อันที่จริงเด็กหนุ่มชุดแดงผู้ช่วงชิงร่างเฉินชิงไปมีระดับการฝึกตนเหนือกว่าพวกหวังเป่าเล่อทุกคน อีกทั้งยังเหนือกว่าเว่ยยางจื่อคนก่อนมาก
ถึงอย่างไร…ร่างกายของอีกฝ่ายก็มาจากเฉินชิง ระดับการฝึกตนขั้นสูงสุดของเฉินชิงก็ใกล้จะถึงขั้นที่สี่แล้ว ตอนนี้ยังมีดวงวิญญาณเทพบางส่วนของมหาเทพอีก โดยรวมแล้วแม้จะยังไม่ถึงขั้นที่สี่อย่างแท้จริง แต่ก็เกือบจะถึงขีดสุดแล้ว
ดังนั้น…การต่อสู้กับศัตรูเช่นนี้ หวังเป่าเล่อรู้ดี ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณกับปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยเองก็ชัดแจ้งว่าพวกเขาไม่มีทางเอาชนะได้
บางทีหากให้เวลาพวกเขาอีกสักหน่อยก็คงมีโอกาสอยู่บ้าง แต่ก็เช่นเดิม…หากรอต่อไปก็กลัวว่าอีกไม่นานอีกฝ่ายจะกลืนกินอารยธรรมทั้งหมดของจักรพิภพเต๋าไป และพวกเขาก็คงไม่แคล้วโดนกวาดล้าง
ดังนั้นศึกครั้งนี้…จึงต้องสู้
แต่จะสู้อย่างไร สู้แบบไหน ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนวณและควบคุมให้ได้
ดังนั้นจึงมีแผนการต่อสู้…ศึกแห่งชะตาของปรมาจารย์ตระกูลเซี่ย!
ชะตาเป็นเรื่องลวงตาไม่ชัดเจน แต่ก็เพราะลวงตาของมันจึงเป็นเรื่องลึกลับ และเพราะความไม่ชัดเจนจึงไม่ค่อยได้รับการปกป้อง
และเมื่อชะตาเด็กหนุ่มชุดแดงถูกฟัน แม้จะไม่ได้ทำร้ายที่ร่างกายเขา แต่อีกฝ่ายก็อยู่ในโลกศิลาอย่างไร้รูปร่าง ในระดับหนึ่งมันก็เท่ากับก้าวเดียวก็เดินลำบาก
ถึงอย่างไร…ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน หากร่างกายไม่มีชะตา ทุกเรื่องก็จะไม่ราบรื่น ร่างกายก็จะเสียหายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่กับศัตรูทุกอย่างจะราบรื่นอย่างที่สุด
อีกประเด็นหนึ่งคือทันทีที่ชะตาเด็กหนุ่มชุดแดงถูกฟัน กฎและข้อบังคับในโลกศิลาจะยิ่งต่อต้านร่างของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ถูกต่อต้านก็เพราะอาศัยร่างกายของเฉินชิงซ่อนตัวอยู่ข้างใน แต่หากชะตาสลายไปก็เป็นไปได้สูงว่าเกราะป้อวกันของอีกฝ่ายจะไร้ผล
ทั้งหมดคือจึงเกิดการโจมตีสี่คนติดครั้งนี้ขึ้น!
