อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1181 ถึงวันแต่งงานแล้ว
ด้วยนิสัยของไป๋หลี่ป้า แม้ว่าจะคาดคั้นถาม เขาก็คงไม่พูดอะไร
ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ฝากความหวังไว้ที่คนในตระกูลไป๋หลี่คนอื่นๆที่รู้เรื่องราวเท่านั้น
ฝูกวงกล่าว”แม่นางมู่ เหล่าลูกศิษย์ของตระกูลไป๋หลี่ที่รอดชีวิตมาได้ทั้งหมดถูกเหล่าสัตว์อสูรจับกุมตัวไว้แล้ว เหล่าผู้อาวุโสและสุดยอดผู้อาวุโสส่วนใหญ่เสียชีวิตในการต่อสู้ เหลือเพียงผู้อาวุโสและสุดยอดผู้อาวุโสไม่กี่คน ตอนนี้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเจ้าเสือน้อยกำลังรอที่จะสะสางขอรับ”
“เหลือคนรอดชีวิตไว้บ้าง ข้าต้องการรู้ว่ายังมีผู้ใดที่ฆ่าล้างตระกูลมู่อีก”
“เข้าใจแล้วขอรับ”
เหตุการณ์สิ้นสุด กู้ชูหน่วนเดินไปหาเวินเส้าหยีที่โดนยาพิษได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ข้างๆอย่างช้าๆ
“เจ้าผีเสื้อ เจ้าไม่คิดว่าวาสนาของพวกเราทั้งสองคนมีความพิเศษมากหรือ? พวกเราสองคนไม่ใช่เจ้าตกอยู่ในกำมือของข้า ก็เป็นข้าตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้า อ๋อ…..ไม่ถูก ควรจะพูดว่า ไม่ใช่เจ้าช่วยข้า ก็เป็นข้าช่วยเจ้า สลับวนไปมา วนอ้อมเป็นรอบใหญ่ ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครติดค้างใครกันแน่ จากที่ข้าดู แก้ปมความแค้นของพวกเราไปซะเถอะ ยังไงซะ…..เจ้าก็ไม่เสียเปรียบ”
เวินเส้าหยีหัวเราะอย่างเย็นชา
ปมความแค้นยิ่งใหญ่ขนาดนี้ จะสลายไปเช่นนี้แล้วหรือ?
จะสลายไปได้หรือ?
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่พูดเรื่องที่นางเปลื้องผ้าเขาออกหมด จัดให้เขาและเย่จิ่งหานอยู่ด้วยกัน นางก็จำเป็นต้องตายแล้ว
ฝูกวงมองไปที่เวินเส้าหยีด้วยสายตาอันซับซ้อนเล็กน้อย
เขาเกลียดเผ่าเทียนเฟิ่น เป็นความเกลียดชังที่มาจากส่วนลึกของไขกระดูก
หากไม่ใช่เพราะเผ่าเทียนเฟิ่น เผ่าหยกก็ไม่ต้องทนกับความเจ็บปวดนับพันปี
นายหญิงของพวกเขาก็คงจะไม่ตาย
แต่เมื่อละทิ้งฐานะหัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นไป เวินเส้าหยีก็ไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เผ่าเทียนเฟิ่นก็ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปแล้วด้วย
ดาบในมือของฝูกวงเปิดฝักออกมาครึ่งหนึ่ง เตรียมลงมือได้ทุกเวลา
เผ่าเทียนเฟิ่นถูกกวาดล้างไปทั้งเผ่า เขาก็กังวลว่าเวินเส้าหยีจะล้างแค้นเหมือนกัน
กู้ชูหน่วนนั่งยองลงไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเวินเส้าหยี
“เอาเช่นนี้ละกัน หัวของราชินี ข้าจะเอามาให้เหมือนเดิม แต่เวลาสิบวันที่เจ้าบอกไว้ก่อนหน้านี้ ยืดออกไปอีกหน่อยได้หรือไม่ แน่นอน วิญญาณเหล่านั้นที่เจ้าต้องการ ข้าก็จะช่วยเจ้ารวบรวมให้ครบให้เร็วที่สุด เพียงแต่ เจ้าต้องช่วยสลายข้อห้ามให้อาโม่ก่อน”
ได้ยินว่าวิญญาณสองคำ ฝูกวงเลว่อิ่งก็มองไปทางกู้ชูหน่วนด้วยสัญชาตญาณ รู้สึกดีใจเล็กน้อย
พวกเขารู้แล้ว
วิญญาณสามดวงของนายหญิง ไม่ ตอนนี้เป็นสี่ดวงแล้ว
วิญญาณทั้งสี่ดวงของนายหญิงสถิตอยู่ในร่างของนาง
มิน่าล่ะพวกเขาถึงมักจะรู้สึกว่าเคยรู้จักกับมู่หน่วนมาก่อนอยู่เสมอ
และไม่แปลกใจเลยที่พวกเขามักจะรู้สึกไว้วางใจนางอย่างไม่มีเหตุผล
ที่แท้…
เหตุผลก็คือนายหญิงนี่เอง
กู้ชูหน่วนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า “ข้าเห็นว่าเจ้าบาดเจ็บสาหัสมาก จะช่วยเจ้ารักษาบาดแผลให้นอกเหนือจากนี้ละกันนะ?”
