บทที่ 668

ซ่งหวั่นถิงก็รีบพูดข้างๆทันทีว่า : “อาจารย์เย่ คุณปู่เคารพคุณด้วยใจจริงมาโดยตลอด คุณนั่งที่นั่งตำแหน่งหลักดีกว่านะ”

เย่เฉินลังเลเล็กน้อย แล้วก็พยักหน้าตอบตกลง ว่า : “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นผมจะทำตามที่ต้องการ”

พูดจบ เย่เฉินก็ไปนั่งที่ตำแหน่งหลักแล้ว

ในเวลานี้ท่านหงห้าก็รีบพูดว่า : “อาจารย์เย่ คุณท่านซ่ง คุณซ่ง ขอให้ทั้งสามท่านเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงให้สนุก หงห้าไม่รบกวนพวกคุณแล้ว!”

พูดจบ หงห้าก็เดินออกจากห้องวีไอพีไปอย่างระมัดระวัง

ในห้องวีไอพีไม่มีคนอื่น คุณท่านซ่งได้หยิบบัตรสีทองออกมาจากกระเป๋าเสื้อคอจีนของตัวเอง มือทั้งสองข้างยกขึ้นไปตรงหน้าของเย่เฉิน พูดด้วยความเคารพว่า: “อาจารย์เย่ เมื่อวานที่คุณมอบโอกาสให้ กระผมแซ่ซ่งรู้สึกซาบซึ้งจนหาที่สุดมิได้!ไม่มีอะไรจะตอบแทนให้ ก็เลยเตรียมบัตรเอทีเอ็มไว้หนึ่งใบ ในบัตรนี้มีเงินสดอยู่พันล้าน นี้เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของกระผมที่มีต่อคุณ คุณได้โปรดรับไว้หน่อยนะ”

เย่เฉินมองไปที่บัตรเอทีเอ็มนั้นแวบหนึ่ง พูดว่า : “ท่านซ่ง ผมไม่ได้ขาดแคลนเงิน บัตรนี้คุณเก็บกลับไปเถอะ”

เย่เฉินพูดไปตามตรง

เขามีเงินสดสองล้านกว่า แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสได้ใช้มันเลย

คุณท่านซ่งกลับพูดอย่างยืนกรานว่า : “อาจารย์เย่ กระผมรู้ว่าคุณไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินอะไร แต่ครั้งก่อนตอนที่คุณอยู่ในงานมหกรรมการแพทย์แผนจีน โสมม่วงชั้นเลิศถูกประมูลด้วยเงินสดมูลค่าสูงถึง 100 ล้านหยวน หากว่าต่อไปยังมีสมุนไพรอะไรดีๆที่ต้องประมูลอีก หากเกิดขัดสนเรื่องเงินขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้พลาดของดีไป คิดแล้วก็อาจจะรู้สึกเสียใจภายหลัง ดังนั้นคุณช่วยรับเงินนี้ไว้เถอะ อาจจะสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็น”

จริงๆแล้วเงินที่คุณท่านซ่งมอบให้เย่เฉิน ตัวเองก็รู้สึกว่าเห็นแก่ตัวนิดหน่อย

เขารู้สึกเย่เฉินประมูลโสมม่วงชั้นเลิศไป ถึงจะทำยาอายุวัฒนะได้ อีกอย่างตัวเองก็ได้พึ่งพาเขาด้วย ดังนั้นตัวเองก็เลยคิดอยากจะ ให้เงินแกเย่เฉินเยอะๆหน่อย เผื่อว่าในอนาคตหากเย่เฉินซื้อสมุนไพรที่ดีกว่านี้ได้ กลั่นยาที่ดีกว่านี้ออกมา งั้นตัวเองจะไม่ยิ่งได้รับโอกาสจากเย่เฉินเหรอ?

ดังนั้น เขาจึงลุกขึ้นยืน คุกเข่าลงข้างหนึ่ง สองมือถือบัตรเอทีเอ็ม พูดว่า : “อาจารย์เย่ น้ำใจเล็กๆน้อยของกระผม ได้โปรดรับไว้เถอะครับ ไม่เช่นนั้นผมจะคุกเข่าอยู่อย่างนี้!”

เย่เฉินรีบประคองเขาขึ้นมา ยิ้มเบาๆ พูดอย่างนิ่งๆว่า : “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมรับไว้ก็ได้”

“แบบนี้ดีมากเลยครับ!” คุณท่านซ่งลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ พูดกับเย่เฉินว่า : “อาจารย์เย่ต่อไปหากจำเป็นต้องใช้เงินอะไร หรือว่ามีอะไรที่ตระกูลซ่งพอที่จะช่วยเหลือได้ ก็บอกมาได้เลยนะ คนแซ่ซ่งพร้อมช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่!”

เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ พูดว่า : “ท่านซ่ง ขอบคุณในความห่วงใย”

“ที่ไหนกันละครับ!” คุณท่านซ่งพูดอย่างมีความสุขว่า : “กระผมโชคดีมากที่ได้รับโอกาสที่ล้ำค่าจากอาจารย์เย่ ก็หวังว่าจะสามารถทำอะไรให้อาจารย์เย่ได้บ้าง ต่อไปก็ยินยอมที่จะปรนนิบัติดูแล ตอบแทนบุญคุณของอาจารย์เย่”

พูดจบแล้ว คุณท่านซ่งก็รีบพูดอีกว่า : “จริงด้วยอาจารย์เย่ รหัสของบัตรนี้คือวันเกิดของซ่งหวั่นถิง951201”

เย่เฉินมองไปที่ซ่งหวั่นถิง ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น : “หวั่นถิง คุณเกิดวันที่ 1 เดือนธันวาคมเหรอ?”

ซ่งหวั่นถิงรีบลุกขึ้นยืนทันที โค้งคำนับเบาๆ พูดด้วยความเคารพว่า : “ตอบอาจารย์เย่ หวั่นถิงเกิดวันที่ 1 เดือนธันวาคมจริงๆค่ะ”

เย่เฉินพยักหน้า พูดว่า: “งั้นอีกไม่ถึงเดือนก็ถึงวันเกิดคุณแล้วนะสิ”

“ใช่ค่ะ” ซ่งหวั่นถิงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น พร้อมด้วยถามอย่างหยั่งเชิงว่า: “อาจารย์เย่ ถึงตอนนั้นหวั่งถิงก็อาจจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดเล็กๆ ไม่รู้ว่าอาจารย์เย่จะพอมีเวลามาร่วมงานไหม?”

เมื่อซ่งหวั่นถิงพูดจบ แววตาที่เหมือนแสงจันทร์ส่องสว่างจ้องมองไปยังใบหน้าของเย่เฉิน รอคอยเย่เฉินตอบตกลง

เย่เฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าพร้อมพูดว่า : “ในเมื่อเป็นวันเกิดของคุณ ผมจะต้องมาเข้าร่วมอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นคุณส่งที่อยู่มาให้ผมก็ได้แล้ว ”

ซ่งหวั่นถิงมีความสุขอย่างมาก รีบโค้งคำนับพร้อมพูดว่า : “ขอบคุณค่ะอาจารย์เย่!”

เย่เฉินพูดว่า : “หวั่นถิง คุณกับผมอายุไม่ได้ห่างกันมาก ดังนั้นระหว่างเรา ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนี้”

ซ่งหวั่นถิงพยักหน้าเบาๆ เผยฟันขาวๆ: “โอเคค่ะอาจารย์เย่ หวั่นถิงเข้าใจแล้ว”