ตอนที่ 927 ประกาศศักดา (3)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

เดิมทีโจโควิชนุ่งเสื้อผ้าหลวมโคร่ง แต่เมื่อร่างกายขยายส่วนขึ้นกะทันหัน เสื้อผ้าชุดนั้นก็ตึงออกจนปริขาดไป กล้ามเนื้อสีทองแดงของโจโควิชจึงเผยออกมาจนหมด

“พระเจ้า นี่ยังใช่คนอยู่ไหมเนี่ย?”

“ก…เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ทำไมบนตัวเขาถึงได้มีขนยาวแบบนั้น?”

“หรือ…หรือว่าเขาจะแปลงร่างเป็นหมีขั้วโลกได้? เอ่อ ไม่สิ น่าจะเป็นหมีควายมากกว่า!”

ขณะเดียวกันกับที่ร่างของโจโควิชขยายใหญ่ขึ้น ร่างกายของเขายังเกิดความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ขึ้นอีกด้วย บนผิวหนังเปลือยเปล่าที่เผยออกมานั้น มีขนสีดำยาวสองนิ้วเศษงอกออกมาหนึ่งชั้นอย่างรวดเร็ว ปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา

นอกจากนี้ ศีรษะของโจโควิชยังขยายกว้างออกด้านข้างอีกด้วย รูจมูกที่งุ้มลงกลับหงายเปิดขึ้นมาด้านหน้า แลดูคล้ายกับหมีควายในป่าทึบอยู่มาก แม้แต่แววตาก็ยังมีความดุดันเจืออยู่ ไม่หลงเหลือความสุขุมเยือกเย็นอย่างเมื่อครู่อีกเลย

เหตุการณ์นี้ทำให้คนทั้งหลายในที่ประชุมนั้นต่างตกตะลึงเหลือหลาย และวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงดังอย่างอดไม่ได้ และส่วนมากก็เป็นเพียงคนที่บรรดาประเทศเล็กๆ ส่งมาเพื่อให้ไม่ขาดองค์ประชุมเท่านั้น ไหนเลยจะเคยพบเห็นเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้ จึงต่างสูดลมหายใจเย็นเยือกอย่างใจหายกันคนละเฮือก สีหน้าก็ดูตื่นตระหนกยิ่ง

แน่นอนว่า ผู้มีพลังพิเศษบางกลุ่มที่มาจากกองทัพของบางประเทศอย่างเช่นแดร็กคูล่านั้น กลับมีสีหน้าปกติดังเดิม ก่อนหน้านี้นามของโจโควิชยังไม่เป็นที่รู้จัก เขาเพิ่งจะปรากฏตัวในวงการหลังจากที่ได้รับพันธุกรรมของบุคคลลึกลับผู้นั้นมาแล้ว และอันที่จริงประเทศอื่นๆ ก็มีการวิจัยในด้านนี้ไม่น้อยไปกว่ารัสเซียเลย

“เวรกรรม นี่ยังใช่คนอยู่รึเปล่าเนี่ย? อย่าบอกนะว่า คนรัสเซียจะมีรสนิยมหนักหน่วงถึงขั้นให้คนไปมีลูกกับหมีควายเลย?”

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ สีหน้าของเยี่ยเทียนก็เริ่มจะดูแปลกๆ ขึ้นมา ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินแต่ว่า ในเสินหนงเจี้ยมีมนุษย์วานรอยู่ ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะได้เปิดหูเปิดตา เจอกับมนุษย์หมีตัวเป็นๆ แบบนี้ เยี่ยเทียนคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่า พลังภายในร่างกายของโจโควิชนั้น จะทำให้เขาแปลงสภาพเป็นแบบนี้ได้

สมัยก่อนเยี่ยเทียนเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่า แต่นั่นก็เป็นเพียงเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูจากสุนัขป่าตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่เท่านั้น อย่างโจโควิชที่สามารถแปลงร่างเป็นตัวประหลาดหน้าตาคล้ายหมีควายได้นี้ เยี่ยเทียนเองก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน ไม่ต่างกับผู้มีพลังพิเศษจากประเทศเล็กๆ เหล่านั้นเลย

