เช้าวันรุ่งขึ้น

เซียวชูหรันกินอาหารเช้าตั้งแต่เช้าแล้วออกไปบริษัทแล้ว

เซียวฉางควนพ่อตามีสีหน้าที่อึมครึมทั้งเช้าเลย เห็นหม่าหลันหน้าตาไม่ค่อยสบายใจ ขี้เกียจจะไปสนใจเธอ

เมื่อคิดถึงเงินเก็บกว่าสองล้านของครอบครัว หม่าหลันแพ้จนหมดเกลี้ยง เซียวฉางควนก็โมโหจนอยากจะฆ่าให้ตาย

เขาเองก็ไม่ได้มีเงินมากมาย เงินก้อนนี้ เป็นเงินที่ครอบครัวเก็บหอมรอมริบมากว่าหลายปี

และยังมีเงินที่ตัวเองได้มาจากการซื้อขายของโบราณ ตอนนี้เสียเงินไปเปล่าๆโดยไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ

เซียวฉางควนถึงขั้นกับรู้สึกว่า ตัวเองน่าจะต้องกลับมาอยู่ในวงการ ไปเดินเล่นๆถนนขายของเก่า เผื่อเจอของโบราณมีค่า แล้วค่อยขายให้กับจางเอ้อเหมา

เมื่อหม่าหลันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ค่อนข้างที่จะรู้สึกผิด ดังนั้นจึงยิ้มให้กับเซียวฉางควนตลอด แต่เซียวฉางควนยังคงทำกับเธอเหมือนไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย

เมื่อเห็นว่าตัวเองพยายามชมเชยอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายกลับเพิกเฉย ตอนนี้หม่าหลันโกรธมากแต่ไม่กล้าพูดอะไร ดังนั้นจึงหันทิศทางไปโจมตีเย่เฉิน พูดด้วยความโมโหว่า : “เฮ้ เย่เฉิน แกอยู่บ้านว่างๆไม่มีอะไรทำ รีบไปดูฮวงจุ้ยอะไรให้คนเขาหน่อยสิ ฉ้อโกงเงินมานิดๆหน่อยๆเพื่อมาซื้อเฟอร์นิเจอร์ของที่บ้าน ไม่งั้นเราจะย้ายอยู่ที่Tomson Rivieraได้ยังไงละ”

เย่เฉินพูดอย่างราบเรียบว่า : “ผมจะพยายาม”

หม่าหลันหยิกที่เอวพร้อมพูดว่า : “พยายามอะไรกันล่ะ นายจะต้องเอาเงินกลับมาให้ได้ถึงจะถูก!”

เซียวฉางควนพูดจาอย่างไม่พอใจว่า : “คุณจะโวยวายอะไรกันล่ะ?เย่เฉินก็เสียสละเพื่อครอบครัวมามากแล้ว ไม่เหมือนคุณหรอก ไม่เพียงแค่ไม่หาเงินสักบาท ยังใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอีก ถึงขั้นกับแพ้พนัน ในครอบครัวนี้ เราสามคนเป็นคนหาเงิน มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็นคนใช้เงิน!แถมคุณยังใช้เงินในจำนวนที่มากด้วย เพียงครู่เดียวก็ใช้เงินที่พวกเราหามาจนหมดเกลี้ยง”

“คุณ……” หม่าหลันโมโหจนหน้าแดงก่ำ

เดิมทีเธออยากจะถามอะไรเซียวฉางควนหน่อย ตัวเองโวยวายใส่เย่เฉิน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?เดี๋ยวนี้เซียวฉางควนสุดยอดแล้วนะ ไม่เพียงแค่ตัวเองกล้าขึ้นเสียงกับฉัน กล้าตีฉัน ยังกล้าออกหน้าแทนเย่เฉิน?

ไม่คิดว่าในตอนนี้กู อยู่ในครอบครัวนี้ กลายเป็นคนที่มีสถานะต่ำต้อยที่สุด?ฉันพูดอะไรก็ไม่ได้เลยใช่ไหม?

ตอนที่หม่าหลันกำลังอดกลั้นความโกรธเอาไว้ มือถือของเย่เฉินก็ดังขึ้น

ซ่งหวั่นถิงเป็นคนโทรศัพท์เข้ามา

เมื่อรับสายแล้ว ซ่งหวั่นถิงก็พูดผ่านทางสายโทรศัพท์ด้วยความเคารพว่า : “อาจารย์เย่ คุณกำลังยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย : “ไม่ได้ยุ่งอะไร มีอะไรเหรอ?”

“อย่างงี้นะคะ” ซ่งหวั่นถิงพูดว่า: “เรื่องของยาอายุวัฒนะ คุณปู่ขอบคุณเป็นอย่างมาก อยากจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาบ้างไหม?”

เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “เมื่อวานเพิ่งกินกันไม่ใช่เหรอ?วันนี้ยังจะกินอีกเหรอ?”

ซ่งหวั่นถิงพูดว่า : “เมื่อวานเป็นงานเลี้ยงวันเกิด วันนี้อยากจะเลี้ยงคุณโดยเฉพาะ ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีเวลาไหม”

เย่เฉินคิดๆดูแล้วถามว่า : “กี่โมงเหรอ?”

ซ่งหวั่นถิงรีบเอ่ยพูดว่า : “ดูว่าคุณสะดวกตอนไหนค่ะ”

เย่เฉินก็พูดว่า :“งั้นเป็นตอนเที่ยงแล้วกัน”

“ได้ค่ะ!” ซ่งหวั่นถิงรีบพูดว่า : “ฉันจะให้หงห้าปัดกวาดเช็ดถูเทียนเซียงฝู่ไว้ล่วงหน้า เที่ยงนี้จะรอคุณอยู่ที่ห้องเพชรนะคะ! ”

เย่เฉินพูดเสียง อืม แล้วพูดว่า : “งั้นเจอกันตอนเที่ยงนะ”

“โอเคค่ะ อาจารย์เย่ เจอกันตอนเที่ยงค่ะ!”

เมื่อวางสายโทรศัพท์ เย่เฉินก็พูดกับหม่าหลันและเซียวฉางควนว่า : “พ่อ แม่ เที่ยงนี้ผมมีธุระนิดหน่อย ไม่สามารถทำกับข้าวให้ได้ พวกคุณสองคนออกไปทานข้าวข้างนอกหรือไม่ก็สั่งอาหารมานะ”

หม่าหลันโพล่งพูดด่าออกไปว่า : “เล่นตลกอะไรเนี่ย?ให้พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอก สั่งอาหารมาทาน?ตอนนี้นายสุดยอดมากเลยนะ แม้แต่กับข้าวก็ไม่ทำแล้ว?!”

เย่เฉินพูดอย่างราบเรียบ “มีลูกค้านัดผมออกไปดูฮวงจุ้ย เป็นเถ้าแก่ใหญ่ที่ค่อนข้างมีเงินเลยทีเดียว”