ตอนที่ 919 สอยร่วง

หมอดูยอดอัจฉริยะ

แม้ว่าโอคาดะ มาซากะจะเข้าสู่ระดับเซียนเทียนจากโฮ่วเทียนแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ฝึกฝนวิชาอย่างเป็นระบบ เพียงแค่ด้านกำลังจิตได้แปรเปลี่ยนจากจิตสำนึกเป็นจิตดั้งเดิม ทั้งยังไม่ได้ฝึกฝนกับพลอยวิเศษ พละกำลังภายในร่างกายของเขา ความจริงยังค้างอยู่ที่สุดยอดโฮ่วเทียน ซึ่งเทียบกับโจวเซี่ยวเทียนได้ไม่ต่างกัน

แต่ว่าเมื่อนำกำลังมาปรับใช้ โอคาดะ มาซากะกลับห่างชั้นจากโจวเซี่ยวเทียนมาก เริ่มแรกตอนเขาปลดปล่อยกำลังภายใน ดูเหมือนน่าตกตะลึง แต่แท้ที่จริงกลับปล่อยพละกำลังของตนเองกระจายสลายทิ้งจนไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริง

แต่การโจมตีของโจวเซี่ยวเทียน กลับคมกริบกว่ามาก กระทั่งวินาทีก่อนหมัดคู่ประสานกัน เขายังไม่ได้ปล่อยพลังปราณชีวิตหลุดรอดออกมาแม้แต่น้อย แค่ตอนหมัดทั้งสองเผชิญหน้ากันเท่านั้น ที่โจวเซี่ยวเทียนปล่อยพลังอย่างกะทันหัน บวกกับการหมุนควงมือช่วยเพิ่มพละกำลังให้กับหมัด พลังหมัดนี้ของเขาจึงเหนือกว่าโอคาดะ มาซากะมาก

“ไม่รู้จักประมาณตัวเองเลย!”

เยี่ยเทียนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เห็นภาพนั้นแล้ว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจาง เขาเห็นชัดเจนกว่าคนรอบด้าน ว่าความเจ็บปวดของโอคาดะ มาซากะจากการประสานหมัดคู่นั้นรุนแรงกว่าที่เขาแสดงออกมามากนัก

พละกำลังของฝ่ายหนึ่งแตกกระจาย ส่วนอีกฝ่ายกลับรวมกำลังทั้งร่างไว้เพียงจุดเดียว ท่ามกลางการโจมตีภายในคลื่นอากาศที่สั่นไหวเป็นระลอก มีเพียงเยี่ยเทียนที่ได้ยินเสียง “กร๊อบ” ดังเบาๆ ซึ่งก็คือกระดูกนิ้วมือขวาของโอคาดะ มาซากะ ที่ถูกโจวเซี่ยวเทียนกระแทกจนแตกหัก

“ไอ้เฒ่ายุ่น ยังจะกล้าชกมาอีกไหม?”

สถานการณ์ภายในลานประลองเทียบกับเมื่อครู่ กลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง เวลานี้ท่วงท่าของโจวเซี่ยวเทียนราวกับสายรุ้ง ทว่าร่างกายของโอคาดะ มาซากะกลับหดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าหนุ่ม อย่ากำแหงเกินไปนัก!”

ใช้ชีวิตอยู่มาร้อยกว่าปี โอคาดะ มาซากะจึงไม่มีเลือดลมพุ่งพล่านอย่างเด็กหนุ่มแล้ว เดิมทีคิดจะสอยโจวเซี่ยวเทียนร่วงในหมัดเดียวเพื่อกู้ศักดิ์ศรี แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะต้องเจ็บปวดเช่นนี้ โอคาดะ มาซากะจึงไม่ยอมบุ่มบ่ามพุ่งชนกับโจวเซี่ยวเทียนต่อไป ทันใดร่างกายก็หดลง หายตัวไปจากด้านหน้าโจวเซี่ยวเทียนอย่างฉับพลัน

“อ้าว? คนนั้นไปไหนแล้วล่ะ?”

