คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1766

แดร์ริลถอนหายใจและค่อย ๆ มองไปที่โทเฮงสุน ก่อนที่จะพูดว่า “ฤดูคงต้องเปลี่ยนไปแล้วแน่ ๆ ถ้ารอคุณคาดคะเนเสร็จ ผมขอลองหน่อยได้ไหม?”

ฟึ่บบ!

ฉางเอ๋อ เซลีน และควีนนี่ต่างก็ตกตะลึงในตอนที่เขาพูดกับโทเฮงสุน พวกเขามองไปที่แดร์ริลในทันที

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

ดวงตาของฉางเอ๋อเป็นประกายในขณะที่เธอแอบเพ่งเล็งไปที่แดร์ริล “เจ้ารู้วิธีแก้ค่ายกลเหรอ?” น้ำเสียงของเธอราบเรียบแต่เผยให้เห็นถึงความสงสัยลึก ๆ

เซลีนที่ยังคงนิ่งเงียบรีบดึงแขนของแดร์ริลตอนที่ได้ยินคำพูดของเขาและพูดเบา ๆ ว่า “แดร์ริล หยุดพูดได้แล้ว”

แม้ว่าแดร์ริลจะเป็นผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์อันหาตัวจับได้ยาก แต่วิชาค่ายกลนั้นก็แสนยากและลึกล้ำ เขาจะเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?

แม้แต่โทเฮงสุนเองก็ไม่สามารถแก้ค่ายกลหินนี้ได้

ควีนนี่มองแดร์ริลด้วยความประหลาดใจในเวลาเดียวกัน! ‘อะไรของเขากัน? นี่เขากำลังพยายามที่จะโอ้อวดตัวเองต่อหน้าฉางเอ๋องั้นเหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยได้ยินว่าเขามีทักษะเกี่ยวกับค่ายกลมาก่อนเลยนี่นา?’

ควีนนี่ติดตามเซลีนไปทั่วและเดินทางร่อนเร่บนผืนแผ่นดินใหญ่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเล่าขานของแดร์ริลมาบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแดร์ริลมีทักษะเกี่ยวกับค่ายกลด้วย

แดร์ริลแอบแตะมือของเซลีนเพื่อให้เธอมั่นใจก่อนที่จะยิ้มออกมาและพยักหน้าให้ฉางเอ๋อ “ใช่ ผมแก้ค่ายกลนี้ได้!”

แดร์ริลจำค่ายกลหินนี้ได้ก่อนที่พวกเขาจะก้าวเข้ามาเสียด้วยซ้ำ!

ค่ายกลหินนี้เป็นสิ่งใดอื่นไม่ได้นอกเสียจากค่ายกลแห่งความไขว้เขว!

ค่ายกลของไป๋ฉี่ระบุว่า ค่ายกลแห่งความไขว้เขวเป็นค่ายกลขั้นสูงที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ มันเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และลึกลับมาก จนถ้าหากใครก็ตามที่ติดอยู่ในค่ายกลนี้และคิดที่จะหนีออกไป ไม่ว่าผู้บ่มเพาะจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ฝันไปได้เลยว่าจะหนีออกไปได้!

แดร์ริลจดจำค่ายกลของไป๋ฉี่ได้มานานแล้วและเข้าใจมันได้โดยปริยาย!

“นี่เจ้า!”

โทเฮงสุนลุกพรวดขึ้นทันที พร้อมกับชี้ไปที่จมูกของแดร์ริลและตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า “ข้าเห็นว่าเจ้ายังเด็กมาก แต่เจ้าก็ยังกล้าโอ้อวด เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คือค่ายกลอะไร? เจ้าสามารถอธิบายได้อย่างทะลุปรุโปร่งหรือไม่? ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้ก่อนนะว่าการโกหกพระมเหสีฉางเอ๋อถือเป็นกระทำที่ผิดมหันต์!”

‘เจ้าคนนี้ดูเหมือนไม่รู้อะไรเลย แต่ก็ยังอยากจะเสแสร้งต่อหน้าพระองค์งั้นรึ? ช่างน่าตลกจริง ๆ !’

แดร์ริลไม่พูดอะไรและโบกมือให้โทเฮงสุน “ก็ได้ ถ้างั้นผมจะปล่อยให้คุณทำต่อไปเพราะดูเหมือนว่าคุณจะแก้ค่ายกลได้แล้วนี่!”

เอ่อ…

เมื่อได้ยินคำพูดของแดร์ริล จู่ ๆ โทเฮงสุนก็เงียบไปด้วยท่าทางที่กระอักกระอ่วนสุด ๆ ! พวกเขาคงจะออกจากค่ายกลนี้ไปได้นานแล้วถ้าเขารู้วิธีแก้ ทำไมต้องรอมาจนถึงตอนนี้ด้วยล่ะ?

“โอ้!”

ฉางเอ๋อหันมาและเพ่งเล็งไปที่แดร์ริล พร้อมกับถามอย่างสงสัย “เจ้าแก้ได้จริง ๆ รึ?”

แดร์ริลไม่ได้ใส่ใจที่พูดอะไรต่ออีกและทำเพียงแค่ยักไหล่ “ทำไมต้องถามด้วยล่ะในเมื่อพวกท่าาไม่เชื่อกระหม่อมนี่? แต่ท่านไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนะ ทำไมท่านไม่ตามกระหม่อมมาและลองเสี่ยงดวงดูล่ะ!”

จากนั้นแดร์ริลก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับพาเซลีนและควีนนี่ไปด้วย

ฉางเอ๋อลังเลเล็กน้อยก่อนที่เธอจะตามไปอย่างรวดเร็ว

“พระมเหสีฉางเอ๋อ!”

โทเฮงสุนรู้สึกอับอายและเป็นกังวลมาก เขารีบพูดว่า “ชายคนนี้ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ ท่านเชื่อเขาไม่ได้นะพะยะค่ะ!”

“ถ้าข้าไม่ลองตามเขาไปดู ข้าจะทำอะไรได้อีกงั้นเหรอ?” ฉางเอ๋อหันหน้าไปมองเขาก่อนจะพูดห้วน ๆ ว่า “เจ้าแก้ได้ไหมล่ะ?”

แล้วจากนั้นฉางเอ๋อก็ตามพวกเขาไป!

เอ่อ…

โทเฮงสุนรู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก พร้อมกับเกาหัวและไล่ตามพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว!

ไม่ช้าไม่นาน สิบนาทีถัดมาพวกเขาก็เดินออกจากค่ายกลแห่งความไขว้เขวภายใต้การนำของแดร์ริล

“ว้าว!”

ควีนนี่กระโดดโลดเต้นและกรีดร้องด้วยความดีใจทันทีที่พวกเธอเดินออกมาจากค่ายกลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและประหลาดใจ “พี่แดร์ริล พี่น่าทึ่งมาก เราออกมาได้เร็วมากเลย!”

ใบหน้าที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในเวลาเดียวกัน เธอจะไม่ภูมิใจในตัวพี่เขยที่เก่งกาจเช่นนี้ได้อย่างไร?