ตอนที่ 2295 ฉันเคยมาที่นี่

อัจฉริยะสมองเพชร

พวกเขามาสุดทางแล้ว ไม่มีที่ให้ไปต่อ มิติที่อยู่ตรงหน้าถูกปิดตาย

“ผมจะดูสักหน่อยว่าจะลงไปยังมิติเบื้องบนจากที่นี่ได้หรือเปล่า” จางเซวียนพูดขณะนำตราสุดยอดจอมราชันย์ออกมา

เขาถ่ายทอดเจตจำนงเข้าไปในนั้น แล้วอักษรจารึกที่ถูกสลักไว้บนตราก็พลันเรืองแสงเจิดจ้า พลังงานพุ่งเข้าสู่ตรานั้นอย่างรวดเร็ว

“ใช้ได้นี่!” จางเซวียนอุทานด้วยความดีใจ

เขารู้สึกได้ทันทีถึงการตอบรับของตู้ชิงหย่วนจากมิติเบื้องบน

“ให้ตู้ชิงหย่วนประกอบพิธีกรรม ผมจะลงไปที่นั่น”

จางเซวียนสั่งการไปยังอีกด้านหนึ่งโดยไม่ลังเล

มิติเบื้องบน เดี๋ยวเจอกัน*!*

ไม่ช้า ตราสุดยอดจอมราชันย์ก็ปล่อยพลังพิเศษออกมา ดูคล้ายกับสัญญาณไฟที่ช่วยนำทางไปสู่ที่หมาย

เราเข้าใจแล้ว…สรวงสวรรค์กับมิติเบื้องบนถูกแยกออกจากกันด้วยมิติที่บิดเบี้ยวและวุ่นวายสับสน ทำให้ผู้คนไม่อาจเดินทางกลับไปกลับมาได้ พิธีกรรมของตู้ชิงหย่วนไม่ได้มีเพื่อส่งตัวบุคคลจากฟากหนึ่งไปอีกฟากหนึ่ง แต่เพื่อจัดหาสัญญาณนำทางที่จะทำให้ผู้นั้นไม่หลงออกนอกเส้นทางหรือผิดเพี้ยนไป…

จางเซวียนพยักหน้าเมื่อเข้าใจ เขาเคยคิดว่าพิธีกรรมคงช่วยให้ใครคนหนึ่งทะลุมิติตรงไปยังมิติเบื้องบนได้ทันที แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่

การทะลุมิติระหว่างโลกแต่ละใบมีความยากเย็นแสนสาหัส ถึงขนาดที่แม้ตราสุดยอดจอมราชันย์ของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณก็ยังทำไม่ได้

แต่ต่อให้เรามีสัญญาณนำทาง ก็จะเดินทางไปที่นั่นได้จริงๆหรือ? แล้วปราการแห่งมิติล่ะ?

จางเซวียนสงสัย

สีหน้าของเขายังคงเคร่งเครียด เขาเดินตรงเข้าหามิติตรงหน้าที่ถูกสกัดกั้นไว้ รวบรวมพลังปราณทั้งหมดเข้าสู่ดาบราชันย์เทพเจ้า จากนั้นก็พยายามฝ่าฟันมิติดังกล่าวให้เกิดรอยแยก

จางเซวียนประหลาดใจเมื่อพบว่าแม้จะต้องใช้แรงไม่น้อย แต่เขาก็สร้างช่องโหว่เล็กๆในมิติที่ถูก สกัดกั้นได้ เขารีบร้องเรียกหลัวฉีฉีกับไก่น้อยให้มามุดรอยแยกออกไปด้วยกัน

เราเคยคิดว่าการฝ่าปราการแห่งมิติเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้แต่บางทีกุญแจอาจไม่ได้อยู่ที่การทะลุมิติผ่านไปแต่คือการใช้พละกำลังฝ่ามันโดยตรง

สิ่งนี้ก็เหมือนกับความง่ายของการฝ่าปราการแห่งมิติเมื่อคุณตั้งใจเดินทางไปยังโลกใบที่สูงขึ้น การขึ้นไปนั้นง่ายกว่าการพยายามลงมายังโลกเบื้องล่าง

นี่คงเป็นการออกแบบที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้เพื่อรักษาความสมดุลของโลก