แต่เยี่ยเทียนไม่รู้ว่า สาเหตุที่โจโควิชสามารถแปลงกายได้นั้น แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องกับตัวเขาอย่างมาก

เมื่อครั้งที่ไปรัสเซียนั้น เยี่ยเทียนก่อเรื่องจนติงหงโมโหคลุ้มคลั่ง ปลดปล่อยพลังฝีมือของตนออกมาจนหมด ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นการชักนำภัยสวรรค์มา ตอนนั้นติงหงยังมีพลังฝีมืออยู่เพียงระดับเซียนเทียนช่วงปลายเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตลงภายใต้อัสนีสวรรค์

หลังจากติงหงตายไป ร่างที่ถูกอัสนีผ่าจนไหม้เกรียมราวกับถ่านนั้นก็กลายเป็นสมบัติล้ำค่าของรัสเซียไป แม้ว่าภายหลังจะถูกแยกชิ้นส่วนไปไม่น้อย แต่รัสเซียก็ยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลประโยชน์ไปมากที่สุด และสกัดเซลล์พันธุกรรมที่มีชีวิตมาได้ชนิดหนึ่งจากร่างของติงหง

การวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า พันธุกรรมที่มีชีวิตชนิดนี้สามารถทำหน้าที่เป็นสารเชื่อมประสาน ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงในการตัดต่อผสมพันธุกรรมของมนุษย์และของสัตว์ลดลงอย่างมาก และหากประสบความสำเร็จ มนุษยชาติก็จะได้ลักษณะจำเพาะหรือไม่ก็พลังอันแข็งแกร่งของสัตว์บางชนิดมาไว้ในครอบครอง

หลังจากผ่านการพิสูจน์อย่างละเอียดและได้ทดลองกับสัตว์แล้ว พันธุกรรมชนิดนี้ก็ถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายของกลุ่มตัวอย่างซึ่งมาจากกองทัพ โจโควิชก็คือผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาตัวอย่างวิจัยนับร้อยนั่นเอง และพลังที่เขามีอยู่นั้น ก็เหนือชั้นยิ่งกว่าสัตว์ที่ถูกฉีดพันธุกรรมนี้เข้าไปเสียอีก

“โฮก!”

ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังยืนครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น โจโควิชพลันระเบิดเสียงคำรามดังสะท้านฟ้าออกมาจากปาก สองมือกำหมัดแล้วทุบอกตัวเองหลายที ร่างย่อต่ำลง ขาหลังอันหนาบึกบึนที่ปกคลุมไปด้วยขนสีดำทั้งสองข้างกระทืบลงพื้นอย่างแรง แล้วโถมเข้ามาหาเยี่ยเทียนราวกับเป็นหมีควายตัวหนึ่ง

ยามนี้ในใจของโจโควิชมีแต่เรื่องความตายและการฆ่าฟันเท่านั้น หลังจากปลดปล่อยพลังของพันธุกรรมหมีควายที่อยู่ในร่างกายออกมาแล้ว ความเป็นมนุษย์ของเขาก็ลดลงไปมากกว่าครึ่ง อาศัยเพียงสัญชาตญาณในยามเผชิญอันตราย จึงเห็นเยี่ยเทียนเป็นศัตรู

“มาเลย!”