“ทำไมจู่ๆ ก็หายตัวไป หรือว่าพลังวิเศษของเขาคือการหายตัว?”

“ขนาดลมปราณยังหายไปด้วย พิสดารเหลือเกิน นี่มันพลังอะไรกัน?”

ไม่เพียงแค่โจวเซี่ยวเทียนจะสัมผัสตัวตนของโอคาดะ มาซากะไม่ได้ แต่ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่อยู่บนอัฒจันทร์ ก็ไร้ซึ่งเงาร่างของโอคาดะ มาซากะเช่นกัน มีบางคนปล่อยพลังจิตออกมาเพื่อสัมผัสดู แต่กลับไม่สามารถพบตัวโอคาดะ มาซากะด้วยซ้ำ

เหตุพลิกผันอย่างฉับพลันเช่นนี้ ทำให้ภายในลานประชุมเกิดโกลาหลขึ้นมา ถ้าหากเป็นการใช้วิชาซ่อนตัวจริงๆ แล้ว ก็ต้องประเมินพลังที่แท้จริงของโอคาดะ มาซากะกันใหม่ ลองคิดดูว่าหากมีใครซ่อนตัวอยู่ข้างหลังคุณแล้วลอบสังหารจากด้านหลังอย่างฉับพลัน เกรงว่าคนที่อยู่ภายในงานเก้าสิบเก้าเปอร์เซนต์คงไม่มีใครรับมือได้

หลังจากการหายตัวไปของโอคาดะ มาซากะ โจวเซี่ยวเทียนที่ยืนอยู่ภายในลานประลองดูออกจะสับสนเช่นกัน วางท่าตั้งหมัด แต่สายตากลับมองทั่วทั้งสี่ทิศ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเสาะหาตัวโอคาดะ มาซากะได้เลย

“ตายซะเถอะ!”

ขณะที่โจวเซี่ยวเทียนติดอยู่ในวังวน ฝ่ามือผอมแห้งหนึ่ง พลันประทับลงบนหลังเขา หลังจากแรงฝ่ามือส่งออกมาแล้ว โอคาดะ มาซากะจึงได้ส่งเสียงออกมา นี่จึงเป็นการลอบทำร้ายอย่างแท้จริง

แม้ว่าการกระทำของโอคาดะ มาซากะจะขี้โกง แต่เวลานี้เป็นการจัดประชุมพลังวิเศษ วิชาหายตัวจึงนับว่าเป็นหนึ่งในพลังวิเศษเช่นเดียวกัน โอคาดะ มาซากะจึงถือว่านำมาใช้ได้อย่างสมเหตุสมผล แม้คนรอบด้านรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่สามารถกล่าวโทษเขาได้

“พรวด!”

โจวเซี่ยวเทียนที่ถูกโจมตีโดยฝ่ามือนี้ ร่างกระเด็นไปด้านหน้าถึงเจ็ดแปดเมตร ขณะที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาจากปาก ด้านหน้าอกของชุดฝึกวิชาสีขาวหิมะพลันชุ่มโชกไปด้วยเลือด

ปฏิกิริยาของโจวเซี่ยวเทียนนับว่าว่องไวอย่างยิ่ง ทันทีที่เท้าแตะถึงพื้น ร่างก็หมุนอย่างฉับพลัน หมัดโจมตีสู่ห้วงอากาศ ด้านหน้าหมัดของโจวเซี่ยวเทียนพลันเกิดเสียงหนักหน่วงดังขึ้น พลังมหาศาลระลอกหนึ่งโจมตีโอคาดะ มาซากะกระเด็นไปเจ็ดถึงแปดเมตร

“ถูกฝ่ามือนั้นของข้าไป แล้วยังมีแรงขนาดนี้อีกรึ?”

