หลังจากปรมาจารย์ดาราจันทร์พูดประโยคนั้นออกไป หวังเป่าเล่อก็เงียบ หน้ากากที่ลอยอยู่กลางอากาศสั่นไหวเล็กน้อย ข้างในหน้ากาก สถานที่ซึ่งหวังเป่าเล่อมองไม่เห็น แม่นางน้อยกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ที่มุมหนึ่ง ใบหน้าก้มต่ำจนมองไม่เห็นอารมณ์ของนาง แต่เห็นได้ว่านางกำลังตัวสั่น
“ชะตากรรมหรือ…” หวังเป่าเล่อพึมพำ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจในฐานะบุตรแห่งความมืดหรือในการต่อสู้ครั้งก่อน เขาก็ได้รู้จักชะตาของปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยทำให้คำว่า ‘ชะตากรรม’ ไม่ใช่คำแปลกใหม่อะไร
สิ่งที่เรียกว่าชะตากรรมคืออดีตของคนคนหนึ่งและคืออนาคตของคนคนหนึ่ง หากเปรียบชีวิตคนเราเป็นเส้นตรง เส้นตรงนี้…ก็คือชะตากรรม
ตอนที่เขาเป็นบุตรแห่งความมืด หวังเป่าเล่อเคยได้กำหนดชะตากรรมให้คนอื่น เขาจึงรู้ดีว่า…คนที่สูญเสียชะตากรรมไปก็เท่ากับหัวและหางของเส้นตรงนี้ก็หายไป เหลือเพียงจุดเดียว
ส่วนหัวที่หายไปคืออดีต
ส่วนหางที่หายไปคือ อนาคต
เขายิ่งเข้าใจดีว่า…หากคิดจะเอาชะตากรรมในอดีตของคนคนหนึ่งก็ต้องตามติดอยู่ข้างกายคนคนนั้นตลอดเวลาและเป็นประจักษ์พยานแก่ทุกอย่างในอดีตของเขา
“เป็นแบบนี้นี่เอง” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเบา หวนนึกถึงอดีตชาติมากมายของตน นึกถึงทุกชีวิตในโลกนี้ จู่ๆ เขาก็ยิ้มแล้วมองปรมาจารย์ดาราจันทร์
“ยังมีอีกไหม”
ปรมาจารย์ดาราจันทร์เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้าและพูดเสียงต่ำ
“มีแค่นี้ ดูท่าเจ้าจะได้มันมาจากนายท่านแล้ว แต่ข้ารับปากกับเจ้าได้อย่างหนึ่ง…”
“สามารถสู้กับมหาเทพได้ไหม” หวังเป่าเล่อมองปรมาจารย์ดาราจันทร์อย่างสงบนิ่ง
“ดวงจิตเทพของข้าได้หวนกลับมาปกป้องนายน้อยจึงไม่มีกำลังจะโจมตี…” ปรมาดาราจันทร์ถอนหายใจเบาๆ สีหน้าก็ขอลุแก่โทษเช่นกัน
“ช่างเถอะ สมบัติพิเศษของเต๋าธาตุไฟหรือเต๋าธาตุทอง เจ้ามีไหม” หวังเป่าเล่อไม่สนใจและเอ่ยถามเบาๆ
“มีอยู่อย่างหนึ่ง…” หลังจากตอบไปแบบนั้นก็ทำท่าราวกับกำลังค้นหา จากนั้นไม่นานก็ยกมือขึ้นคว้าความว่างเปล่า ทันใดนั้นก็มีแท่งเงินปรากฏขึ้นในมือเขา
แท่งเงินนี้ขนาดเล็กมากและมีเพียงสองสามอันเท่านั้นซึ่งก็ดูไม่ได้มีอะไรพิเศษและดูธรรมดามาก แต่หากใช้ดวงจิตเทพตรวจสอบก็จะสัมผัสได้ว่าข้างในนั้นมีพลังปราณอันเข้มข้นผันผวนอยู่
“สิ่งนี้คือสมบัติที่ข้าแอบแลกเปลี่ยนกับครอบครัวตระกูลโจวในตอนนั้น ให้เจ้าแล้วกัน” ปรมาจารย์ดาราจันทร์แอบถอนใจ เขารู้ดีว่าหวังเป่าเล่อที่รู้ความจริงแล้วย่อมจิตใจไม่สงบ แต่นายน้อยก็ยืนกรานจะไม่ปิดบังเขา
นั่นยิ่งทำให้เขาขอโทษจากก้นบึ้งหัวใจ
เขาโบกมือก่อนที่แท่งเงินเหล่านั้นจะลอยไปหาหวังเป่าเล่อ หลังจากหวังเป่าเล่อคว้ามันไว้แล้วก็เก็บลงกระเป๋าคลังเก็บโดยไม่ตรวจสอบ ก่อนจะผุดลุกขึ้นจากเบาะสานแล้วโค้งคำนับให้ปรมาจารย์ดาราจันทร์
