ตอนที่ 3115 ในท้องฟ้าและบนผืนดิน ข้าเก่งที่สุด

Super God Gene

ตอนที่ 3115 ในท้องฟ้าและบนผืนดิน ข้าเก่งที่สุด

 

หานเซิ่นหลี่ตา เขาต้องการจะเคลื่อนที่ผ่านตัวหมากและไปปรากฏตัวต่อหน้าของราชครูเทาซันด์ไมล์รีช

 

ไม่สําคัญว่าราชครูเทาซันด์ไมล์รีชจะแข็งแกร่งขนาดไหน ยังไงซะเขาก็ไม่แข็งแกร่งเท่าหาน

 

ในโลกใบนี้เมื่อเผชิญหน้ากับหานเซิ่น ทุกคนก็เป็นเหมือนกับนักเวทย์ ขณะที่หานเซิ่นเป็นนักรบ ถึงแม้ร่างกายของหานเซิ่นจะถูกจํากัดโดยกฎของโลกใบนี้ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังคงอยู่ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เขาจะเอาชนะราชครูเทาซันด์ไมล์รีช

 

แต่ทว่าในจังหวะที่เขากําลังรวบรวมพลังเพื่อจะเคลื่อนไหว จู่ๆเขาก็หยุดชะงัก เขามองไปยังตัวหมากที่กําลังพุ่งลงมา โดยที่เขาเพิ่งจะรู้สึกตัวถึงบางสิ่ง

 

เนื่องจากร่างกายของเขาถูกจํากัดโดยโลกใบนี้ ความสามารถในการสัมผัสสิ่งต่างๆจึงต้อยลงไปมาก นอกจากการมองเห็นและการได้ยินที่คนธรรมดาทั่วไปมีแล้ว เขาแทบจะไม่มีประสาทสัมผัสพิเศษอื่นๆ

 

ตามหลักทฤษฎีในตอนที่หานเซิ่นใช้พลังจากร่างกาย เขาจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่รุนแรงจากกฏของโลกใบนี้ มันเหมือนกับการเดินภายใต้น้ําตก

 

แต่ในครั้งนี้เมื่อหานเชิ้นรวบรวมพลัง เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันนั้น

 

“โลกหมากรุกนี้ไม่ใช่โลกความเป็นจริง มันเป็นแค่โลกในจิตใจเท่านั้น”

 

ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่กําลังเกิดขึ้นนี้เป็นเพียงแค่ภาพหลอนเท่านั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง ร่างกายของเขายังคงนั่งอยู่ตรงหน้ากระดานและเล่นหมากกับราชครูเทาซันด์ไมล์รีช ร่างจริงของเขาไม่ได้อยู่ภายในโลกใบนี้

 

“ถึงพลังโลกในจิตใจแบบนี้จะเป็นอะไรที่แปลก แต่การต่อสู้กับเราด้วยพลังแห่งจิตใจเป็นอะไรที่แม้แต่เทพสปิริตก็ไม่อาจจะสู้เราได้” หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

 

การใช้พลังเพื่อนําหานเซิ่นเข้ามาอยู่ในโลกแห่งจิตใจนั้นไม่ต่างอะไรจากการเอาแกะมาไว้ในปากของเสือ ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นรู้ถึงเรื่องนั้น มันก็ใช้กับเขาไม่ได้ผลอีกต่อไป

 

ขณะที่ตัวหมากหินที่เหมือนกับดวงดาวตกลงมา หานเช่นก็ยืนอยู่ในที่ของเขาโดยที่ไม่ได้พยายามจะหลบ เขาแค่มองไปที่มันอย่างใจเย็น

 

ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชเห็นริมฝีปากของหานเซิ่นแสดงรอยยิ้มออกมา ด้วยเหตุผลบางอย่างืหัวใจของเขาเต้นรัว เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

 

“ไม่มีทาง เขาถูกดึงเข้ามาในโลกหมากรุกของเรา เราเป็นพระเจ้าของที่นี่ เราเป็นคนที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง” ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชคิด

 

เมื่อเห็นว่าตัวหมากกําลังจะมาถึงตัว หานเซิ่นก็พูดอย่างเย็นชา

 