ได้ยินเสียงแรงหมัดนั่นทะลุผ่านอากาศ โอคาดะ มาซากะเองก็แอบตกตะลึงอยู่เช่นกัน เขาตั้งคำถามกับตนเองว่าฝ่ามือนั้นสามารถพอจะเฉือนโลหะผ่าศิลา แต่ไม่รู้ว่าทำไมโจวเซี่ยวเทียนจึงเพียงกระอักเลือดแต่ไม่เป็นอันตราย

แต่ว่าเมื่อโอคาดะ มาซากะได้ลิ้มรสความหอมหวานของการลอบทำร้าย ย่อมไม่ยอมเผชิญหน้ากับโจวเซี่ยวเทียนต่อหน้า จึงขยับร่างวูบไหวในทันใด คล้ายจะหลอมรวมเข้าในอากาศ แล้วทั้งร่างก็หายวับไปอย่างลึกลับ

“แกหายไปไหน? ออกมานะ!”

เมื่อเป้าหมายหายตัวไป โจวเซี่ยวเทียนที่อยู่ในลานประลองก็กลับกลายเป็นร้อนรนขึ้นมา สองหมัดโจมตีข้างกายเป็นระยะ ราวกับว่าทำเช่นนี้จะสามารถบีบให้โอคาดะ มาซากะปรากฎตัวได้

“ยังอ่อนหัดเกินไปจริงๆ การโจมตีครั้งต่อไปของโอคาดะ มาซากะ เกรงว่าคงจะสามารถทำให้เจ้าหนุ่มนั่นถึงแก่ชีวิต!”

ภายในลานประชุมไม่ไร้ซึ่งคนหัวไว การรับมือสถานการณ์เช่นนี้ อาศัยความนิ่งสยบความเคลื่อนไหวจึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ขอเพียงปฏิกิริยาฉับไว ก็ยากจะบาดเจ็บสูญเสียทั้งสองด้าน แต่โจวเซี่ยวเทียนสูญเสียความสงบเสงี่ยมไปแล้ว เมื่อตัดสินกับยอดฝีมือเช่นนี้ย่อมถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน ภายในใจคนเหล่านี้ จึงตัดสินโทษตายให้แก่โจวเซี่ยวเทียนแล้วเรียบร้อย

“ปรากฎตัวอีกแล้ว!”

ขณะที่โจวเซี่ยวเทียนกำลังคลุ้มคลั่งยิ่งขึ้น ภายในลานประชุมบางคนต่างก็ใจเต้นระทึก เนื่องจากพวกเขาสัมผัสถึงระลอกคลื่นภายในอากาศได้พร้อมกัน ตามคาด ด้านขวาของโจวเซี่ยวเทียนปรากฎหมัดหนึ่ง ห่างจากขมับด้านขวาของโจวเซี่ยวเทียนเพียงหนึ่งนิ้วเท่านั้น

“จบกันแล้วเจ้าหนุ่ม!”

ระยะห่างใกล้ขนาดนี้ อีกทั้งตำแหน่งโจมตียังเป็นขมับจุดตายของมนุษย์ บางคนถึงกับถลึงตาโต เตรียมบันเทิงไปกับภาพกระโหลกที่แตกออกของโจวเซี่ยวเทียน

“เปรี้ยง!”

เสียงดังกึกก้อง ตรงกลางยังผสมผสานไปด้วยเสียงแตกละเอียดของกระโหลก หนึ่งในสองคนที่ยืนอยู่บนลานประลอง ศีรษะของคนหนึ่งล้มลงยังพื้นดินตามจากเสียงอันดัง เลือดสดปะปนกับเนื้อสมอง ไหลออกมาจากจุดกระโหลกที่แตกออก

“ทำ…ทำไมเขายังมีชีวิตอยู่ล่ะ?”

“เป็น…เป็นไปได้ยังไง เขาหลบหมัดนั้นได้ยังไงกัน?”

