ตอนที่ 3108 ไปที่คฤหาสน์ของสตีลซีน

Super God Gene

ตอนที่ 3108 ไปที่คฤหาสน์ของสตีลซีน

 

“นายท่าน มีคนที่เรียกตัวเองว่าหานเซิ่นมาที่นี่ เขาบอกว่าต้องการจะพบกับนายท่าน”

 

ขณะที่สตีลซีนกําลังเตรียมตัวจะใช้พลังของซือหมิงเดม่อนเรซเพื่อกําจัดหานเซิ่น จู่ๆก็มีคนเข้า มารายงานถึงการมาของหานเซิ่น

 

“อะไรนะ? หานเซิ่นกล้ามาที่เมืองไอซ์สโนว์อย่างนั้นหรอ?” ลู่ซานจีรู้สึกโกรธขึ้นมา

 

สตีลซีนขมวดคิ้วและถาม “เขาพาคนมากี่คน?”

 

“เขามาแค่คนเดียว” คนที่เข้ามารายงานตอบ

 

“แค่คนเดียว?” สตีลซีนแปลกใจ

 

“นายท่าน เขาต้องมีแผนการอะไรบางอย่างเตรียมเอาไว้แน่” ลู่ซานจีรีบพูดขึ้นมา

 

“เมื่ออยู่ภายในคฤหาสน์ของข้า เขาจะทําอะไรได้?” สตีลซีนพูด

 

“เชิญเขาเข้ามาข้างใน ข้าเห็นว่าเขาคิดจะทําอะไร”

 

เมืองไอซ์สโนว์นั้นเป็นถิ่นของเขา แม้แต่ยอดฝีมือของอาณาจักรฉินก็มักจะระมัดระวังในที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้หานเซิ่นกลับมาที่นี่ตามลําพัง

 

สตีลซีนมองไปที่ซือหมิงเดม่อนเรซที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นใบหน้าของหานเซิ่น เขาได้เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาแค่จําเป็นต้องใช้งานมันเพื่อจะฆ่าหานเซิ่น

 

แต่เขาไม่ได้มียีนของหานเซิ่น การใช้เลือดของตัวเองเพื่อฆ่าคนอื่นนั้นมีข้อเสียอยู่

 

ถ้ามันมีปัญหาเกิดขึ้น การใช้ยืนของเป้าหมายเพื่อฆ่าพวกเขาจะไม่สร้างความเสียหายกับผู้ใช้อะไรมากนัก แต่ถ้าเขาใช้เลือดของตัวเองและพลังของซื่อหมิงเดม่อนเรซถูกสะท้อนกลับ เขาจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก เพราะยังไงซะเลือดที่ใช้ก็เป็นเลือดของสตีลซีน ถึงสตีลซีนจะล็อคเป้าไปที่หานเซิ่นโดยใช้เลือดของเขา แต่มันก็เป็นแค่การล็อคเป้าผ่านชื่อหานเซิ่นเท่านั้น ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีคนอื่นอีกเลยที่มีชื่อเดียวกันกับหานเซิ่น

 

สตีลซีนและอู่ซานจีเห็นว่ากงซูจือและซิตูย่ามารอพวกเขาอยู่ที่ด้านนอก

 

“นายท่านสตีลซีน หานเซิ่นกล้ามาที่คฤหาสน์ของนายท่าน”

 

กงซูจื่อพูดขณะที่กัดฟันของเขา “นี่เป็นโอกาสดีที่จะกําจัดเขา ได้โปรดไปฆ่าเขาเพื่อล้างแค้นให้กับลูกชายของข้าด้วย”

 

“ได้แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้น ข้าอยากฟังก่อนว่าเขามีอะไรจะพูด” สตีลซีนเดินไปที่ห้องรับรอง

 

กงซูจือไม่กล้าจะคัดค้านอะไร เขาพูดแค่ว่า “นายท่านสตีลซีน ให้ข้าไปด้วย ข้าอยากจะเห็นเขาตาย”

 

“ก็ได้” สตีลซีนตอบ

 

กงซูจื่อเดินตามหลังสตีลซีนไป ลู่ซานจีเองก็เช่นกัน ด้วยคนหนึ่งอยู่ข้างซ้ายและอีกคนอยู่ข้างขวา พวกเขาเดินไปที่ห้องรับรองด้วยกัน ซิตูย่าลังเลอยู่สักพัก แต่สุดท้ายเธอก็เดินตามไปด้วย

 

หานเซิ่นกําลังชมภาพวาดบนกําแพง ในตอนที่เขาเห็นสตีลซีนเดินเข้ามา เขาก็มองไปยังคนที่อยู่หน้าสุดและถามขึ้นว่า “เจ้าคือสตีลซีนอย่างนั้นหรอ?”

