จ้าวเหมิงลู่ มี่ไล หวงซี และคนอื่น ๆ ต่างแยกย้ายกันยืนล้อมตึก ซึ่งเป็นที่สถิตของเต๋าทั้งห้าธาตุของสำนักเบญจธาตุเพื่อป้องกันไม่ให้ใครหน้าไหนก็ตามเข้าไปรบกวนหลิงตู้ฉิง
ในตอนนี้พวกนางเป็นผู้สำเร็จเต๋าหมดแล้ว แถมพวกนางทุกคนยังมีอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปไม่มีทางผ่านด่านพวกนางไปได้แน่นอน
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง ในขณะนี้เขาเข้าไปด้านในตึกพร้อมกับง้าวเทวะพินาศ
เมื่อเข้าไปด้านใน ง้าวเทวะพินาศแปลงกายเป็นหมาสีทองเหมือนเดิม จากนั้นมันเดินไปหลบมุมอยู่แต่คราวนี้มันไม่ได้นอนลงเหมือนอย่างที่มันเคยชอบทำ มันยืนเฝ้าอยู่แบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง
นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของเจ้านายมัน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถผ่อนคลายได้เหมือนที่ผ่านมา
ที่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ ดวงแสงยักษ์ 5 ดวง ซึ่งแต่ละดวงมีสีที่แตกต่างกัน 5 สี พวกมันมีขาว ซึ่งคือโลหะ เขียวคือไม้ แดงคือไฟ เหลืองคือดิน และฟ้าคือน้ำ ล่องลอยเปล่งอำนาจราวกับไร้ที่สิ้นสุดอยู่
“สถานที่แห่งนี้นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มหัศจรรย์ที่สุดของโลกจริง ๆ” หลิงตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มชื่นชม
หากเขาต้องการเพียงแค่เต๋า โลหะ ไม้ ดิน น้ำ ไฟ เขาไม่จำเป็นต้องถ่อมาถึงที่นี่เลย เขาหามันจากที่อื่นก็ได้ เหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพราะเต๋า 5 ธาตุของที่นี่มันเหนือกว่าเต๋าธาตุแบบเดียวกันที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด มันคือเต๋าธาตุหลักที่เก่าแก่ที่สุดหรืออาจจะเรียกได้ว่าพวกมันคือต้นกำเนิดแห่งเต๋า 5 ธาตุทั้งปวง
หลังจากยืนชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง หลิงตู้ฉิงเดินเข้าไปหาเต๋าทั้ง 5 ธาตุและนั่งลง จากนั้นเขาก็เริ่มดูดซับพลังจากพวกมันมาบ่มเพาะร่างเบญจธาตุของเขา ส่งผลให้ร่างเบญจธาตุของเขาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ
ราว 20 ปีต่อมา หลิงตู้ฉิงก็สำเร็จร่างเบญจธาตุอย่างสมบูรณ์
แต่นี่ยังไม่จบขั้นตอนการสำเร็จเต๋าของเขา เมื่อบ่มเพาะร่างเบญจธาตุสำเร็จ หลิงตู้ฉิงหยิบกงล้อเบญจธาตุขึ้นมาด้วยสีหน้าตึงเครียด
จากนั้นเขาเรียกดอกไม้เทวะหยินหยาง ดอกไม้ฟื้นชีพ สาหร่ายปริศนาและสมุนไพรทั้งหมดที่อยู่ด้านในให้ออกมาและพูดกับพวกมันว่า “เหตุการณ์ที่พวกเจ้าจะได้เห็นต่อจากนี้คือวาสนาสูงสุดของพวกเจ้า และหลังจากนี้พวกเจ้าสามารถเลือกเส้นทางของตัวเองได้เลยว่าจะติดตามข้าต่อไป หรือจะจากไปตามเส้นทางของพวกเจ้าเอง”
บรรดาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายต่างมองหน้ากันด้วยความงุนงงกับสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูด แต่แล้วเมื่อพวกมันเห็นว่าหลิงตู้ฉิงแยกกงล้อเบญจธาตุออกเป็นชิ้น ๆ และนำไฟแรกกำเนิด น้ำแรกกำเนิด ดินแรกกำเนิด ไม้แรกกำเนิดและโลหะแรกกำเนิดออกมา สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที
ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่รู้ว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังทำอะไร แต่พวกมันก็เดาได้ว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะไม่งั้นเขาคงไม่ทำอะไรแบบนี้
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงส่งพลังธาตุแรกกำเนิดเหล่านี้เข้าไปหลอมรวมกับอาณาเขตสวรรค์ของเขา จากนั้นเขาปลดผนึกที่ยับยั้งพลังของพวกมันทั้งหมด ส่งผลให้พลังที่อัดแน่นอยู่ในพวกมันปะทุออกอย่างรุนแรงด้านในอาณาเขตสวรรค์ของเขา
แน่นอนว่าการปะทุที่รุนแรงขนาดมันจะต้องส่งผลต่อสำนักเบญจธาตุแน่นอน ถึงแม้ว่ามันจะปะทุด้านในอาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงก็ตาม