“ท้องฟ้าและผืนดินเป็นเหมือนกับหมากรุก ข้าเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง แต่แล้วมันจะยังไง ถ้าไม่มีตัวหมาก มันก็ไม่มีเกมหมากรุก ถ้าไม่มีข้า มันก็ไม่มีท้องฟ้าและผืนดิน ข้าคือท้องฟ้าและผืนดินท้องฟ้าและผืนดินก็คือข้า”

 

คําพูดของเขาฟังดูบ้ามากๆ ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆเขาก็เห็นตัวหมากที่พุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นหยุดชะงักและเริ่มหมุนวนรอบๆตัวหานเซิ่นเหมือนกับดวงดาว

 

ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชรู้สึกตกใจ เขารีบใช้พลังยืนเรซเพื่อชิงการควบคุมพลังของโลกหมากรุกกลับคืนมา แต่เขาพบว่าไม่อาจจะสั่นคลอนจิตใจของหานเซิ่นได้

 

“เป็นไปไม่ได้? นี่พลังจิตใจของเขาเหนือกว่าเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์อย่างนั้นหรอ?” ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชมองไปที่หานเซิ่นด้วยความแปลกใจ เขาแทบไม่เชื่อในสิ่งที่กําลังเกิดขึ้น

 

“ในท้องฟ้าและบินผืนดิน ข้าเก่งที่สุด ใครก็ตามที่ติดตามข้าจะได้รับการปฏิบัติอย่างดี แต่ใครก็ตามที่ขวางทางของข้าจะต้องตาย” เสียงของหานเซิ่นฟังดูเหมือนกับเสียงของเทพ

 

ตัวหมากหินที่หมุนรอบๆตัวหานเชิ้นถูกเปลี่ยนเป็นมีดแสงที่น่ากลัว มันพุ่งเข้าไปหาราชครูเทาซันด์ไมล์รีชเหมือนกับคลื่นที่จะทําลายท้องฟ้าและผืนดิน

 

เป็นอย่างที่หานเซิ่นคิดเอาไว้ ร่างกายของพวกเขายังคงนั่งอยู่หน้ากระดาน เหมือนกับว่าพวกเขาแค่เล่นเกมหมากฮอสกันตามปกติ

 

“มิสเตอร์หยาง มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรอ? พวกเขาเดินหมากไปแค่ตาเดียวเอง แต่จู่ๆหานเซิ่นกับราชครูก็หยุดนิ่งไป” ฉินไป๋มองไปที่ทั้งสองคน เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

“องค์รัชทายาท ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” มิสเตอร์หยางตอบ

 

ไม่ไกลออกไป หลี่ปิงหยูมองฉินไปจากด้านหลังอย่างลําบากใจ

 

“ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชใช้โลหิตชีพจรเทพสปิริตของเขา เขาเป็นขุนนางเลือดพระเจ้าขั้นสูงที่มียีนเรซระดับเทพเจ้าร่างสุดยอดที่มีชื่อว่าเชสส์เวิลด์ทีชเชอร์ พลังของเขาไม่ใช่สิ่งที่หานเพิ่นจะรับมือได้ หานเซิ่นเพิ่งจะทําความผิดพลาดครั้งใหญ่ ถ้าจิตใจของเขาถูกทําลายและองค์รัชทายาทฉินไป๋ถูกพาตัวกลับไป เขาก็ต้องตาย นี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเราที่จะลอบสังหารฉินไป๋”

 

ถึงแม้เธอจะคิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ทั้งปราสาทของตระกูลเฟิงนั้นถูกล้อมไปด้วยทหารองครักษ์ มันยังมียอดฝีมือมากมายอยู่ที่นี่ ถ้าเธอลอบสังหารฉินไป๋ เธอก็จะไม่มีที่ให้หนี แต่ถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไป เธอก็อาจจะไม่มีโอกาสอีก

 