ขณะที่ทุกคนล้วนคิดว่าคนที่ล้มลงไปจะเป็นโจวเซี่ยวเทียน แต่คนที่ยืนอยู่กลางลาน กลับเป็นโจวเซี่ยวเทียนผู้สวมชุดขาว ภาพนั้นทำให้ผู้คนล้วนขยี้ตาอย่างไม่อยากเชื่อ สิ่งที่คิดในใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าพวกเขาแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง

กระทั่งสิ่งมีชีวิตพิสดารที่มีชีวิตอยู่มาพันปีอย่างแดร็กคูล่าและอัศวินโต๊ะกลมเหล่านั้น เวลานี้ยังจ้องมองยังโจวเซี่ยวเทียนอย่างตกตะลึงไม่คลาย เพราะต่อให้เป็นพวกเขาดวลกับโอคาดะ มาซากะ ก็คงสามารถอาศัยการคาดเดาล่วงหน้าหลบหลีกการโจมตีนี้ แต่ในชั่วเวลาแสงไฟสว่างวาบ ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่สามารถโจมตีสวนกลับจนถึงขั้นสอยคู่ต่อสู้จนร่วงในหมัดเดียว

แต่ว่าถึงแม้การดวลเมื่อครู่จะเร็ว ก็ยังอยู่ในสายตาคนบางคน ขณะที่พวกเขาปิดตาหวนกลับไปนึกถึงภาพเมื่อครู่ สีหน้าของแต่ละคนเผยให้เห็นความประหลาดใจ

ถ้าหากย้อนกลับไปยังภาพเมื่อครู่จะสามารถเห็นได้ว่า ขณะที่โอคาดะ มาซากะออกหมัดมา โจวเซี่ยวเทียนที่เดิมมีสีหน้าเต็มไปด้วยความลังเล ดูเหมือนจะหมุนร่างไปยังด้านขวาอย่างไม่ตั้งใจ ชั่วเวลาพริบตาที่หมุนร่างนั่น กลับถูกหมัดของโอคาดะ มาซากะลูบผ่านใบหน้าโจมตีไปยังอากาศ

เวลานั้นเอง หมัดขวาซึ่งดูเหมือนร่ายรำสะเปะสะปะของโจวเซี่ยวเทียน กลับโจมตีเข้าขมับของโอคาดะ มาซากะอย่างจัง และราวกับโอคาดะ มาซากะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเอง พลังที่โน้มมาด้านหน้านั้น ทำให้หัวของเขารับการโจมตีครั้งนี้ของโจวเซี่ยวเทียน

ส่วนหัวเป็นจุดที่บอบบางที่สุดบนร่างกายมนุษย์ หลังจากรับหมัดนี้เข้าไป กระทั่งเสียงร้อง โอคาดะ มาซากะยังไม่ทันได้เปล่งออกมา ศีรษะก็หล่นลงบนพื้น ทรวงอกกระเพื่อมไม่หยุด แต่ในปากมีเพียงลมหายใจเข้า กลับไม่มีลมหายใจออกมาเลย

ผ่านไปถึงหนึ่งนาทีกว่า เจ้าหน้าที่ข้างลานประลองจึงมีได้สติขึ้นมา คนสามสี่คนยกเปลหามมายังลานประลองเพื่อนำตัวโอคาดะ มาซากะขึ้นไป แต่ไม่ว่าใครก็สามารถดูออกว่า ต่อให้พระเยซูยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่อาจฟื้นคืนชีพให้เขาได้

“อ้าว ฉันก็บอกแล้วว่าพลังของฉันคือพละกำลัง แล้ว…แล้วทำไมแกยังเข้ามาชนหมัดของฉันเองล่ะ?”

โจวเซี่ยวเทียนที่อยู่ในลานประลองดูเหมือนจะถูกหมัดของตนเองทำให้ตกตะลึงเช่นกัน จนกระทั่งโอคาดะ มาซากะลงจากลานไปแล้วจึงได้สติ ท่าทีของเขาทำให้ผู้คนเหล่านั้นที่สงสัยในตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าหนูนี่โชคดีมหาศาลหรือเปล่า จึงได้พบเจอกับเรื่องบังเอิญเช่นนี้

“เอาน่า ไอ้หนูอย่าฉวยโอกาสอวดตัวเลย ขึ้นมาได้แล้ว!”