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ดลบันดาลหุ่นเชิดในตอนนั้น และขอบคุณผู้อาวุโสที่ดูแลหลี่หว่านเอ๋อร์กับจั่วอี้ฟาน”
พูดจบหวังเป่าเล่อก็โค้งคำนับให้อีกครั้ง เมื่อเขาลุกขึ้นก็หันไปมองหน้ากากที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยแววตาล้ำลึก ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าถึงมาปรากฏตัวในอดีตชาติของข้า
ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดในโลกพวกนั้นถึงมีเงาของเจ้าอยู่เสมอ
ข้ารู้แล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา แท้จริงคือเส้นทางที่กำหนดไว้แล้ว
ข้ารู้แล้วว่าทั้งหมดนี้คือแนวหน้าของเส้นทางแห่งชะตากรรม และวันนี้ชะตากรรมในอดีตของข้าเป็นของเจ้าแล้ว
แต่ข้าไม่โกรธ ไม่โทษ ไม่หมางเมิน
ขอบคุณที่ช่วยพยุงข้าขึ้นมาจากการล้มตอนที่ข้าเป็นกวางขาว
ขอบคุณที่คอยปลอบโยนข้าตอนที่ข้าเป็นผู้ฝึกตนอาฆาต
ขอบคุณที่ให้เลือดข้าตอนที่ข้าเป็นดาบปีศาจ
ขอบคุณที่จ้องมองข้าหลังจากข้ากลายเป็นผีดิบ
ขอบคุณสำหรับอ้อมกอดตอนที่อาจารย์ข้าดับสูญ
ขอบคุณ ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างข้าทุกครั้งในทุกๆ โลก
ชะตากรรมในอดีตเจ้าเอามันไปแล้ว ชัตากรรมในอนาคตข้าก็ให้เจ้าได้ แม้ต่อจากนี้ข้าจะไม่มีอดีตและไม่มีอนาคต
แต่…แบบนี้ก็ดี
รอยยิ้มผุดกว้างขึ้นในทุกย่างก้าวของหวังเป่าเล่อ จนกระทั่งเดินไปได้ 10 ก้าว ความคิดในหัวก็กระจ่างชัด ระหว่างที่กระแสเต๋าไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง พลังปราณอันน่าอัศจรรย์ก็ระเบิดอยู่บนร่างของเขา
“อดีตคือเต๋า ดั่งความตาย!”
หวังเป่าเล่อพึมพำยิ้มๆ การระเบิดพลังปราณทำให้จักรวาลเหนือศีรษะเขาเกิดความปั่นป่วนอย่างน่าตกใจจนเกิดเป็นแม่น้ำสายยาวออกมาอย่างไม่คาดคิด
แม่น้ำสายนี้ไหลเชี่ยวกรากอย่างไร้ขอบเขตราวกับสามารถครอบคลุมได้ทั้งจักรวาล ส่วนปลายเชื่อมกับหวังเป่าเล่อ ส่วนที่มาของมัน…ไม่ได้อยู่ในโลกศิลา แต่…ทะลวงมาจากข้างนอกโลกศิลา
ข้างในแม่น้ำสายนี้มีกฎซึ่งเกี่ยวข้องกับเวลา แต่ต่างกันที่สิ่งที่อยู่ในนั้นมีเพียงอดีตทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับหวังเป่าเล่อ!
นี่เป็นกฎใหม่ ไม่ใช่เวลา ไม่ใช่ความตาย แต่เป็นเต๋าที่เกิดจากการหลอมรวมกันซึ่งเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว!
เต๋านี้บรรจุอดีตของหวังเป่าเล่อ ในอนาคตหากมีผู้ฝึกตนบังเอิญได้รับรู้เต๋านี้ การพัฒนาระดับการฝึกฝนจะขึ้นอยู่กับว่าจะเดินไปบนเส้นทางแห่งอดีตของหวังเป่าเล่อนี้ไปได้ไกลแค่ไหน
เพราะ…กฎนี้ เต๋านี้ถูกสร้างขึ้นจากอดีตของหวังเป่าเล่อ
แทบจะในพริบตาที่มันปรากฏขึ้นที่ข้างหน้าผาด้านหลังเขา ปรมาจารย์ดาราจันทร์ที่มีสีหน้าซับซ้อนก็เงยหน้าขึ้น แววตาตื่นตกใจ
“กฎใหม่ถือกำเนิด? เต๋าแจ้งเห็นความจริง?!”