“ไม่ลำบากให้เป็นห่วง แผลเล็กแค่นี้ ข้าจัดการเองได้”
แผลเล็ก?
นี่เรียกว่าแผลเล็ก?
ไม่ปลิดชีวิตเขาไปก็ไม่เลวแล้ว
ยังจะแผลเล็กอีก?
กู้ชูหน่วนมองไปด้วยสายตาสงสัย “ช่างเถอะ เจ้าได้รับบาดเจ็บก็เพราะช่วยข้า ข้าจะช่วยดูว่าจะช่วยรักษาเจ้าได้หรือไม่ละกัน”
“ข้าทำเพื่อวิญญาณ”
“รู้แล้วรู้แล้ว”
กู้ชูหน่วนพูดพลาง ก็คิดจะตรวจชีพจรของเขา “เจ้าไร้ความเมตตาต่อข้า เข้าก็ไม่สามารถไร้ความปรานีกับเจ้าได้ หากครั้งหน้าข้าตกไปอยู่กับเจ้าอีก ก็นับว่าเป็นการสั่งสมบุญให้ตัวเองแล้วกัน”
เวินเส้าหยีหลบเลี่ยงนาง กล่าวเตือนอย่างอ่อนแรงว่า “อยู่ให้ห่างจากข้า หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าสักนิด ข้ารับประกันว่าเจ้าจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”
ครืน…
พยับเมฆดำไล่หลังมาแต่ไกล พลานุภาพการบีบคั้นของผู้แข็งแกร่งปกคลุมไปทั้งผืนแผ่น
ฝูกวงเลว่อิ่งแหงนหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน ทั้งสองมือกำมีดและดาบแน่น
ร่างกายของฝูกวงสั่นสะท้านทันที “ลมปราณเช่นนี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก…..เหมือนเป็นเผ่าเทียนเฟิ่น…”
เผ่าเทียนเฟิ่นไม่ได้ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปแล้วหรือ?
ผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจเช่นนี้มาจากที่ไหน?
เวินเส้าหยีเป็นเจ้าบ้านตระกูลเวิน
พูดเช่นนี้ ตระกูลเวินก็คือหน่วยย่อยของเผ่าเทียนเฟิ่นงั้นหรือ?
“แม่นางมู่ ท่านไปก่อน คนผู้นี้มอบให้พวกเรา”
ไม่รอให้กู้ชูหน่วนพูดจา ฝูกวงเลว่อิ่งก็จากไปนานแล้ว ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายอันน้อยนิดของพวกเขา
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
ศักยภาพของคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าฝูกวงและเลว่อิ่ง
พวกเขาสองคนนี้จะสู้ได้หรือไม่?
สมกับที่ตระกูลเวินเป็นหัวหน้าตระกูลใหญ่ทั้งสี่ สุ่มๆออกมาสักคน ศักยภาพก็ทรงพลังได้เพียงนี้
เวินเส้าหยีลุกขึ้นยืนขึ้นด้วยความยากลำบาก สีหน้าของเขาซีดเซียว ร่างกายโอนเอนเหมือนจะล้ม
“มอบวิญญาณออกมา”
“วิญญาณสถิตอยู่ที่หน้าผากของข้าด้วยตัวเอง ข้าจะให้อย่างไร? อีกอย่าง…..ในร่างกายของข้ามีวิญญาณของคนๆนั้นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง ความรู้สึกที่ข้าสามารถสัมผัสกับวิญญาณที่เหลืออีกสามดวงได้ก็แข็งแกร่งมากขึ้น เจ้าไม่ได้หวังจะให้ข้ารวบรวมวิญญาณทั้งเจ็ดดวงให้ครบโดยเร็วที่สุดหรอกเหรอ? นี่ หากเจ้าต้องการจะเอา เช่นนั้นเอาวิญญาณทั้งสี่ดวงที่อยู่ในร่างของข้าไปให้หมดเถอะ ยังไงซะข้าก็ไม่ได้อยากไปหาวิญญาณบ้าอะไรนั่น”
เวินเส้าหยีมองไปที่กู้ชูหน่วนอย่างครุ่นคิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเขาจะกล่าวขึ้น “เอาวิญญาณไว้ที่ร่างของเจ้าชั่วคราวเถอะ คิดว่าเจ้าคงจะไม่สร้างปัญหาใดๆ”
พูดพลาง เขาก็มองไปทางขลุ่ยหยกมรกตและแหวนมิติ
กู้ชูหน่วนเอาไปซ่อนทันที “เจ้าคิดจะแย่งของของข้าอีกแล้วเหรอ? ของสิ่งนี้รู้จักเจ้าของ จะไม่ไปกับเจ้า”
เวินเส้าหยีเก็บสายตากลับช้าๆ เดินโซเซออกไปจากเขตต้องห้าม
ซือโม่เฟยดึงแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนด้วยความกลัว
“พี่สาว เขาจะหล่อหลอมข้าเพื่อพัฒนาพลังยุทธหรือไม่”
“ไม่รู้ แม้ว่าเขาจะไม่ทำ แต่ผู้เฒ่าของตระกูลเวินพวกนั้นอาจจะทำก็ได้”
“งั้นพวกเรา…”
“พวกเราฆ่าไม่ได้ ทันทีที่พวกเราลงมือ ผู้เฒ่าของตระกูลเวินพวกนั้นก็จะออกมากันหมด พวกเราเพิ่งจะสู้กับตระกูลไป๋หลี่เสร็จสิ้น หากสู้กับตระกูลเวินอีก เกรงว่าจะถึงจะมีใจแต่เรี่ยวแรงคงจะไม่เพียงพอน่ะสิ”
“ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้พาคนมาด้วยหรือ?”