 

“ใช่ ข้าคือสตีลซีน” สตีลซีนนั่งลงบนที่นั่งหลัก เขามองไปที่หานเซิ่นอย่างไร้ความรู้สึกและถาม “ทําไมเจ้าถึงมาหาข้า?”

 

เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหานเซิ่น เขาเคยเห็นภาพและอ่านข้อมูลของหานเซิ่นที่ลู่ซานจีนํามาให้กับเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถเล็งเป้าไปที่หานเซิ่นได้

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้เจ้าฆ่ากงซูจือและซิตูย่า” หานเซิ่นพูดอย่างเย็นชา

 

“ถ้าเจ้าทําแบบนั้น ข้าจะทําเป็นว่าเรื่องของแซคครไฟซ์คอปเปอร์ไม่เคยเกิดขึ้น ข้าจะปล่อยเรื่องที่ผ่านไปแล้วให้ผ่านไป”

 

หลังจากที่ได้ยินหานเซิ่นแบบนั้น ลู่ซานจีก็ขึ้นเสียงว่า “นี่เจ้ากล้าดียังไง!”

 

กงจื่อมองไปที่สตีลซีนและพูด “เจ้านี่มันบ้า ได้โปรดฆ่าเขา!”

 

สตีลซีนไม่สนใจพวกเขา เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด

 

“อาณาจักรฉินมีกฎหมายของอาณาจักร เจ้าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าเป็นเพื่อนกับองค์รัชทายาท เจ้าจะทําอะไรก็ได้อย่างนั้นหรอ? องค์รัชทายาทยังไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ และถึงแม้เขาจะครองบัลลังก์แล้ว เขาก็ไม่อาจจะละเมิดกฎหมายและปล่อยให้คนชั่วทําอะไรก็ได้”

 

“ข้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นถูกต้อง” หานเซิ่นพูด

 

“นี่เจ้ากําลังเย้ยหยันข้าอย่างนั้นหรอ?” สตีลซีนนั้นอยู่เหนือคนอื่นมาเป็นเวลานาน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใช้ยืนเรซ เพียงแค่ออร่าและสายตาของเขาก็จะทําให้คนอื่นรู้สึกกดกันจนขาอ่อน

 

แต่น่าเสียดายที่ถึงออร่าของสตีลซีนจะได้ผลกับคนอื่น แต่สําหรับคนอย่างหานเซิ่นที่กล้าแม้กระทั่งทําลายวิหารพระเจ้า มันไม่ได้ผล

 

– หานเซิ่นพูด “ข้าไม่ได้มาที่นี่ในนามขององค์รัชทายาท ข้ามาที่นี่เพื่อใช้เหตุผลกับเจ้า ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะฆ่าซิตูย่าและกงซูจื่อหรือไม่ฆ่า?”

 

“ถ้าข้าไม่ฆ่าพวกเขาล่ะ?” สตีลซีนจ้องไปที่หานเซิ่นเหมือนกับเหยี่ยว ถึงแม้เขาจะไม่ได้ดูโกรธ สายตาของเขาก็ดูน่ากลัวอยู่ดี

 

“สตีลซีน ข้าไม่ต้องการให้มือของตัวเองต้องเปื้อนเลือด” หานเซิ่นพูดพร้อมกับถอนหายใจ

 

หานเซิ่นนั้นพูดออกมาจากใจจริง เขาไม่ต้องการจะฆ่าใคร นอกซะจากว่ามันจะจําเป็นจริงๆ เขาต้องการจะแก้ไขปัญหาโดยที่มีคนตายน้อยที่สุด เขาไม่ต้องการให้มือของเขาต้องแปดเปื้อน

 

แต่จากมุมมองของสตีลซีนและคนอื่น คําพูดของเขาดูเหมือนกับคนที่โง่เขลา

 

