ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 831 โลกระหว่างสองด้านของกำแพง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลังจากไปสถานที่ต่างๆ มาไม่น้อย ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ค้นหาทั้งในที่แจ้งและที่ลับ เยี่ยนจ้าวเกอก็ค้นพบเรื่องหนึ่ง

ด้านในโลกที่ชื่อแดนขวางกั้นใบนี้ ไม่มีร่องรอยการสืบทอดของสำนักเต๋า

คนทั่วไปแม้แต่บรมครูสามพิสุทธิ์ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน

มีคนที่มีความรู้กว้างขวาง มีความจำเป็นเลิศ เก็บคัมภีร์ไว้ในบ้านมากมายจำนวนหนึ่ง เคยอ่านเจอบันทึกน้อยนิดที่กล่าวถึงสำนักเต๋า แต่ยังนับเป็นประวัติศาสตร์ไม่เป็นทางการไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เป็นเหมือนกับเรื่องราวในเรื่องเล่าปรัมปรา

ในประวัติศาสตร์หลายพันปีมานี้ ไม่มีร่องรอยของสำนักเต๋าเหลือแล้ว

ความจริงที่นี่ก็มีบันทึกเรื่องวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ไว้เช่นกัน แต่ว่าในบันทึกกล่าวว่า พระศรีอาริย์ได้ใช้บารมีไร้เทียมทานปกป้องโลกจำนวนมาก คุ้มครองเหล่าสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ที่อาจจะทำให้ทุกอย่างพินาศนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

นี่กลายเป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ที่ทำให้เหล่าสาวกนับถือพระศรีอาริย์มากกว่าเดิม

เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณของแดนขวางกั้น เขาพบว่าที่นี่เหมือนกับมหาจักรวาลก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จริงๆ เพียงแต่ว่าอ่อนแอลงมาก

แม้ผลกระทบที่วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีตนำมาจะค่อนข้างมีจำกัด ทำให้ผู้คนที่นี่รักษาวัฒนธรรมและการสืบทอดของต่างๆ ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ แต่เห็นได้ชัดว่าถูกคนเข้ามายุ่งเกี่ยว

ถึงจะไม่มีตำนานเกี่ยวกับสำนักเต๋าเหลืออยู่ ทว่าคัมภีร์และซากโบราณสถานทั้งหมดถูกคนลบทิ้งไปแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกออดเกิดความคิดหนึ่งต่อแดนขวางกั้นไม่ได้

แล้วทางโลกซ้อนโลก โลกแปดพิภพ และโลกผืนสมุทร จะเจอการลบทิ้งที่คล้ายกันด้วยหรือไม่

เแต่เป็นไปในทางตรงกันข้ามกันมากกว่า คือโลกเหล่านั้นลบร่องรอยของศาสนาพุทธทิ้ง

นอกจากนี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจ

แดนขวางกั้นมีพื้นที่ไม่มากนัก เทียบได้กับโลกแปดพิภพ แต่ว่าที่นี่กลับบรรจุจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามขึ้นไปให้อาศัยอยู่ที่นี่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญ ‘เป็นเพราะว่าการรบกวนมิติของตัวตนที่พิเศษอย่างตำหนักโอสถและเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ อีกทั้งยังถูกข้าแทรกแซง บางทีข้าอาจจะทำลาย ‘กำแพง’ ที่ในสถานการณ์ปกติไม่อาจทำลายทิ้งไปแล้วก็ได้’

ด้านหนึ่งของ ‘กำแพง’ คือสำนักเต๋า ที่นั่นมีโลกซ้อนโลกที่สูงส่ง ส่วน ‘ด้านล่าง’ มีโลกมากมายอย่างเช่นโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร โลกลอยน้ำ โลกยมทะยาน โลกปีศาจอัคคี

พลังเขตแดนของฟ้าดินโลกเบื้องล่างที่อยู่ที่นี่มีความพิเศษ ไม่อาจรองรับจอมยุทธ์ที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงได้

จอมยุทธ์เมื่อฝึกฝนถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ จะลอยไปยังโลกซ้อนโลกโดยตรง

วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่แทบจะทำฟ้าดินของที่นี่เกิดการเปลี่ยนแปลง เรื่องราวมากมายต้องเริ่มขึ้นใหม่

สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ โลกเบื้องล่างจำนวนมากอาจจะเกิดขึ้นทันทีหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

โลกซ้อนโลกอาจจะถือกำเนิดขึ้นช้ากว่า

อีกด้านหนึ่งของ ‘กำแพง’ คือศาสนาพุทธ ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรม เห็นแค่เพียงแดนขวางกั้นตรงหน้านี้เท่านั้น

ที่นี่เองก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เหมือนกัน แต่เป็นเพราะสาเหตุบางอย่างจึงได้รับผลกระทบไม่มาก

บางทีอาจจะเป็นผลงานของพระศรีอาริย์จริงๆ หรืออาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นก็ได้

ในขณะเดียวกันโลกใบนี้กลับสามารถบรรจุจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง พวกเขาสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ ‘เรื่องที่รู้มีน้อยเกินไป ถ้าหากได้พบกับยอดฝีมือระดับสุดยอดในด้านวรยุทธ์ของศาสนาพุทธที่นี่ อาจจะรู้เรื่องขึ้นมากกว่านี้ก็เป็นได้ บางทีข้าควรไปโลกอื่นๆ ด้วย ไม่สามารถตัดสินได้แค่จากแดนขวางกั้น ไม่อาจตัดสินได้’

เรื่อง ‘กำแพง’ เป็นแค่การคาดเดาของตนเท่านั้น แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะคิดถูกแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอกอดอก มองแดนขวางกั้นตรงหน้าอย่างเงียบๆ ในใจเกิดความคิดมากมาย

ตำหนักโอสถกับเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับมีความพิเศษถึงขีดสุด ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกมัน ระดับพลังฝึกปรือของพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่แย่งชิงเตาวิเศษด้านในมิติต่างแดนในตอนนั้น เกรงว่าจะทำลาย ‘กำแพง’ ไม่ได้

กระนั้นเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอทำไม่ได้ในตอนนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนทำไม่ได้

อย่างน้อย ด้วยความเข้าใจของตัวเยี่ยนจ้าวเกอเอง สามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิสมควรไร้ปัญหา

ประมุขประจิมที่ใช้คัมภีร์นภาความว่างเปล่าเป็นหลักมีความเป็นไปได้ว่าจะทำได้เช่นกัน ประมุขคนอื่นๆ อย่างพวกเฉาเจี่ยกับจวงเซินยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ทางศาสนาพุทธย่อมมีเหมือนกัน

ในเมื่อมีคนที่สามารถทำลาย ‘กำแพง’ อยู่ แต่ว่า ‘กำแพง’ ยังคงแสดงผลของมันเองมาโดยตลอด เช่นนั้นก็หมายความว่าสองฝ่ายใน ‘กำแพง’ มีการร่วมมือกัน

การร่วมมือกันนี้ถึงขั้นทำให้คนส่วนใหญ่ที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ และคนทั่วไปของทั้งสองด้านไม่ทราบถึงการมีอยู่ของ ‘กำแพง’

‘รอเดี๋ยว ถ้าหากว่ามี ‘กำแพง’ เช่นนี้อยู่จริงๆ เช่นนั้น…มรกตท่องฟ้าอยู่ด้านเดียวกับโลกซ้อนโลกหรือไม่?’

เยี่ยนจ้าวเกอพลันคิดถึงข้อสงสัยนี้

แค่สถานการณ์ที่ทราบในปัจจุบัน โลกเบื้องล่างอย่างโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร โลกยมทะยาน ถ้ามีคนลอยขึ้น ก็จะลอยไปยังโลกซ้อนโลกได้ทั้งสิ้น

ในอีกมุมหนึ่งก็คือ โลกเบื้องล่างเช่นนี้ต่างจัดอยู่ใต้โลกซ้อนโลก

แต่ว่ามรกตท่องฟ้ากลับไม่ใช่

เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาเล็กน้อย “มรกตท่องฟ้าอยู่ใน ‘กำแพง’ ข้างเดียวกับโลกซ้อนโลก หรือว่า…‘กำแพง’ ไม่ได้มีอยู่ด้านเดียว แต่ถูกแยกออกมามากกว่าสองด้าน”

