ในใจทุกคนลอบด่าทอว่าหลี่ชิงผิงไร้ยางอาย พูดจาสวยหรู แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่าคิดจะเอาเปรียบ ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ เหตุใดถึงต้องเสแสร้งเช่นนี้
หลี่ชิงผิงย่อมไม่รู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของทุกคน แม้จะรู้ก็คร้านจะใส่ใจ
มีโอกาสเอาเปรียบได้แต่ไม่ทำ เช่นนั้นก็เรียกว่าโง่เขลา!
ฝึกปราณถกมรรค ช่วงชิงทรัพยากร ช่วงชิงวาสนา แก่งแย่งโชควาสนาฟ้าดิน ใครจะยอมสละโอกาสดียิ่งไปอย่างง่ายดายกัน
ทั้งนับประสาอะไรกับที่หลี่ชิงผิงทำเช่นนี้ มีเหตุผลเพียงพออย่างยิ่ง น้องชายของเขาหลี่ชิงฮวนถูกหลินสวินฆ่าตาย!
เพียงอาศัยเหตุผลนี้ ก็สามารถทำให้เขาไม่อาจปล่อยโอกาสกำราบหลินสวินให้หลุดมือไป
“ก็ดี ในเมื่อเจ้าอยากสู้ ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว เช่นนั้นมาสู้กันเถอะ”
หลินสวินหยัดกายขึ้นอย่างโซเซ สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปบนสนามประลองโชควาสนา เท้าเพิ่งแตะพื้นก็อดไม่ได้ที่จะหอบหายใจถี่กระชั้นขึ้นมา ท่าทางอ่อนแอเปราะบางนัก
ทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างอดไม่ได้ลอบถอนใจ เทพมารหลินช่างโชคไม่เข้าข้างเสียจริง
เขาก่อนหน้านี้โอหังและแข็งแกร่งปานไหน แต่ตอนนี้กลับอ่อนแอจนพาให้ผู้คนทนดูไม่ได้
เห็นเช่นนี้หลี่ชิงผิงแทบจะเก็บกลั้นความยินดีปรีดาในจิตใจไว้ไม่อยู่ ปากกลับพูดอย่างเยียบเย็นว่า “หลินสวิน บอกเจ้าก่อนว่าในสายตาของข้ามีเพียงตัวข้าและศัตรู จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่ต่างกัน อีกเดี๋ยวพอข้าลงมือ จะมีไม่มีความปรานีใดๆ”
หลินสวินพยักหน้า “นี่เป็นเรื่องธรรมดา”
“เช่นนั้นก็ไปตายเสียเถอะ!”
หลี่ชิงผิงออกโจมตีอย่างไม่ลังเล สะบัดแขนเสื้อครั้งเดียวแสงมรรคสีม่วงก็ผุดขึ้นเต็มฟ้า แปรสภาพเป็นมือใหญ่สีม่วงแสบตาบดบังฟ้าดิน ตบลงมาอย่างรุนแรง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุพลิกผัน เขาย่อมไม่ออมมือ ใช้พลังที่แท้จริงหมายจะกำจัดหลินสวินในการโจมตีเดียว เช่นนี้แล้วถึงได้ผลลัพธ์น่าครั่นคร้ามที่สุด
สิงโตตีกระต่ายก็ใช้แรงทั้งหมดที่มี เพียงมองจากจุดนี้ก็รู้ว่าหลี่ชิงผิงไม่ได้ชะล่าใจเพราะหลินสวินได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นท่วงท่าต่อสู้อันสง่างามที่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงผู้หนึ่งมีอย่างไม่ต้องสงสัย
เงาร่างหลินสวินไหววูบครั้งหนึ่ง หลบการโจมตีนี้พ้นได้อย่างเสี่ยงเสียยิ่งกว่าเสี่ยง เพียงแต่ร่างของเขาออกจะโซซัดโซเซ ทำให้มีคนไม่น้อยใจหายใจคว่ำแทนเขา
ตูม!