สตีลชนรู้สึกโกรธอย่างมาก เขาหัวเราะและพูด “ดี ข้าอยากเห็นมือของเจ้าเปื้อนเลือดในคฤหาสน์ของข้า”

 

เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่จะเจรจาต่อ เขาก็หยุดพูดและเรียกบลัดโกสต์สปิริตออกมาเพื่อรวมร่าง

 

ขณะเดียวกันเขาก็เรียกมังกรโลหิตออกมาและรวมร่างกับมันเซิ่นกัน

 

มังกรโลหิตนั้นห่อหุ้มร่างกายของหานเซิ่นด้วยเกล็ดสีม่วง ขณะที่บลัดโกสต์สปิริตทําให้ผมของเขายาวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีแดง ก้นของเขานั้นมีหางของลิงงอกออกมา ดวงตาของหานเซิ่นได้รับผลกระทบทั้งจากมังกรโลหิตและบลัดโกสต์สปิริต พวกมันเปลี่ยนเป็นสีม่วงและสีแดงที่ประหลาด ร่างกายของเขาก็เรื่องด้วยสีม่วงแดง มันทําให้เขาดูเหมือนกับปีศาจที่ชั่วร้าย

 

“เจ้ากล้าดียังไงมาใช้ยืนเรซในคฤหาสน์ของตระกูลสตีล! เจ้าสมควรตาย!” ลู่ซานจีรวมร่างกับสิงโตเพลิงสายฟ้า หมัดของเขาห่อหุ้มทั้งสายฟ้าและเปรวเพลิงขณะที่มันชกเข้ามาใส่หานเซิ่น

 

พลังเพลิงสายฟ้าเปลี่ยนเป็นสิงโตที่กระโจนเข้าใส่หานเซิ่น มันเต็มไปด้วยพลังทําลายล้างที่น่ากลัว

 

กงซูจื่อนั้นเกลียดชังหานเซิ่นอย่างที่สุด ด้วยเหตุนั้นเขาจึงร่วมโจมตีพร้อมกับลู่ซานจี เขารวมร่างกับหมาป่าหยิน ซึ่งเป็นยีนเรซระดับเทพเจ้า เขาเลี้ยงดูมันจนถึงร่างสุดยอด มันเป็นยีนเรซที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

 

กงซูจื่อมีหูของหมาป่าและมีหางของหมาป่างอกออกมา ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยขนสีดํา ร่างกายของเขาปลดปล่อยควันดําออกมา เขารวบรวมพลังทั้งหมดเอาไว้ในมือและชกออกไปใส่หัวของหานเซิ่น ในตอนที่เขาชกออกไป ควันสีดําก็เปลี่ยนเป็นหัวของหมาป่า

 

ซิตูย่ากัดฟัน ก่อนที่เธอจะปลดปล่อยเสียงที่เหมือนกับเสียงร้องของนกออกมา แต่เสียงนั่นก่อให้เกิดคลื่นเสียงจํานวนมาก คลื่นเสียงเหล่านั้นเป็นเหมือนกับคลื่นทะเลยักษ์ที่เสริมพลังให้กับสิงโตเพลิงสายฟ้าและหัวหมาป่า ซึ่งทําให้พลังของพวกมันเพิ่มเป็นเท่าตัว

 

หานเซิ่นมองพลังที่ปล่อยเข้ามาใส่เขาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย เขายกกําปั้นขึ้นมา ลมปราณสีแดงและสีม่วงถูกรวบรวมที่หมัดของเขา ในตอนที่เขาชกออกมา มันก็มีเสียงคํารามของมังกรดังขึ้นมาให้ได้ยิน

 

“โอ้ ไม่! เขาเป็นขุนนางเลือดพระเจ้าจริงๆ! พวกเจ้าควรถอยออกไป” สตีลซีนตะโกน

 

แต่มันสายเกินไปแล้ว หานเซิ่นใช้วิชาประสานยืนของมังกรโลหิต “มังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้า พลังของมังกรโลหิตบินสู่ท้องฟ้านั้นทําลายทุกสิ่งทุกอย่าง สิงโตเพลิงสายฟ้าของอู่ซานจีและหัวหมาป่าสีดําของกงซูจือนั้นสลายไปในพริบตา ขณะที่พลังสีม่วงแดงของหานเซิ่นยังคงมุ่งต่อไปข้างหน้า