“นี่เขากำลังทำบ้าอะไรกัน!?” บรรดาผู้คนของสำนักเบญจธาตุต่างแสดงสีหน้าตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตื่นตระหนกและอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตรงบริเวณที่หลิงตู้ฉิงอยู่นั้นมีผู้สำเร็จเต๋าถึง 6 คนคอยคุ้มกันอยู่ และนี่ยังไม่รวมไปถึงง้าวเทวะพินาศที่พวกเขาหวาดกลัวที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงซึ่งกำลังแสดงสีหน้าตึงเครียดก็ค่อย ๆ ควบคุมให้พลังธาตุแรกกำเนิดที่ได้มาจากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับลอยเข้าไปหาเต๋าธาตุทั้งห้าของสำนักเบญจธาตุ
อันที่จริงพลังธาตุแรกกำเนิดเหล่านี้หากมันเป็นของที่สมบูรณ์แบบจากโลกที่สมบูรณ์จริง ๆ ไม่ใช่จากเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นโลกที่ไม่สมบูรณ์ หลิงตู้ฉิงจะไม่มีทางควบคุมพวกมันได้ง่าย ๆ แบบนี้ทั้งที่ตัวเขาเองยังอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิ
เมื่อพลังธาตุแรกกำเนิดทั้งห้าเคลื่อนเข้าไปใกล้กับเต๋าทั้ง 5 ธาตุของสำนักเบญจธาตุ พวกมันก็กลับเริ่มต่อต้านกันราวกับว่าพวกมันทั้งสองฝ่ายเป็นคู่อริที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ พวกมันต่างซัดสาดพลังใส่กัน ไฟเจอกับไฟ น้ำเจอกับน้ำ โลหะปะทะกับโลหะ ไม้ทำลายไม้ ดินพุ่งชนกับดิน
อย่างไรก็ตามหากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าทุกครั้งที่ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกัน ส่วนหนึ่งของพวกมันจะค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ ในทุกครั้งที่ปะทะ
จากนั้นเมื่อผ่านไปพักใหญ่ เต๋าทั้งห้าธาตุของสำนักเบญจธาตุและพลังธาตุแรกกำเนิดทั้งห้าก็สลายหายไปจนหมด แต่มันกลับมีสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือกลุ่มหมอกสีเทาหนาแน่นที่ล่องลอยอยู่บริเวณการปะทะ
หลิงตู้ฉิง เมื่อเห็นเช่นนี้เขาใช้อาณาเขตสวรรค์ของเขาดูดซับหมอกสีเทาเหล่านั้นทันทีให้พวกมันเข้ามาหลอมรวมกับอาณาเขตสวรรค์ของเขาเอง
“พลังธาตุโกลาหล!” ดอกไม้เทวะหยินหยางตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง
มันเข้าใจว่าหนึ่งในพลังที่ประกอบอยู่ในหมอกสีเทานั้นคือพลังธาตุโกลาหล แต่พลังอื่น ๆ ที่ผสมรวมอยู่ด้วยนั้นมันไม่รู้เลยว่าคืออะไร
ดอกไม้ฟื้นชีพเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงุนงง “ทำไมข้าถึงเห็นว่ามันเป็นพลังแห่งชีวิต?”
ในขณะที่ดอกไม้เทวะหยินหยางเห็นว่ามันคือพลังธาตุโกลาหล แต่ดอกไม้ฟื้นชีพกลับเห็นว่ามันเป็นพลังแห่งชีวิต แถมพลังแห่งชีวิตนี้มันหนาแน่นเป็นอย่างมากจนมันแน่ใจว่าถ้ามันสามารถดูดซับพลังแห่งชีวิตนี้เข้าไปได้ทั้งหมด มันจะสามารถกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งได้แน่นอน
แต่น่าเสียดายที่มันเองก็รู้สึกอีกว่าพลังแห่งชีวิตนี้มันหนาแน่นมากเกินไป ถ้ามันเข้าไปสัมผัสพลังแห่งชีวิตนี้เมื่อไหร่ร่างของมันคงระเบิดออกก่อนที่จะสามารถพัฒนาไปเป็นสิ่งมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งได้ทัน
หลิงตู้ฉิงใช้เวลาในการดูดซับหมอกสีเทาให้เข้ามาหลอมรวมกับอาณาเขตสวรรค์ของเขาเป็นเวลาถึง 100 ปี
หลังจากหมอกสีเทาเข้าไปหลอมรวมกับอาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงจนหมด อาณาเขตสวรรค์ของหลิงตู้ฉิงก็เริ่มก่อตัวให้สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่การก่อตัวจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านี้อยู่ไม่นานนักท้ายที่สุดอาณาเขตของหลิงตู้ฉิงก็หลอมรวมเข้าไปหนึ่งกับเดียวกับโลกและสวรรค์ และไม่สามารถถูกมองเห็นหรือสัมผัสได้จากผู้อื่นเหมือนเดิม และยิ่งไปกว่านั้นบรรดาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่มองดูเหตุการณ์อยู่พวกมันก็รู้ได้ด้วยตัวเองแล้วว่าคำพูดของหลิงตู้ฉิงหมายถึงอะไร และพวกมันควรที่จะเลือกเส้นทางไหนในอนาคต จากนั้นร่างของพวกมันทั้งหมดก็ค่อย ๆ หายไปเช่นกัน…