เมื่อเห็นว่าโจโควิชโถมเข้ามาพร้อมกับเสียงลมที่ดังไปทั่วบริเวณนั้น เยี่ยเทียนก็ตาลุกวาวขึ้นมาวาบหนึ่ง ร่างไม่ถอยแต่กลับตรงเข้าไปรับหน้า ฝ่ามือขวาปัดเบาๆ ไปทางโจโควิชที่กำลังโถมเข้ามา

“ปัง!” เกิดเสียงดังสนั่น ฝ่ามือของเยี่ยเทียนที่ดูไม่มีพิษสงเลยสักนิดนั้น โจโควิชกลับไม่อาจหลบหลีกได้ หลังจากที่ฝ่ามือของทั้งสองฝ่ายซึ่งมีขนาดต่างกันลิบลับนั้นปะทะกัน แรงที่ระเบิดออกมาก็ถึงกับทำให้อากาศในบริเวณนั้นเกิดคลื่นเป็นริ้วๆ

แต่ผลจากการประฝ่ามือนั้น กลับทำให้คนทั้งหลายต่างตาเบิกโพลง เพราะเยี่ยเทียนผู้มีร่าง ‘ผอมลีบ’ นั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่โจโควิชผู้มีร่างใหญ่ยักษ์นั้น กลับปลิวกระเด็นขึ้นไปสูงลิ่ว แล้วตกลงมาอย่างหนักหน่วงห่างออกไปราวเจ็ดแปดเมตร

“แม่เจ้าโวย นี่มันแกร่งยิ่งกว่าหมีควายอีกนะเนี่ย!”

“มิน่าล่ะถึงได้อวดเบ่งขนาดนั้น ที่แท้ก็มีฝีมืออยู่นี่เอง!”

ในชั่วขณะนั้น ที่ประชุมเงียบสงัดลงผิดปกติ แต่ในใจของทุกคนนั้นกลับกำลังขบคิดไม่หยุด พวกเขาต่างเริ่มประเมินพลังต่อสู้ของเยี่ยเทียนใหม่อีกครั้ง บ้างก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ บ้างก็ไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากที่โจมตีออกไปหมัดหนึ่ง เยี่ยเทียนก็ไม่ได้โจมตีต่อ แต่ยืนอยู่ที่เดิมและพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า

“โดนฉีดสารพันธุกรรมแล้วยังรอดมาได้ ก็นับว่าดวงแข็งอยู่ ผมจะไม่ฆ่าคุณ!”

พอเยี่ยเทียนพูดจบ ร่างอันใหญ่มโหฬารของโจโควิชที่ล้มอยู่บนพื้นก็กลับย่อส่วนลงอย่างรวดเร็วราวกับลูกโป่งที่ลมรั่วออกมา ภายในเวลาเพียงชั่วหนึ่งลมหายใจ เขาก็ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมแล้ว เพียงแต่ว่า ร่างทั้งร่างนั้นโล้นเตียนเกลี้ยงเกลา ไม่มีขนสีดำปกคลุมอีกแล้ว เจ้ายักษ์ใหญ่ที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างนั้นจึงเผยออกมาด้วย

หลังจากร่างกายแปลงกลับสู่สภาพเดิมอย่างกะทันหัน โจโควิชจ้องมองเยี่ยเทียนอยู่นานหลายนาทีอย่างกับเห็นผี แล้วจึงอ้าปากพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้งว่า

“คุณเยี่ย ข…ขอบคุณนะ!”

ในสนามประลองขนาดใหญ่เช่นนี้ ไม่มีใครตกตะลึงยิ่งกว่าโจโควิชอีกแล้ว เนื่องจากมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า หลังจากแปลงกายแล้ว จะต้องใช้พลังงานในร่างกายให้หมดเสียก่อน จึงจะสามารถฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้

แต่ขณะที่ประฝ่ามือกันเมื่อครู่นั้น โจโควิชถึงกับถูกฟาดจนกลับคืนสู่ร่างเดิมทันที พันธุกรรมหมีควายในร่างกายก็สลายตัวกลับไปเอง ราวกับพบสิ่งมีชีวิตที่มีระดับสูงกว่าตัวเอง ไม่ยอมรับการควบคุมของโจโควิชอีก

นี่ทำให้โจโควิชเกิดความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงไปทันที และเขาก็รู้แล้วว่า หากไม่ใช่เพราะเยี่ยเทียนยั้งมือไว้ไมตรี ตนก็คงจะมีจุดจบไม่ต่างจากชาวญี่ปุ่นคนนั้นเท่าไรนัก เขาได้รับการฉีดสารพันธุกรรมของสัตว์จำพวกหมี กะโหลกศีรษะก็อาจจะถูกระเบิดกระจุยได้ไม่ต่างกับคนปกติ

