ชายหนุ่มในชุดขาวได้เดินก้าวออกมาจากห้วงมิติและค่อย ๆ เข้าไปหาตัวเย่หยวนด้วยท่าทางราวกับไม่ได้ถูกพลังของกระดูกจักรพรรดิกิเลนใด ๆ
“ฉีซือซู!”
เมื่อหลงฉือได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้สีหน้าของเขาก็ซีดลงทันที
หลงเสี่ยวฉุนนั้นมองดูที่หลงฉือด้วยใบหน้ามึนงง เพราะนางนั้นสัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้านจากตัวหลงฉือ
ดูท่าแล้วฉีซือซูคนนี้คงไม่ธรรมดาเป็นแน่
ต่อให้จะเป็นคนโง่เง่าแค่ไหนมันก็บอกว่าได้ว่านี่คือยอดฝีมือจักรพรรดิเทพสวรรค์ของเผ่ากิเลนแล้ว ทั้งยังเป็นคนที่ต้านพลังของกระดูกจักรพรรดินั้นได้มันย่อมจะมิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
เพราะฉีเช่าหยุนนั้นยังได้แต่ก้มลงคุกเข่าต่อหน้ามัน!
“เย่หยวนตกที่นั่งลำบากแล้ว จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูนี้ดูท่าจะไม่ได้เกรงกลัวพลังจากกระดูกจักรพรรดิเลย!”
แต่หลงฉือนั้นได้แต่ส่ายหัวออกมา “ใครบอกว่าไม่กลัวพลังกระดูกจักรพรรดิ? หากเขาไม่กลัวมีหรือที่เย่หยวนจะยังอยู่ได้จนปานนี้ เขาคงตบสังหารเย่หยวนไปตั้งแต่แรกเห็นแล้ว!”
หลงเสี่ยวไห่เบิกปากกว้างอย่างตกตะลึง
กระดูกจักรพรรดินี้มันเหนือล้ำฟ้าดินอย่างแท้จริง!
“ที่แท้มันเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์อีกผู้หนึ่ง! ดูท่าออกมาครั้งนี้เผ่ากิเลนคงไม่ได้มาเล่น ๆ แล้ว”
“ความผิดที่ร่ำรวยจนเกินไป รองมหาปราชญ์ท่านก็ช่างพูดได้ถูกเสียจริง! แค่ตัวฉีเจิ้นนั้นมันไม่ได้มีค่าใด ๆ ต่อหน้ากระดูกจักรพรรดินี้เลย”
เมื่อเผ่ากิเลนได้เห็นกระดูกนี้มันมีหรือที่จะทนทานไม่แย่งชิงมาได้ไหว!”
…
เหล่าอสูรทั้งหลายในเมืองย่อมจะตื่นตกใจกันอย่างมากับภาพตรงหน้าที่มันเกินกว่าจะควบคุมได้ไหว
ต่อให้เป็นตัวกงหยางเลี่ยในเวลานี้เองก็ยังได้แต่มองดูจักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูอย่างตื่นตะลึง
เพราะตัวเขานั้นก็ไม่นึกไม่ฝันว่าทางเผ่ากิเลนจะถึงขั้นส่งจักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูออกมา
แม้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เหมือน ๆ กันแต่ระดับของฉีเช่าหยุนนั้นมันไม่อาจจะเทียบเคียงกับฉีซือซูได้เลย
ในเวลานี้เองแม้แต่เย่หยวนก็ยังแสดงสีหน้าหนักใจออกมาเพราะเรื่องราววันนี้มันเกินกว่าที่เขาคาดไปแล้วจริง ๆ
การตอบกลับมาของเผ่ากิเลนมันรุนแรงกว่าที่เขาคิด
เขานั้นสัมผัสได้ว่าพลังของฉีซือซูผู้มาใหม่นี้ย่อมจะเหนือล้ำกว่าฉีเช่าหยุนไปมาก พลังสายเลือดของเขาเองก็สุดแสนรุนแรงต่อให้เป็นกระดูกจักรพรรดินี้ก็ยังไม่อาจควบคุมมันได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียแม้กระดูกจักรพรรดินี้มันจะทรงพลังปานใด แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่กระดูกคนตายผ่านกาลเวลามานานปี ย่อมไม่มีทางจะเอาชนะยอดฝีมือระดับสูงที่ยังมีชีวิตของเผ่ากิเลนได้