ถัดจากมิติที่ถูกสกัดกั้นไว้คือมิติสับสนวุ่นวายที่เต็มไปด้วยคลื่นความสั่นสะเทือน คลื่นความสั่นสะเทือนแห่งมิติพุ่งเข้าใส่ปราการที่จางเซวียนติดตั้งไว้รอบตัวอย่างไม่ลดละ พยายามจะทำลายมันให้ได้

จางเซวียนรู้สึกได้ว่าพลังปราณในร่างกายของเขาถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว เขาพยายามมุ่งหน้าไปตามทิศทางที่สัญญาณนำทางของตราสุดยอดจอมราชันย์บอกไว้ แต่ก็พบว่าแทบขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้

มิติที่สับสนวุ่นวายดูคล้ายกับคลื่นพลังงานวนแห่งมิติ แต่ไร้ระเบียบยิ่งกว่า ทุกอย่างลอยไปตามทิศทางที่มันต้องการ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะผ่านมันไปได้ตรงๆ ต่อให้เป็นจอมราชันย์ก็ตาม

ถ้าไม่ใช่เพราะพลังปราณเหนือชั้นของจางเซวียน กายเนื้อและจิตวิญญาณของทั้งสามคงแหลกเป็นชิ้นๆไปแล้วทันทีที่เข้าสู่พื้นที่นี้ ยังไม่ต้องพูดถึงการสำรวจมัน

“ฉันเคยมาที่นี่” หลัวฉีฉีพูด “บอกตำแหน่งที่คุณต้องการมาสิ แล้วฉันจะพาคุณไป”

“ได้!”

รู้ดีว่าอำนาจของหลัวฉีฉีที่มีเหนือมิตินั้นเหนือชั้นกว่าเขามาก จางเซวียนรีบอธิบายพิกัดที่สัญญาณไฟของตราสุดยอดจอมราชันย์ชี้ไป

หลัวฉีฉีพยักหน้า เธอก้าวออกไปก้าวหนึ่งและคืนสภาพกลับเป็นเครื่องเก็บงำมิติ

ฟึ่บ!

เธอจัดการมิติที่กำลังสับสนวุ่นวายให้แข็งทื่อและรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

สงสัยเหลือเกินว่าเครื่องเก็บงำมิติเป็นของล้ำค่าระดับขั้นไหน จางเซวียนครุ่นคิดด้วยความอยากรู้ขณะมองเส้นทางที่เครื่องเก็บงำมิติสร้างขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นคลื่นพลังงานวนแห่งมิติหรือมิติที่สับสนวุ่นวาย ขอแค่มีความเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์แห่งมิติ เครื่องเก็บงำมิติก็รับมือและจัดการกับมันได้ไม่ยาก นี่คือสิ่งที่แม้แต่นักรบระดับจอมราชันย์ก็ไม่อาจทำได้ทุกคน

จางเซวียนนึกสงสัยเรื่องต้นกำเนิดของหลัวฉีฉี เธอยกระดับวรยุทธจนได้เป็นราชันย์เทพเจ้าขั้นสูงสุดภายในเวลาเพียงเดือนเดียวหลังจากมาถึงสรวงสวรรค์ ทั้งยังแทบไม่เคยพบด่านคอขวดของวรยุทธเลย

เขาตัดสินใจถูกที่พาเธอมาด้วย ไม่อย่างนั้น ต่อให้ใช้ศิลปะเพลงดาบศรัทธากตัญญูที่มีวรยุทธถึงระดับราชันย์เทพเจ้า แต่การจะผ่านคลื่นพลังงานวนของมิติและมิติที่สับสนวุ่นวายเพื่อเข้าสู่มิติเบื้องบนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี

เพราะเดินทางอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ จางเซวียนกับพรรคพวกจึงระบุเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ ตัวเขากับไก่น้อยได้แต่ตามไปเรื่อยๆจนกระทั่งหลัวฉีฉีหยุด เธอคืนร่างกลับเป็นมนุษย์แล้วพูดว่า “เรามาถึงแล้ว”