เมื่อหันหลังกลับไปทางอัฒจันทร์ แขนขวาของโจโควิชยังคงห้อยตกอยู่ข้างลำตัว ไม่มีใครรู้ว่า ในระหว่างการปะทะกัน เมื่อครู่นี้ กระดูกแขนขวาของเขาได้หักไปทั้งแขนแล้ว ไม่อย่างนั้นโจโควิชก็คงจะไม่ใช้มือซ้ายปิดป้องเจ้าน้องชายที่อยู่ข้างล่างนั่นหรอก

“ก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เส้นทางที่ถูกที่ควรอยู่ดี แบบนี้อายุขัยของเขาคงจะไม่ยืนยาวเท่าไรนักหรอก”

เมื่อครู่เยี่ยเทียนใช้แรงไปเจ็ดส่วน ที่โจโควิชแค่แขนเจ็บไปข้างเดียวนั้นก็ถือว่าเก่งกาจมากแล้ว แต่เยี่ยเทียนมองออกว่า การดัดแปลงพันธุกรรมนี้มีข้อเสียอยู่ นั่นก็คือหลังจากที่ได้ครอบครองพลังของหมีควายแล้ว ระบบบางอย่างที่มีอยู่เดิมในร่างกายของเขาจะเสื่อมสภาพลง สุดท้ายแล้วอาจจะกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสีย

“คุณเยี่ย ไม่ทราบว่าพวกเราจะขอรับการชี้แนะจากคุณสักหน่อยได้หรือไม่?”

ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังจะหันหลังกลับไปยังอัฒจันทร์ เสียงหนึ่งก็พูดขึ้นมาในที่ประชุม คำพูดเหล่านี้ไม่ต้องใช้ล่ามแปลภาษา เยี่ยเทียนก็ฟังรู้เรื่อง เพราะเสียงนี้พูดโดยใช้ภาษาอังกฤษแท้ๆ เจือสำเนียงลอนดอน

“อัศวินโต๊ะกลม?”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเยี่ยเทียนก็หรี่เล็กลง เพลิงโทสะลุกโชนขึ้นมาในใจ นี่ถ้าไม่ได้เห็นการหลั่งเลือด การประกาศศักดานี้ยังไม่สะเทือนขวัญพอใช่ไหม?

“ที่ประชุมมีกฎว่า ห้ามรับการท้าสู้ติดต่อกัน!”

เยี่ยเทียนยังไม่ทันตอบอะไร เสียงของโจวเซี่ยวเทียนก็พูดขึ้นมาก่อน ตอนที่เรธเวทท้าสู้กับแดร็กคูล่าเมื่อก่อนหน้านี้ เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของคนอังกฤษกลุ่มนี้ จึงกลัวว่าอาจารย์จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น

“แน่นอน ถ้าคุณเยี่ยต้องการจะพักก่อน เราก็ไม่ถือสาหากจะต้องรออีกสักพัก!”

เรธเวทซึ่งยืนอยู่ที่ตำแหน่งของประเทศอังกฤษมีอากัปกิริยาสูงสง่าอย่างยิ่ง แม้ว่าความแข็งแกร่งที่เยี่ยเทียนแสดงออกมานั้นจะทำให้เขารู้สึกตกตะลึง แต่ก็ยังไม่พอที่จะทำให้เขาหวาดกลัวได้ ด้วยความโลภในหนังสือวิเศษเล่มนั้น สุดท้ายเรธเวทจึงลุกขึ้นมา

เยี่ยเทียนส่ายหน้า

“ผมไม่จำเป็นต้องพักหรอก แต่คุณน่ะยังแกร่งไม่พอ ถ้าอยากจะประลองกับผม พวกคุณสามคนก็มาสู้พร้อมกันเลย ไม่อย่างนั้น…ผมก็ไม่รับคำท้า!”