ไม่ใช่แค่เขาที่ตื่นตกใจ เด็กหนุ่มชุดแดงที่กำลังต่อสู้กับฝ่ามือหลัวอยู่ตรงปลายสุดของความว่างเปล่าก็ยังมีสีหน้าตื่นตระหนกแล้วเงยหน้ามองทันที เห็นแม่น้ำอันกว้างใหญ่แผ่ขยายมาจากด้านนอกความว่างเปล่า พาดผ่านความว่างเปล่าไหลไปยังจักรวาลที่อยู่ใจกลางโลกศิลา
“นี่มัน…” เด็กหนุ่มชุดแดงแทบคลั่ง ที่ด้านนอกโลกศิลา ร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือเดียวดายก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสีหน้าไร้อารมณ์ตลอดมาก็เริ่มขยับ
แต่ทุกอย่างยังไม่จบสิ้น วินาทีต่อมาเมื่อหวังเป่าเล่อก้าวไปข้างหน้าอีกครั้งและพึมพำขึ้นมาอีกครั้ง แม่น้ำแห่งกฎอีกสายหนึ่งก็คำรามออกมา
“อนาคตคือเต๋า ดั่งความเป็น!”
แม่น้ำมายาที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้ก็เกี่ยวข้องกับเวลาเช่นกันและมีบางอย่างแตกต่างออกไปเช่นกัน คลื่นภายในไร้ที่สิ้นสุดและเป็นตัวแทนของอนาคต คาดเดาการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ขณะเดียวกันที่มาของมันนั้นมาจากร่างของหวังเป่าเล่อ ไม่มีใครรู้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่ที่ใด
และเป็นเต๋าที่เป็นของเขาเพียงคนเดียวเช่นกัน อนาคตของเขา!
ขณะนี้แม่น้ำมายาสองสายต่างคำรามสะท้านฟ้า สายหนึ่งมาจากด้านนอก ทะลวงเข้าสู่โลกศิลา มันไร้ที่มา มีเพียงจุดสิ้นสุดที่เชื่อมโยงกับหวังเป่าเล่อ ส่วนอีกสายหนึ่งมีตุดสิ้นสุดที่ทะลวงออกไปด้านนอกโลกศิลา ไม่มีใครมองเห็นว่าจุดสิ้นสุดอยู่ที่ใด มีเพียงจุดเริ่มต้นที่ผสานอยู่บนร่างหวังเป่าเล่อ
หากมองจากระยะไกลแม่น้ำสองสายที่ทอดยาวไปทั่วทั้งโลกศิลานี้ก็ดูเหมือนเป็นสายเดียวกัน สิ่งที่เชื่อมโยงพวกมัน…คือหวังเป่าเล่อ
“ตอนที่ข้ารู้แจ้งถึงเต๋าแห่งความมืดก็ได้ละทิ้งโครงร่างของชะตากรรมไปหลังจากทุกชีวิตกลับมาเกิดใหม่ ปล่อยให้ทุกคนควบคุมชะตากรรมของตัวเองและไล่ตามวิธีแห่งอิสรภาพของตน
วันนี้…ก็เป็นไปตามวิถีของข้าเช่นกัน
จงเป็นคนที่ไร้พันธนาการ ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต และมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น” หวังเป่าเล่อยิ้มอย่างเป็นอิสระ ก่อนจะโบกมือ แม่น้ำมายาสายที่สามก็ไหลมาทันใด
แม่น้ำสายนี้มีเขาเป็นจุดเริ่มต้นและมีเขาเป็นจุดสิ้นสุด นั่นคืออิสระ นั่นคือ…
“ไร้พันธนาการ!!!” ปรมาจารย์ดาราจันทร์พึมพำ
“ไร้พันธนาการ!!” เด็กหนุ่มชุดแดงสีหน้าบิดเบี้ยว
“ไร้พันธนาการ!” ร่างบนเรือเดียวดายด้านนอกโลกศิลาเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ไร้พันธนาการ…” แม่นางน้อยที่กำลังกอดเข่าก้มหน้าอยู่ในหน้ากากเงยหน้าขึ้น และยิ้มออกมา
“เต๋าแจ้ง เต๋าฝ่ามือ เต๋าสองขั้นก็ไร้พันธนาการ!” หวังเป่าเล่อสะบัดแขนเสื้อ ก่อนจะก้าวไปในจักรวาล ระดับการฝึกตนพลันระเบิด…เต๋าแจ้ง!
……………………