆหายนะ จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ย่อมจดจำได้ทันทีว่าลูกแก้วที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินซัดออกไปบนฟ้าคืออะไร เพราะตัวมันเองก็มีลูกแก้วดังกล่าวอยู่เช่นกัน!

 

ลูกแก้วนั่นเรียกว่า ลูกแก้วแสงม่วง ที่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้มอบให้ตัวมันเก็บไว้

 

ยามใดที่วังวิญญาณอสุรากำลังจะประสบเภทภัยถึงขั้นหายนะล่มสลาย มันสามารถใช้ลูกแก้วแสงม่วงนั่นเพื่อแจ้งให้ประมุขเผ่าปีศาจทราบได้ และประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็จะเร่งรุดมาช่วยเหลือมันทันที…

 

“ให้ตายเถอะ! ไฉนข้าถึงลืมเลือนท่านประมุขไปได้!?”

 

เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้ลูกแก้วแสงม่วงเพื่อเรียกประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ฉีหนานฟงที่เดิมสายตาสับสนเต็มไปด้วยความหวั่นใจ ตอนนี้แววตาของมันหวนกลับมากระจ่างใสทันที!

 

“หากท่านประมุขเผ่ามา…ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะจริง มันก็ต้องตายแน่นอน!!”

 

เห็นได้ชัดวว่าตัวฉีหนานฟงเอง ก็มีความมั่นใจในพลังฝีมือของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ของมัน!

 

“ลูกแก้วแสงม่วง!?”

 

หลังฉีหนานฟงจดจำได้ ไม่นานก็มีปีศาจหลายตนจดจำได้เช่นกัน

 

หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็รู้ว่าที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้เมื่อครู่ก็คือลูกแก้วแสงม่วง กระทั่งยังรู้ความหมายของมัน

 

“จ้าววังอวี่เหวินถึงกับต้องเร่งแจ้งให้ท่านประมุขเผ่าเร่งรุดมาเชียวหรือ…ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนจะสร้างความกดดันให้มันไม่น้อย”

 

“นี่ยังมิชัดเจนหรือไร อาศัยพลังอันแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยให้เห็นก่อนหน้า หลังข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์สำเร็จ แม้จ้าววังอวี่เหวินจะไม่ยินยอมพร้อมใจเพียงใด แต่ก็ไร้หนทางจะหยุดต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้!”

 

“มิผิด! ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ น่ากลัวคงมิใช่เรื่องยากอันใดที่ต้วนหลิงเทียนจะต้านรับอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายของหายนะสู่สวรรค์ครานี้ได้!”

 

“ยามนี้สมควรมีท่านประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เราแต่เพียงผู้เดียว ที่มีพลังสูงส่งพอจะสยบต้วนหลิงเทียนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ!”

 

 

เสียงสนทนาโดยรอบเริ่มดังขึ้นระงมอีกครั้ง และพวกมันทั้งหลายก็ทำราวกับเชื่อใจประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกมันถึงขีดสุด!

 

เพราะในสายตาของสมาชิกเผ่าปีศาจมนุษย์นั้น ประมุขเผ่าของพวกมันบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะมาสักพักแล้ว สำหรับพวกมันประมุขเผ่าก็เปรียบได้ดั่งผู้พิทักษ์ที่เข้มแข็งที่สุด!

 

กระทั่งในสายตาของพวกมัน ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็คือตัวตนอันไร้คู่เปรียบ!!

 

ดังนั้นพวกมันจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกมันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย!

 

เพราะอย่างไรหลังข้ามหายนะไปได้ ต้วนหลิงเทียนก็คือผู้ที่พึ่งบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะหยกๆ อาศัยพลังฝีมือของประมุขเผ่าของพวกมัน ย่อมบดขยี้ครึ่งก้าวเซียนอมตะหน้าใหม่อย่างต้วนหลิงเทียนได้ง่ายดาย!

 

“นั่นมัน…”

 

ทันใดนั้นผู้ที่มีสายตาแหลมคมก็คล้ายสังเกตเห็นบางสิ่ง มันเร่งแหงนมองขึ้นไปยังแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ทันที!

 

ปรากฏร่างหนึ่งพุ่งแหวกแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ลงมาปรากฏกาย!!

 

ร่างดังกล่าวมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนมาในชุดหรูหราคิ้วหนาตาโตหน้าตาแลดูธรรมดา ยังมีสีหน้าสงบเฉยเมยไม่อาจแลเห็นซึ้งถึงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ

 

อย่างไรก็ตามเมื่อปีศาจหลายตนสังเกตเห็นร่างผู้มาใหม่นี้…

 

“คารวะท่านประมุขเผ่า!!”

 

จ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน และจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง แทบจะตอบสนองต่อการมาของผู้มาเยือนทันที พวกมันเร่งประสานมือคารวะร่างที่ปรากฏตัวลงมาจากฟากฟ้าด้วยความเคารพ

 

ในแววตาของพวกมันยังเผยประกายแห่งความทึ่งแจ่มชัด!

 

เพราะพวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกมัน จะมาถึงว่องไวเพียงนี้!!