ขณะนี้ต่อให้เด็กหนุ่มชุดแดงจะมีระดับการฝึกตนที่น่าทึ่ง แต่เขาก็ประมาทเกินไป เมื่อกระบี่สำริดโบราณของหวังเป่าเล่อตกลงมา ไฟแห่งชะตาของเด็กหนุ่มชุดแดงก็ลุกโชนขึ้นในพริบตา มันเผาไหม้มากขึ้น ล้ำลึกขึ้นและรุนแรงขึ้น
เพียงลมหายใจสั้นๆ ชะตาเขาก็ถูกเผาไปหนึ่งส่วนแล้วทำให้การต่อต้านจากกฎและข้อบังคับของโลกศิลาเริ่มปรากฏขึ้น
แต่ระดับการฝึกตนของเขาก็แข็งแกร่งเกินไป ขณะนี้ดวงตาเขาเป็นสีแดง แม้ชะตาจะถูกเผาไหม้และเสียหายหนัก แต่เขาก็ยังมั่นใจ มือขวายกขึ้นมาโดยไม่สนใจปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยที่กำลังถูกตนช่วงชิงร่างและคว้าไปทางหวังเป่าเล่อ
“ข้าไม่ไปหาเจ้า เจ้ากลับมาถึงที่ด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ดี!” ขณะที่พูดมือขวาของเด็กหนุ่มก็เต็มไปด้วยแสงสีเลือดและกำลังจะยิงใส่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ
ดวงตาหวังเป่าเล่อดูซับซ้อน คนตรงหน้าเขาเคยรู้จักสนิทสนมเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้…คนใช่แต่วิญญาณไม่ใช่
“ศิษย์พี่…” พึมพำในใจ หวังเป่าเล่อข่มกลั้นความสับสนไว้ในใจและกำลังจะโจมตี
ทว่าในตอนนั้นเอง…จู่ๆ สีหน้าเด็กหนุ่มชุดแดงก็เปลี่ยนไป บนหน้าอกเขามีช่องว่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดคิด ช่องว่างนี้ดูเหมือนอยู่บนกายเนื้อ แต่ความจริงมันอยู่ในดวงวิญญาณเทพ
เวลาเดียวกันกับที่ช่องว่างนี้ปรากฏขึ้น ก็ดูเหมือนจะเกิดการดิ้นรนปะทุขึ้นในร่างของเฉินชิงทำให้เด็กหนุ่มชุดแดงที่ช่วงชิงร่างมาสั่นไปทั้งตัว
“เฉินชิง นี่เจ้ายังอยู่รึ เป็นไปไม่ได้!”
เมื่อเห็นเช่นนี้หวังเป่าเล่อเองก็ใจสั่นอย่างรุนแรง ดวงตาเผยความตกใจ ขณะเดียวกันกับที่ดวงจิตเทพแผ่ออกมาจากร่างเฉินชิงที่ถูกช่วงชิงไป
“ข้าดับสิ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องยั้งมือ นี่คือเคล็ดวิชาสุดท้ายที่ข้าทิ้งไว้ในร่าง ข้าเฉินชิง…ต่อให้ตายไปก็ไม่มีทางถูกผู้ใดช่วงชิงร่างได้!”
“ดังนั้นก่อนที่ข้าจะออกสู้ ข้าก็ได้ทิ้งตราประทับไว้ในร่างกายแล้ว หากข้าพ่ายแพ้…อีกฝ่ายไม่ช่วงชิงร่างข้าไปก็ไม่เป็นไร แต่ทันทีที่ชิงไป…ก็จะไม่มีวันหวนคืน!” ดวงจิตเทพของเฉินชิงที่ถูกทิ้งไว้ก่อนที่เขาจะจากไปกำลังดังสะท้อนอยู่ในตอนนี้ ร่างกายของเขาก็ปรากฏรอยมากมาย รอยพวกนี้ล้วนเป็นสีเทาแผ่กระจายความเน่าเปื่อย ขณะเดียวกันก็ทำให้ร่างกายของเขาค่อยๆ สลายไปอย่างไม่อาจย้อนกลับได้
ขณะที่มันสลายไป เด็กหนุ่มชุดแดงก็เผยความตกใจออกมาเป็นครั้งแรก เขาคิดจะดิ้นรน แต่ร่างกายเฉินชิงในตอนนี้ก็เหมือนกับกุญแจมือที่พันธนาการเขาไว้ราวกับกรงขัง เขาจึงไม่สามารถหลบหนีไปได้ ทำได้เพียงสลายไปพร้อมกับร่างกายนี้
เมื่อเห็นเช่นนี้ดวงตาหวังเป่าเล่อก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า แต่ก็ยังกัดฟันทะยานตัวขึ้นไป ก่อนจะยกมือขวาพร้อมความบ้าคลั่งในดวงตา กระบี่สำริดโบราณพลันระเบิดพลังของมันในวินาทีนั้นเอง ระดับการฝึกตนของเขาก็ปลดปล่อยออกมาทั้งหมด แม้เมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุดินจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่มันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
กฎของกระบี่สำริดโบราณบรรจบกับธาตุทั้งสี่ก่อตัวเป็นกระบี่ตกใส่เด็กหนุ่มชุดแดง