จางเซวียนเห็นสัญญาณไฟนำทางที่ได้จากตราสุดยอดจอมราชันย์อยู่ตรงหน้า

“เข้าไปกันเถอะ” จางเซวียนพูด

เขากำลังจะเข้าไป แต่ก็พอดีกับที่รู้สึกได้ว่าโลกทั้งโลกสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะการบุกรุกของเขา ดูราวกับมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆหากเขาหาทางเข้าไปข้างในได้

“มิติของมิติเบื้องบนนั้นอ่อนแอเกินไป เหมือนกับชั้นน้ำแข็งบางๆที่ลอยอยู่บนผิวหน้าของแม่น้ำในฤดูหนาว มันอาจรับน้ำหนักของเด็กคนหนึ่งได้ แต่พังแน่หากผู้ใหญ่สักคนเหยียบย่ำลงไป” หลัวฉีฉีพูด “พละกำลังของพวกเราในฐานะราชันย์เทพเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่สรวงสวรรค์ของมิติเบื้องบนจะต้านทานไหว หากเราพยายามบุกเข้าไป ก็อาจทำให้สรวงสวรรค์แหลกสลาย ทั้งโลกจะพังพินาศไม่มีชิ้นดี”

จางเซวียนพยักหน้า “คุณพูดถูก ดูเหมือนพวกเราต้องลดระดับวรยุทธลง”

ตอนที่เขาได้เป็นเทพเจ้าครั้งแรก ก็รู้สึกได้ว่าสรวงสวรรค์ของมิติเบื้องบนปฏิเสธการปรากฏตัวของเขา ซึ่งในฐานะราชันย์เทพเจ้า ตอนนี้เขาแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นหมื่นเท่า จึงเป็นธรรมดาที่การปรากฏตัวของเขาจะทำให้สรวงสวรรค์ของมิติเบื้องบนต้านทานได้ยากขึ้นอีก

จางเซวียนสูดหายใจลึกขณะควบคุมพลังปราณในจุดตันเถียน

วรยุทธของเขาค่อยๆลดลง

เพียง 2-3 อึดใจ วรยุทธของจางเซวียนก็ร่วงหล่นลงไป กลายเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์

นอกจากวรยุทธของพลังปราณ เขายังจัดการกดข่มประสิทธิภาพการต่อสู้และวรยุทธของจิตวิญญาณด้วย ดังนั้น หากไม่นับรวมการที่เขาสามารถทำความเข้าใจเทคนิควรยุทธที่อยู่ในขั้นราชันย์เทพเจ้า เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่านักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์คนหนึ่ง ต่อให้จอมราชันย์ก็ไม่อาจมองทะลุการปลอมตัวครั้งนี้ได้

หลัวฉีฉีรีบทำแบบเดียวกัน เธอใช้ความสามารถที่เกี่ยวกับมิติสกัดกั้นพละกำลังของตัวเองไว้ ทำให้วรยุทธตกฮวบไปเป็นนักรบกึ่งสรวงสวรรค์

ส่วนไก่น้อย มันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก “ผมว่าคุณคืนน้ำเต้าของผมมาจะดีกว่า…”

หลังจากที่มันกลายเป็นไก่ จางเซวียนก็เก็บน้ำเต้าไว้กับตัวมาตลอด

“ได้สิ”

เมื่อได้น้ำเต้ามา ไก่น้อยมุดเข้าไปและกลายร่างเป็นน้ำเต้าตงฉู่ สิ่งนี้ลดระดับวรยุทธของมันลงไปมากเช่นกัน

หลังจากเตรียมตัวพร้อม มนุษย์ 2 คนกับน้ำเต้าลูกหนึ่งก็รีบเดินเข้าสู่สัญญาณไฟ

ฟึ่บ!

แรงกดดันมหาศาลของมิติถาโถมเข้าใส่พวกเขา สายฟ้าสวรรค์มากมายนับไม่ถ้วนเปล่งประกายเกรี้ยวกราดอยู่รอบตัว

แม้ทุกคนจะพยายามลดระดับวรยุทธอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ดูเหมือนสรวงสวรรค์ของมิติเบื้องบนจะยังคงมองพวกเขาเป็นผู้บุกรุกและพยายามต่อต้านอย่างเต็มที่

เมื่อถูกโจมตีไม่หยุดหย่อน สุดท้ายทั้งสามก็ลงเอยด้วยการได้รับบาดเจ็บกว่าจะเอาชนะการทดสอบสายฟ้าเพื่อเข้าสู่มิติเบื้องบนได้