“อะไรนะ? หนึ่งต่อสาม?”

“เจ้าหนุ่มนี่นึกว่าตัวเองเป็นพระเจ้ารึไง อัศวินโต๊ะกลมน่ะรับมือได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน?”

ทันทีที่เยี่ยเทียนพูดออกไป ในที่ประชุมก็เริ่มเอะอะวุ่นวายขึ้นมา วันนี้เยี่ยเทียนมีเรื่องมาทำให้พวกเขาประหลาดใจมากมายเกินไปจริงๆ จากเดิมทีที่ควรจะเป็นงานประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างผู้มีพลังพิเศษจากทั่วโลก กลับกลายเป็นงานโชว์เดี่ยวของเยี่ยเทียนไปเสียแล้ว

แม้แต่แดร็กคูล่าก็มีสีหน้าตะลึงไปเช่นกัน เขารู้ดีว่าเรธเวทร้ายกาจขนาดไหน อัศวินเรธเวทซึ่งเป็นทั้งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลของสำนักวาติกัน และยังเป็นหัวหน้าของอัศวินโต๊ะกลมด้วย เขาผู้นี้มีของศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งอยู่ในครอบครอง และก็เป็นเพราะของชิ้นนั้นนั่นเองที่ทำให้แดร็กคูล่ายอมถอยเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับอีกฝ่าย

“คุณพูดจริงหรือ?”

หลังจากอยู่มานานเกือบพันปี เฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างเรธเวทจึงเลิกที่จะพยายามรักษาหน้าตาเหมือนพวกคนหนุ่มไปนานแล้ว ยามนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า

“คุณเยี่ย ความต้องการของคุณข้อนี้เราจัดให้ได้แน่นอน แต่ว่า ถ้าเราเป็นฝ่ายชนะละก็ หวังว่าคุณจะยอมส่งมอบหนังสืออาคมชั่วร้ายที่ตกทอดมาจากซาตานเล่มนั้นให้ทางสำนักวาติกันเราเป็นผู้ดูแล เพื่อไม่ให้มันไปทำร้ายชาวโลกอีก!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเรธเวท คนทั้งหลายในที่ประชุมต่างเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาพร้อมกัน ‘ไร้ยางอาย ไร้ยางอายสิ้นดีเลย!’ ผู้ร่วมประชุมแต่ละคนต่างก็คาดไม่ถึงเลยว่า อัศวินโต๊ะกลมผู้ยิ่งใหญ่แห่งอังกฤษ บุคคลสำคัญอันดับที่สองของสำนักวาติกัน จะถึงกับกล้าเปล่งวาจาที่ไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้

“ทำไมโลกนี้ถึงได้มีพวกที่ภายนอกดูสง่ามีศีลธรรม แต่ข้างในกลับต่ำช้าไร้ยางอายเยอะขนาดนี้นะ?”

เยี่ยเทียนส่ายหน้าเบาๆ แม้ว่าใบหน้าจะยังคงเจือรอยยิ้มจางๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร ถึงเยี่ยเทียนจะฝึกบำเพ็ญถึงระดับเจี่ยตันแล้ว แต่ก็ยังถูกคำพูดเหล่านี้ยั่วโทสะจนเกือบจะด่าพ่อล่อแม่ออกไปแล้ว

“ได้อยู่แล้ว ถ้าพวกคุณเอาชนะหรือฆ่าผมได้ หนังสือเล่มนี้ก็จะกลายเป็นของพวกคุณทันทีเลย!”

เยี่ยเทียนกวักมือ แล้วคัมภีร์เป็นตายที่ตอนแรกอยู่ในมือของโจวเซี่ยวเทียนก็ลอยมาถึงมือเขา สายตาของฝูงชนทั้งหลายมองตามไป และเพ่งไปที่คัมภีร์เป็นตายเล่มนั้นเป็นจุดเดียว!

 ……………………………..