ประทับฝ่ามือตกลงมาจากฟากฟ้าแล้วระเบิดออกบนผืนดิน อานุภาพน่าตื่นตระหนก
ทว่าหลี่ชิงผิงกลับสีหน้าไม่น่าดูอยู่บ้าง ต่อกรกับเทพมารหลินที่อ่อนแอหาใดเทียบผู้หนึ่ง กลับไม่สามารถสังหารได้ในการโจมตีเดียว นี่ออกจะเสียหน้าไปแล้ว
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วประทับฝ่ามือออกไปอีกครั้ง
ประทับฝ่ามือเปล่งประกายปกคลุมห้วงอากาศ รัศมีแสงมรรคพรั่งพรู พลานุภาพแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
ก็เห็นว่าเงาร่างหลินสวินไหววูบ หลบหนีด้วยท่วงท่าชวนหวาดเสียวหาใดเทียบอีกครั้ง แม้ร่างจะยับเยินไปบ้าง แต่กลับไม่บุบสลายแต่อย่างใด
“เจตจำนงต่อสู้ของเทพมารหลินแข็งกล้านัก!” มีคนไม่น้อยตกตะลึง
การโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนคิดว่าเทพมารหลินอาจจะถูกตบจนกลายเป็นเนื้อแหลกเหลว จะคิดได้อย่างไรว่าเขากลับหลบหนีไปได้ราวปาฏิหาริย์
“หลี่ชิงผิง เจ้าไหวหรือไม่กันแน่เนี่ย ต่อกรกับคนอ่อนแอที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งจะต้องเปลืองแรงเช่นนี้เชียวหรือ” จินมู่อวิ๋นยิ้มหยัน กระแนะกระแหนไม่ว่างเว้น
หลี่ชิงผิงส่งเสียงหึ สีหน้าอึมครึม จิตสังหารผุดขึ้นในใจเขา พลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วโคจรวิชามรรคชั้นเลิศ
ตูม!
เห็นว่าบนศีรษะของเขาปรากฏเงามายาสีทองอร่ามเงาหนึ่ง สูงใหญ่หลายสิบจั้ง มีแขนหกแขน รูปลักษณ์น่าเกรงขามประหนึ่งทวยเทพในตำนานบรรพกาลองค์หนึ่ง แผ่กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นสะท้านโลกา
“‘วิชาวิญญาณทองเทพมายา’ ของสำนักยุทธ์สมุทรคราม!” มีคนรุ่นอาวุโสตกตะลึง
ต่อกรกับเทพมารหลินที่อ่อนแรงหาใดเทียบผู้หนึ่ง ถึงกับต้องใช้วิชามรรคที่แข็งแกร่งปานนี้เลยหรือ
‘ต่ำทราม!’
‘ไร้ยางอาย!’
หลายคนต่างลอบตำหนิในใจไม่ว่างเว้น เทพมารหลินอ่อนแอถึงขนาดนี้แล้ว ยังใช้วิชามรรคน่าหวาดหวั่นปานนี้อีก นี่ทำเกินไปอย่างเห็นได้ชัด
หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้จ้าวจิ่งเซวียนก็ต้องขุ่นเคืองเพราะเรื่องนี้
เพียงแต่เวลานี้นางดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ กระทั่งสายตาที่มองไปยังหลี่ชิงผิงเจือไปด้วยความเวทนา
ตูม! ตูม! ตูม!