“ถ้าได้ตัดเชื้อสายทางราชวงศ์ของอาณาจักรฉิน ถึงแม้จะต้องสังเวยด้วยชีวิตมันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่า” หลี่ปิงหยูทําการตัดสินใจ เธอตัดสินใจที่จะฆ่าฉันไป แต่ทันใดนั้นเธอก็ต้องตกใจและหันไปมองด้านหลัง

 

เธอเห็นเจียงปู้กู่ถือชุดถ้วยชาเดินเข้ามาทางพวกเขาจากระยะไกล เขามีรอยยิ้มที่ดูบริสุทธิ์ใจ

 

หลี่ปิงหยูหยุดความคิดที่จะลอบสังหารฉินไป๋ในทันที เธอไม่อาจทําแบบนั้นต่อหน้าหานเซิ่นหรือเจียงปู้กู่ ถึงตอนนี้หานเซิ่นจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของราชครูเทาซันด์ไมล์รีช แต่มันยังมีเจียงปู้กู่อีกคนที่เธอต้องระวัง

 

ถึงแม้เจียงปู้กู่สาบานว่าเขาจะไม่ใช้พลัง แต่เขาเคยเป็นราชครูของอาณาจักรฉิน เขาเป็นอาจารย์ของราชาจิงเจิ้น หลี่ปิงหยูไม่คิดว่าเขาจะนิ่งเฉยและปล่อยให้เชื้อสายของราชวงศ์ถูกฆ่าตาย

 

“แต่ถ้าเราไม่ลงมือในตอนนี้ เราก็จะไม่มีโอกาสอีก” ขณะที่หลี่ปิงหยูยังคงลังเล ที่กระดานหมากรุกก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว

 

หลี่ปิงหยูหันไปมองและเห็นราชครูเทาซันด์ไมล์รีชกระอักเลือดออกมา ก่อนที่จะล้มลงไปกับ

 

ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชที่นอนลงไปกับพื้นมองไปที่หานเซิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ ใบหน้าของเขาซีดเผือกและหนวดเคราสีขาวของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือด

 

ผู้คนที่อยู่รอบๆตกตะลึง พวกเขาต่างสงสัยว่าทําไมราชครูเทาซันด์ไมล์รีชถึงกลายเป็นแบบนั้นหลังจากที่เดินหมากแค่ตาเดียว

 

“ราชครูไม่เคยเล่นหมากรุกมาก่อน มันเป็นเรื่องปกติที่ราชครูจะไม่รู้วิธีเล่น ราชครูไม่จําเป็นต้องฝืนตัวเอง”

 

ฉินไป๋รีบเข้าไปพยุงราชครูเทาซันด์ไมล์รีชขึ้นมาพร้อมกับพูดปลอบเขา แต่ฉินไป็กําลังรู้สึกดีใจ ภายในเขาคิดกับตัวเองว่า “หานเซิ่นทรงพลังมาก เขาทําให้ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชกลายเป็นแบบนี้ ด้วยการที่มีหานเขินอยู่ข้างกาย มันจะไม่มีใครรังแกเราได้อีก”

 

ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชถูกพยุงขึ้นมาโดยฉินไป๋ เขาชี้ไปที่หานเซิ่นและต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่อยู่ข้างๆหานเซิ่น คนๆนั้นกําลังถือชุดถ้วยชาอยู่

 

“นายน้อย น้ําชาได้แล้ว” เจียงปู้กู่วางถ้วยชาลงตรงหน้าหานเซิ่น

 

ในตอนที่ราชครูเทาซันด์ไมล์รีชเห็นใบหน้าของเจียงปู้กู่ เขาก็รู้สึกตกใจจนลูกตาเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า มันเหมือนกับว่าเขาเพิ่งจะเห็นผี เขาสลัดแขนของฉันไปออกไปและก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะโค้งคํานับ “ราชครูเจียง ทําไมคุณถึงมาอยู่ที่นี้?”

 

“นายท่านจําคนผิดแล้ว ข้าเป็นแค่คนรับใช้ของนายน้อยหาน ข้าไม่ใช่ราชครู” เจียงปู้กู่วางถ้วยชาลงตรงหน้า ก่อนที่จะบอกให้เขาเพลิดเพลินกับชาและเดินจากไป