เมื่อเผ่ากิเลนทั้งหลายพัฒนาตนขึ้นไปจนถึงระดับหนึ่งแล้วมันย่อมจะก้าวล้ำกว่าพลังกดดันของสายเลือดไปได้
แต่ทว่าเย่หยวนเองก็สัมผัสได้ว่าฉีซือซูยังไม่อาจก้าวถึงขั้นนั้นได้สมบูรณ์
เขานั้นแค่ทำเป็นใจเย็น แต่แท้จริงภายในกายของเขาเองก็กำลังขัดขืนอยู่อย่างสุดพลัง
เมื่อเทพสวรรค์เช่าหยุนได้เห็นการมาถึงของเทพสวรรค์ซือซูเขาก็ยิ้มออกมา
“ท่านซือซู ท่าน…ท่านมาได้ทันเวลาพอดี! เจ้าเด็กคนนี้มันกล้าลบหลู่ฉีกหน้าเผ่ากิเลนเรา! ท่านต้องสังหารมันเสีย!” ฉีเช่าหยุนร้องบอกด้วยสีหน้าท่าทางสุดแสนละอาย
ตั้งแต่ที่เขาเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานนับกี่หมื่นกี่แสนปีแล้ว
ความอับอายเช่นในวันนี้ตัวเขาไม่เคยจะได้พบมันมาก่อน
มันมีอสูรมากมายอยู่ดูเรื่องราวเบื้องล่างแต่ตัวเขานี้กลับถูกผู้คนบังคับให้ต้องคุกเข่าลง
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูพยักหน้ารับ
ตัวเขานั้นมีใบหน้าที่เรียบเฉยแต่แท้จริงภายในกายและใจของเขานั้นเองก็ต้องใช้พลังอย่างมากมายในการขัดขืนกระดูกจักรพรรดินี้
หากไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเองแล้วมีหรือที่เขาจะเชื่อว่ากระดูกชิ้นหนึ่งมันจะแฝงพลังของสายเลือดไว้มากมายได้ปานนี้?
ภายใต้สายตาของทุกผู้คนจักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไปหากระดูกจักรพรรดินั้น
จากนั้นเขาก็ยื่นฝ่ามือออกมาปล่อยเส้นสายสีฟ้าครามพุ่งไปรัดเจ้ากระดูกจักรพรรดิไว้
ไม่นานนักกระดูกจักรพรรดินั้นมันก็ถูกลายพระเจ้าห่อรัดจนสิ้น
จักรพรรดิเทพสวรรค์เช่าหยุนและพวกกิเลนทั้งหลายจึงรู้สึกเบาร่างกายและค่อย ๆ ลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง
เย่หยวนพยายามหรี่ตามองคิดว่ากระดูกจักรพรรดิออกจากการพันธนาการของลายพระเจ้าแต่ไม่ว่าจะใช้แรงไปเท่าไหร่มันก็ไม่อาจจะแกะออกได้
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเหยียดหยาม “เจ้าไม่ต้องเปลืองแรงหรอก กระดูกจักรพรรดินี้มันเป็นของเผ่ากิเลนข้า ตอนนี้มันจะได้คืนสู่เจ้าของเสียที”
“ฮ่า ๆ ๆ คืนให้เจ้าของ? พวกกิเลนนี่มันช่างสันดานเหมือนกันทั้งเผ่า! อย่างที่เขาว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดทั้งฉีหยุน ฉีเจิ้นทั้งหลายนั้นมันถึงได้หน้าไม่อายนัก” เย่หยวนหัวเราะลั่น
ความหน้าไม่อายและไร้เหตุผลของเผ่ากิเลนนี้เย่หยวนได้รับรู้ถึงมันอย่างถ่องแท้แล้ว
ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเผ่านี้ มันคงมีนิสัยไม่แตกต่างกันมากมาย!
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูกล่าวออกมาอย่างไม่คิดสนใจ “เจ้าโกรธหรือไม่เล่า? แต่สุดท้ายเจ้าก็ไม่อาจทำอะไรมันได้ ปัญหาของเจ้าคือความอ่อนแอของเจ้านั้น เผ่ากิเลนข้านั้นยืนสง่าเหนือผู้คนมาแต่โบราณกาล พลังอำนาจของเรานั้นล้นฟ้าปานใด? มีหรือที่เราจะยอมให้เทพถ่องแท้ตัวน้อยอย่างเจ้ามาเย้ยหยันมันได้? หืม?”