ในตอนนั้นเอง พวกเขาพบตู้ชิงหย่วนกับหวู่เฉินยืนหน้าซีดเผือดอยู่เหนือมหาสมุทรกว้างใหญ่ มีแท่นบูชาอันหนึ่งที่กำลังเรืองแสงลอยอยู่ไม่ห่างออกไป

เมื่อมองรอบตัว ก็พบว่าทุกคนอยู่ที่ทะเลว่างเปล่า สถานที่ที่หลัวลั่วชิงลงมาเมื่อคราวก่อน ในครั้งนั้นเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้เลือดไหลปนไปกับน้ำในมหาสมุทร เปื้อนหินที่อยู่โดยรอบ

จางเซวียนเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทำไมแม้แต่จอมราชันย์อย่างหลัวลั่วชิงถึงยังได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อเข้าสู่มิติเบื้องบน

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สรวงสวรรค์ของมิติเบื้องบนเล่นงานเธออย่างหนัก หลัวลั่วชิงจำต้องลดระดับวรยุทธลง ทำให้ผ่านการทดสอบสายฟ้าได้ยาก

“คารวะนายน้อย!”

“คารวะเจ้าสำนักจาง!”

หวู่เฉินกับตู้ชิงหย่วนโค้งคำนับอย่างงาม

ข่าวที่พวกเขาได้รับคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณจะลงมาหา จึงไม่คิดว่าจะได้พบจางเซวียน

เขากลายเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ไปตำหนักคว้าดาวกันก่อนเถอะ”

จางเซวียนฉีกกระชากมิติและเดินทางสู่ตำหนักคว้าดาวโดยไม่ลังเล

แม้เขาจะเป็นแค่นักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ แต่ด้วยการควบคุมพลังปราณและความเข้าใจอย่างล้ำลึกที่มีต่อมิติ จางเซวียนจึงสามารถเปิดช่องว่างของมิติได้อย่างง่ายดาย

เมื่อมาถึงตำหนักคว้าดาว เขาสำรวจโดยรอบ และพบว่ามีนักรบเสมือนอมตะ นักรบอมตะตัวจริง และนักรบอมตะขั้นสูงเพิ่มขึ้นอีก จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ

“ดูเหมือนมิติเบื้องบนจะพัฒนาได้เร็วทีเดียว…”

“ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เรามีนักรบ 30 คนที่สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ และอีกกว่า 200 คนที่ได้เป็นนักรบอมตะขั้นสูง ส่วนวรยุทธขั้นอื่นๆก็มีมากกว่านั้นอีก” ตู้ชิงหย่วนตอบยิ้มๆ

เวลาในสรวงสวรรค์ผ่านไปเพียง 1 เดือน แต่สำหรับมิติเบื้องบน เวลาผ่านไป 10 ปีแล้ว

10 ปีอาจไม่สลักสำคัญอะไรหากเปรียบเทียบกับอายุขัยยาวนานของเหล่านักรบ แต่หลังจากที่จางเซวียนเอาชนะตัวโคลนของปรมาจารย์ขงได้ ทรัพยากรที่ถูกหอนิรันดร์ฮุบไว้ก็ได้รับการจัดสรรปันส่วนให้กระจายไปทั่วถึงทั้ง 6 สำนัก และหอนิรันดร์ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองจากกลุ่มอำนาจใดๆอีก

ดังนั้น จำนวนนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์และอมตะขั้นสูงจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

จำนวนผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่มขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมามีมากกว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญที่มิติเบื้องบนบ่มเพาะได้ตลอดสี่พันปีก่อนเสียอีก

จางเซวียนพยักหน้ารับ เขาใช้การรับรู้จิตวิญญาณกวาดทั่วตำหนักคว้าดาว ครู่เดียวก็ตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ “นั่นหยู่เฟยเอ๋อกับหูเหยาเหย่าใช่ไหม?”

สุภาพสตรี 2 คนปรากฏตัวในการรับรู้จิตวิญญาณของเขา ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยู่เฟยเอ๋อกับหูเหยาเหย่าจากทวีปแห่งปรมาจารย์