เขาตัดสินใจเข้าไปในวังฝูงมังกร สอบสวนซุนจ้งต๋าอีกครั้ง

ซุนจ้งต๋าหน้านิ่วคิ้วขมวด “คุณชายเยี่ยน สิ่งที่ข้าพูดได้ล้วนบอกไปหมดสิ้นแล้ว ถ้าท่านถามข้าอีก ข้าจะไม่ยอมบอก แต่ยอมรับโทษทัณฑ์แทนแล้ว…”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่รอเขาพูดจบ ก็ตัดบทถามว่า “ข้าไม่ถามเรื่องมรกตท่องฟ้าของท่านหรอก สิ่งที่ข้าต้องการถามท่านก็คือ ท่านเคยได้ยินหรือเคยเห็นคนจากศาสนาพุทธมาก่อนหรือไม่ ข้าหมายถึงลูกศิษย์ของศาสนาพุทธที่ยังรอดชีวิตหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”

ซุนจ้งต๋ามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็เข้าใจ หัวเราะออกมา “จริงด้วย โลกซ้อนโลกของพวกท่านไม่เคยพูดถึงความลับเหล่านี้”

ชายหนุ่มจับจ้องซุนจ้งต๋าอย่างเฉื่อยชา มองจนอีกฝ่ายรู้สึกเสียววาบที่สันหลัง

เขากระแอมคำหนึ่ง “ข้าไม่เคยเจอ แต่เคยได้ยินมาว่า พระศรีอาริย์ยังคงอยู่หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ อีกทั้งยังสร้างพุทธเกษตรขึ้นมามากมาย

“แต่ว่าความสามารถของพระองค์…” ซุนจ้งต๋าเบะปาก “หากใช้คำพูดของกษัตริย์ลี้ลับก็คือ เป็นพุทธปลอม!”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาแวบหนึ่ง พระศรีอาริย์ยังอยู่จริงๆ อีกทั้งยังกล้าพูดขนาดนี้ ย่อมไม่ใช่แค่กล้าหาญชาญชัยธรรมดา

ห่างจากศีรษะสามฉื่อมีเทพสถิตอยู่ ในโลกใบนี้จึงไม่ใช่คำพูดหลอกลวง

แม้ว่าจะดูปลิ้นปล้อนกว่าจอมยุทธ์ที่ฝึกกระบี่คนอื่น ทว่าความดุร้ายและความทะนงตนของผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์สามารถเห็นได้จากซุนจ้งต๋านี่เอง

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “บุคคลที่วิจารณ์คำสอนของพระศรีอาริย์เป็นคนแรกไม่ใช่กษัตริย์ลี้ลับของสำนักท่าน แต่เป็นจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว หนึ่งในสี่เทวราชก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่”

ซุนจ้งต๋างงงัน “ท่านทราบด้วยหรือ”

“เล่าต่อเถอะ บอกเรื่องที่ท่านรู้มาให้ข้าฟัง” เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย

ซุนจ้งต๋ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ความจริงสิ่งที่ข้ารู้ก็มีจำกัดเช่นกัน เป็นเพราะว่าไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง”

“ท่านอาจารย์เคยบอกข้าว่าขอบเขตการเคลื่อนไหวของจอมยุทธ์ระดับข้า น่าจะไม่เจอคนที่อยู่ในสถานพุทธปลอม”

“แต่ถ้าเกิดเจอเข้าแล้วไม่หนีทันที ก็ต้องลงมือสังหาร ถ้าหากว่าฆ่าอีกฝ่ายไปแล้ว ให้รีบกลับมรกตท่องฟ้าโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นยอดฝีมือของอีกฝ่ายจะทราบถึงการกระทำของข้าในระยะเวลาอันสั้น และมาถึงตัวข้าในพริบตาเดียว”

ซุนจ้งต๋าสีหน้ากลายเป็นจริงจังและแน่วแน่ “ข้าไม่ทราบถึงรายละเอียด แต่ดูเหมือนที่สำนักเต๋าของเราเปลี่ยนจากรุ่งเรืองเป็นเสื่อมโทรมเพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต ก็เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธนี่เอง!”