“เฉินชิง! ! !” เสียงคำรามอย่างอาฆาตแค้นดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มชุดแดง เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ ขณะที่ดวงวิญญาณเทพกำลังดิ้นรนจนภายนอกกลายเป็นตะขาบสีเลือด แต่ไม่ส่ามันจะดิ้นรนอย่างไร ครึ่งหนึ่งของร่างกายมันก็ไม่อาจออกมาจากร่างกายที่กำลังเน่าเปื่อยของเฉินชิงได้
จนมองเห็นโซ่ที่พันธนาการตัวมันไว้ วินาทีต่อมา…กระบี่สำริดโบราณของหวังเป่าเล่อก็ฟันฉับ
ท่ามกลางเสียงคำราม เด็กหนุ่มชุดแดงที่ช่วงชิงร่างเฉินชิงไปก็พังทลาย กายเนื้อฉีกเป็นชิ้นๆ ดวงวิญญาณเทพฉีกเป็นชิ้นๆ กายเนื้อทุกชิ้นล้วนโอบล้อมด้วยเศษดวงวิญญาณเทพทำให้ไม่สามารถหลบหนีได้ ทำได้เพียงเน่าเปื่อยไปพร้อมกับเศษกายเนื้ออย่างรวดเร็วและกลายเป็นเถ้าธุลีในที่สุด
ขณะที่ร่างของเขาค่อยๆ สลายไป หว่างคิ้วปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณกับปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยต่างเป็นสีแดงและมีแสงสีแดงสองดวงพุ่งออกมา ไปบรรจบกันบนจักรวาลและก่อตัวเป็นร่างของเด็กหนุ่มชุดแดง
เพียงแต่ร่างนี้เลือนรางนัก อีกทั้งในทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นมา พลังต่อต้านจากกฎและข้อบังคับของโลกศิลาก็ถาโถมเข้าใส่ทำให้ร่างนั้นยิ่งเลือนราง เขากำลังจะสลายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ดวงตากลับฉายแววดุร้ายและสง่างามเพ่งมองพวกหวังเป่าเล่อและปรมาจารย์ตระกูลเซี่ย
เขายอมรับว่าครั้งนี้ตนประมาทเกินไป เขาไม่คิดว่าเต๋าชะตาของปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยจะสูงถึงเกือบถึงขั้นที่สี่เช่นนี้
และไม่คาดคิดว่าธูปที่อีกฝ่ายหยิบออกมาจะสร้างเปลวไฟแห่งชะตาเมื่อไหม้หมดก้าน และยังมีการขัดขวางของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณกับการโจมตีของหวังเป่าเล่อในตอนสุดท้ายอีก!
โดยเฉพาะอย่างหลัง พลังโจมตีนั่นทำให้เขาตกใจ ทำให้ชะตาของเขาเปาไหม้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เพราะต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังมั่นใจว่าจะพลิกสถานการณ์ได้
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินชิงที่ถูกเขาช่วงชิงร่างมาจะ…ทิ้งการตลบหลังที่เขาตรวจไม่พบไว้ในร่างกาย!
หากคิดจะทำให้เขาตรวจไม่พบ ร่องรอยการตลบหลังนี้ก็จำเป็นต้องลึกซึ้งมาก คิดถึงตรงนี้เด็กหนุ่มชุดแดงก็สีหน้ามืดมนลง ใจที่เคยดูถูกเหยียดหยามหมดไป แทนที่ด้วยความเคร่งขรึม
“ครั้งนี้เป็นข้าที่ประมาทเอง แต่…อีกไม่นาน ข้าจะกลับมา ถึงเวลานั้น…ข้าจะไม่ประมาทศัตรู และจะทำให้เต็มที่! “
คำพูดนั้นดังก้องพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่เลือนรางมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งหายไปในจักรวาล
เมื่อร่างของเขาหายไปจนหมด ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณจึงโล่งใจได้อย่างแท้จริง ยามที่ทั้งสองผินหน้ามองหวังเป่าเล่อก็เห็นว่าหวังเป่าเล่อสีหน้าซับซ้อนและยังโศกเศร้าจึงเงียบไป
“เฉินชิง ยอดคน” ผ่านไปครู่หนึ่งปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยก็เอ่ยขึ้นเบาๆ
อันที่จริงหลังจากเฉินชิงพ่ายแพ้ ในใจพวกเขาก็เกิดความคับข้องใจไม่มากก็น้อย เพราะถึงอย่างไรการพ่ายแพ้ของเฉินชิงก็ทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนกำหนด
ทว่าเคล็ดวิชาสุดท้ายของเฉินชิงกลับทำให้พวกเขาพูดไม่ออก
“ศิษย์พี่ข้าเป็นยอดคนอยู่แล้ว!” หวังเป่าเล่อหลับตาข่มกลั้นความโศกเศร้าไว้ข้างใน ก่อนจะลืมตาจากนั้นไม่นานและเอ่ยเสียงลุ่มลึก
……………………………