“ไม่ช้าไม่เร็วตระกูลเวินก็จะรู้”
“ปึง….”
ห่างออกไปไม่ไกลเวินเส้าหยีที่เดินอยู่จู่ๆก็หมดสติล้มลง
จนกระทั่งเวินเส้าหยีฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็อยู่ในถ้ำแคบๆที่หนึ่ง
ในถ้ำมีหมอกปกคลุมหนาทึบ กลิ่นยารุนแรงเป็นที่สุด
ทันทีที่เขาก้มลงมอง ก็แทบจะเป็นลมตาย
เขาไม่รู้ว่ามานั่งอยู่ในถังยา และแช่อยู่ในยาน้ำที่เอาไว้อาบตั้งแต่เมื่อไร
นี้ไม่มีอะไร
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธคือ เขาเปลือยกายล่อนจ้อนทั้งตัว
และกู้ชูหน่วนก็กำลังทำสมุนไพรปรุงยาอยู่ข้างๆ เห็นเขาฟื้นขึ้นมา ก็พูดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติประโยคหนึ่ง
“เจ้าฟื้นแล้ว”
“เจ้าทำอะไรกับข้า”
เวินเส้าหยีอยากลุกขึ้น แต่ช่วยไม่ได้ร่างกายของเขาไม่มีแรงแม้สักนิดเดียว ไม่ต้องพูดว่าจะลุกขึ้น แม้แต่จะขยับมือเขาก็ทำไม่ได้
“ยังจะทำอะไรได้อีก หวังดีช่วยเจ้าถอนพิษไงล่ะ หากว่าไม่ใช่ยาที่ใช้อาบนี่ ก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะได้ไปเกิดใหม่กี่ครั้งแล้ว”
“เจ้าถอดเสื้อผ้าของข้าอีกแล้ว”
หน้าอกของเวินเส้าหยีกระเพื่อมขึ้นลง
ก่อนหน้านี้ถอดเสื้อผ้าของเขา เขาก็อดทนไว้แล้ว
ครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าจะถอดอีก
ที่สำคัญที่สุดคือ ในร่างกายของนางยังมีวิญญาณของกู้ชูหน่วนอีก
นางเห็นแล้ว ก็ไม่เท่ากับว่ากู้ชูหน่วนเห็นด้วยหรือไง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แรงอาฆาตของเวินเส้าหยีก็เดือดพล่าน แทบอยากจะเฉือนกู้ชูหน่วนแล้วกลืนกินไปทั้งเป็นตรงๆ
“แรงอาฆาตแรงขนาดนี้เชียว? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าโดนยาพิษอะไร? หากไม่ใช่เพราะข้ารักษาเจ้าได้ทันเวลา เจ้าจะมีชีวิตได้ถึงตอนนี้หรือ? เพื่อยาเหล่านี้ที่ใช้ทำยาน้ำไว้อาบแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าต้องสิ้นเปลืองแรงไปมากมายเพียงใด?”
“ข้าไม่ได้ให้เจ้าช่วยข้า”
“ได้ ถือว่าข้ายุ่งไม่เข้าเรื่อง บาดแผลทั้งตัวของตัวเองก็ยังไม่ได้รักษา ก็ดันวิ่งไปหาสมุนไพรปรุงยามาให้เจ้า เสียเวลาไปตั้งแปดวัน”
“เจ้าพูดว่าอะไร…..แปดวัน…”
“พิษบนตัวของเจ้าพิเศษมาก ทั้งยังบาดเจ็บมากอีก แปดวันสามารถฟื้นขึ้นมาได้ก็ไม่เลวแล้ว” สวรรค์รู้ว่าแปดวันนี้ โดยพื้นฐานแล้วนางไม่ได้ปิดตาเลยสักนิด
นางก็เคยคิดว่าจะฉวยโอกาสตอนเขาหลับ สังหารเขาไปซะเลย ให้รู้แล้วรู้รอดไป
แต่นางรู้ เขาจะตายไม่ได้ หากเขาตายแล้ว ข้อห้ามบนตัวของอาโม่ก็จะแก้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“ผ่านไปแปดวันแล้ว งั้นไม่ใช่ว่า…”
ก็ไม่ใช่ว่าถึงวันแต่งงานของราชินีแล้วหรือ?