เยี่ยเทียนที่ดูอยู่บนอัฒจันทร์อดยิ้มออกมาไม่ได้ ส่งพลังจิตเข้าไปยังสมองของลูกศิษย์ นอกจากโจวเซี่ยวเทียนที่อยู่ภายในลานแล้ว ก็มีเพียงเยี่ยเทียนเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนที่โจวเซี่ยวเทียนยังไม่ลงไปลานประลอง เยี่ยเทียนมองวรยุทธ์ของโอคาดะ มาซากะออก พลังของชาวญี่ปุ่นคนนี้ไม่นับว่าแข็งแกร่งนัก แต่ว่าธงที่อยู่กลางอกเขากลับเป็นเครื่องรางที่สามารถปกปิดการเคลื่อนไหว เมื่อรวมกับการใช้พลังจิตคุ้มกันกาย ก็สามารถกำจัดการลอบมองของผู้อื่น

ด้วยสองสามจุดนี้รวมกัน มีหรือเยี่ยเทียนจะไม่รู้ไพ่ตายที่แท้จริงของโอคาดะ มาซากะ? ดังนั้นก่อนที่โจวเซี่ยวเทียนจะลงสนาม เยี่ยเทียนจึงส่งปราณแท้แทรกเข้าไปภายในร่างของเขา ปราณแท้นั้นเมื่ออยู่ในดวงตาทั้งสอง จะทำให้มองภาพมายาทั้งหมดได้ทะลุปรุโปร่ง

แต่เยี่ยเทียนไม่ยอมอธิบายให้ลูกศิษย์รู้แต่แรก หมัดแรกที่โจวเซี่ยวเทียนโดนจึงไม่ใช่ของปลอม บนร่างเองก็ได้รับบาดเจ็บ รอจนกระทั่งโอคาดะ มาซากะหลบซ่อนตัวอีกครั้ง คราวนี้โจวเซี่ยวเทียนจึงเริ่มแสดงละคร ล่อหลอกให้โอคาดะ มาซากะเชื่อว่าเป็นจริง แล้วจึงถูกหมัดของโจวเซี่ยวเทียนสังหารบนลานประลองในชั่วพริบตา

“ทุกท่านต่างเห็นกันแล้ว เรื่องนี้โทษฉันไม่ได้ เป็นหัวของเขาที่พุ่งเข้ามาชนหมัดของฉันเอง”

หลังจากได้ยินเสียงของอาจารย์ โจวเซี่วเทียนก็ถ่อมตนอีกประโยค แล้วจึงเดินอย่างองอาจขึ้นไปบนอัฒจันทร์

“หนุ่มน้อย ไม่ทราบว่าผมสามารถท้าดวลกับคุณได้หรือไม่?”

ขณะที่โจวเซี่ยวเทียนยังไม่ทันจะออกจากลานประลอง เสียงเจ้าเล่ห์หนึ่งก็ดังขึ้นมาทันใด ผู้คนต่างหันไปยังต้นเสียง ชายชราผู้หนึ่งร่างผ่ายผอมยิ่งกว่าโอคาดะ มาซากะเมื่อครู่ลุกจากที่นั่งขึ้นมายืน

“ให้ตายสิ ไร้ยางอายเหลือเกิน เป็นคนรุ่นเดียวกับอาจารย์ ในอดีตแอบลอบทำร้ายศิษย์พี่โดยไม่สนใจสถานะของตัวเอง ตอนนี้กลับมาขอท้าดวลกับเซี่ยวเทียน หรือว่าเจ้าราชครูคนนี้ไม่มีความละอายอยู่ในใจบ้างหรือไงนะ?”

พอได้ยินเสียงนั้นแล้ว ในใจเยี่ยเทียนพลันเกิดโทสะลุกโชน ยืดตัวลุกขึ้นตอบว่า

“ในเมื่อท่านราชครู นายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ให้ความสนใจ คนแซ่เยี่ยผู้นี้ก็จะเป็นคู่มือให้เอง!”

………………..