เสียงพ่นลมหายใจที่ตามหลังมานั้นมันทำให้เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าถูกความหนักหน่วงหมื่น ๆ ตันโจมตีส่งร่างปลิวลอยออกไปพร้อมกระอักเลือดคำโต
เย่หยวนค่อย ๆ ประคองร่างยืนตรงขึ้นอีกครั้งก่อนจะเงยหน้ามาพบว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“คุกเข่า!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูร้องบอกทำให้เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าฟ้าดินจะถล่มลงมาทับด้วยคลื่นพลังหนักหน่วงที่กดเขาตั้งแต่ตัวจรดเท้า
เหงื่อของเย่หยวนไหลท่วมกายพร้อมด้วยเสียงร้องของกระดูกภายในร่าง
ตอนนี้กล้ามเนื้อทั้งร่างกายของเขามันมีเลือดไหลซึมออกมาเพราะแรงกดดันมหาศาลนี้ มันเป็นภาพดั่งคนใกล้ตายเต็มทน
แต่เขากลับยังยืนอยู่
ในร่างของเย่หยวนเวลานี้เขาได้ใช้พลังของสายเลือดออกมาอย่างถึงที่สุด
พร้อม ๆ กันนั้นเขาก็ได้ใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนออกมาเพื่อขัดขืนแรงกดดันนี้จนสุดตัว
นอกจากนั้นแล้วเย่หยวนยังใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาบิดเบือนพลังที่กดลงบนร่างด้วย
เพราะหากไม่จนมุมจริง ๆ เย่หยวนเองก็ไม่อยากจะใช้มิติลายพระเจ้าออกมา
“คิดให้ข้าคุกเข่า? ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!” เย่หยวนกัดฟัน
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูเห็นเย่หยวนใช้ทุกวิถีทางออกมาขัดขืนแรงกดดันของเขา มันก็ยิ่งทำให้เขาตกตะลึง
เขานั้นได้แต่พยักหน้าให้แก่เย่หยวน “แนวคิดแห่งห้วงมิติ สายเลือดมังกรฟ้า สายเลือดกิเลน! เจ้านี่มันช่างมีไม้ตายเยอะเสียจริง ๆ! ข้ายอมรับว่าเจ้านั้นเหนือล้ำผู้คน แต่สุดท้ายเมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิผู้นี้แล้วเจ้าก็ไร้ค่าใด คุกเข่าลง!”
ตูม!
คลื่นพลังที่หนักหน่วงกว่าเก่าได้ปกครอบคลุมฟ้าดินทั่วทิศ
เย่หยวนนั้นหน้ามืดลงจนแทบจะเสียหลักทรุดลงกับพื้น
เขานั้นเข้าใจแล้วว่าถึงเวลานี้หากเขาไม่ใช้มิติลายพระเจ้าออกมาวันนี้เขาต้องก้มหัวให้ผู้คนแล้ว
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ใช้มิติลายพระเจ้านั้นมันกลับมีเงาร่างสีขาวนวลพุ่งทะยานขึ้นมาข้าง ๆ กายเย่หยวนพร้อมผลักดันฝ่ามือออกไปด้านหน้า
ปัง!
แกรก แกรก แกรก…
รอยแตกร้าวเกิดขึ้นทั่วทั้งพื้นที่รอบ ๆ ตัวเย่หยวน
จนสุดท้ายแล้วมันก็ตามมาด้วยเสียงพังทลาย
นั่นทำให้คลื่นพลังที่กดดันบนร่างของเย่หยวนหายไปทันทีทำให้เขากลับมาขยับร่างกายได้ตามใจนึกอีกครั้ง
ความกดดันหนักหน่วงที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูปล่อยออกมามันกลับถูกหมัดนี้ต่อยจนพังทลายลง
เย่หยวนได้แต่หันไปมองที่ร่างของผู้มาถึงนี้อย่างตกตะลึง
“หึ ๆ คุณหนูผู้นี้ก็บอกแล้วว่าข้าน่ะเก่งนะ!” หลงเสี่ยวฉุนยกกำปั้นขึ้นมายิ้มบอกเย่หยวน
หลงฉือเองก็สั่นสะท้านไปทั้งกาย เขาได้แต่ร้องขึ้นมาด้วยความปวดหัว “ให้ตายสิ! นังเด็กคนนี้มันไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
หลงเสี่ยวฉุนนั้นฉลาดมากเล่ห์พอที่จะหนีออกมาเที่ยวเล่นได้ แน่นอนว่าแค่หลบสายตาของหลงฉือไม่กี่วินาทีมันย่อมไม่ยาก
แต่ในเวลานี้เมื่อเรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ไป ตัวเขาก็คงไม่อาจจะยืนมองเหมือนมันเป็นเรื่องของคนอื่นได้แล้ว
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูหันไปมองดูที่หลงเสี่ยวฉุนพร้อมบอก “นังเด็กน้อยเผ่ามังกร เจ้าคิดว่าจักรพรรดิผู้นี้จะไม่กล้าสังหารเจ้า?”
“หากเจ้ากล้าสังหารนาง เช่นนั้นเผ่ามังกรเราก็คงต้องได้ประกาศสงครามกับเผ่ากิเลนเจ้าแล้ว!” หลงฉือก้าวออกมาข้าง ๆ พร้อมกล่าวด้วยเสียงเย็นเยือก
……………..