เงามายาสีทองพุ่งขึ้นมา สามเศียรหกกรหมุนวน นิ้วมือบ้างกำเป็นหมัด บ้างทำมุทรา บ้างรวบนิ้วมือเข้าด้วยกันเป็นดาบ บ้างกดลงมาทั้งซัดฝ่ามือไปในอากาศ…
ชั่วพริบตานั้นพลังหมัด ผนึกสมบัติ พลังนิ้วมือ ลมจากฝ่ามือสีทอง ราวฝนห่าใหญ่หนาแน่นไปทั่วห้วงอากาศ เทลงมาอย่างครั่นครืน…
อานุภาพเช่นนั้นเรียกได้ว่าสะเทือนฟ้าดิน
เงาร่างของหลินสวินพลันถูกปกคลุมอยู่ภายในนั้น ในตอนที่ทุกคนล้วนคิดว่าเขาจะประสบเคราะห์ ทนดูต่อไปไม่ได้ กลับค้นพบอย่างตกตะลึงว่าเทพมารหลินกลับยังไม่ตาย!
เขาหลบหนีไม่ว่างเว้น เงาร่างยับเยิน ก้าวย่างโงนเงนไม่มั่นคง แต่ยังสามารถหลบหนีการสังหารแน่นขนัดราวพายุฝนถาโถมได้อย่างฉิวเฉียด
ทุกคนต่างตื่นตะลึงอ้าปากค้าง จิตต่อสู้กับความสามารถในการปรับตัวกับสถานการณ์เช่นนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง บาดเจ็บขนาดนั้นยังหลบพ้นไปได้ หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ มีหรือหลี่ชิงผิงจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
“เหอะๆ หลี่ชิงผิง เจ้าไม่ละอายแก่ใจหรือ เจ้าหมอนั่นบาดเจ็บปานนั้นแล้ว เจ้ากลับยังทำอะไรเขาไม่ได้ ช่างน่าอับอายขายหน้า!”
อวี่หลิงคงก็ยิ้มหยันขึ้นมา
สีหน้าของหลี่ชิงผิงเวลานี้อึมครึมถึงที่สุดแล้ว ถูกหัวเราะเยาะเย้นเช่นนี้ทำให้เขาโมโหนัก
ตู้ม!
เขากระโจนตัวออกไปอย่างแรง เงามายาสีทองอร่ามเบื้องหลังแกว่งไกวแขนทั้งหก ต่างสำแดงวิชามรรคที่ต่างกันออกไปหกวิชา พลานุภาพระดับนี้แข็งแกร่งมากยิ่งแล้ว
อย่าว่าแต่สังหารเทพมารหลินที่อ่อนแอหาใดเทียบคนหนึ่ง ต่อให้เป็นมกุฎรุ่นเยาว์คนอื่นก็สามารถประชันด้วยได้อย่างแท้จริง
แต่ภาพที่เกิดขึ้นต่อมากลับทำให้เขางุนงงอยู่บ้าง
กลับเห็นว่าเทพมารหลินที่ตั้งรับก็ไม่ได้ หลบหนีก็ไม่ได้ เห็นอยู่กับตาว่าจะถูกสังหาร ใครจะคิดได้ว่าเขาเพียงใช้ฝ่ามือตบออกไปครั้งหนึ่งก็สลายพลังจู่โจมเต็มฟ้านั่น
โครม!
เสียงกระแทกดังก้อง แสงสีทองที่แผ่กระจายม้วนตลบครืนครัน ละอองแสงปลิวว่อน
หลินสวินอดไม่ได้ที่จะไอออกมาอย่างรุนแรง แต่ยังพูดด้วยสีหน้าฉงนว่า “ทำไมถึงอ่อนแอปานนี้ เจ้าจงใจปรานีอ่อนข้อให้หรือ”
ทุกคนต่างงุนงง รู้สึกประหลาดใจยิ่ง
หรือจะจริงอย่างที่เทพมารหลินพูด หลี่ชิงผิงปรานีสงสาร ไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงหรือ
ปรานีกับผี!
มุมปากหลี่ชิงผิงกระตุก โกรธจนควันออกหู หมายจะบีบคอหลินสวินให้ตายสักครั้ง
ที่น่าชังที่สุดก็คือเวลานี้จินมู่อวิ๋นกับอวี่หลิงคงก็เอ่ยปากถากถาง ว่าขนาดเทพมารหลินที่บาดเจ็บสาหัสเขายังต่อกรไม่ได้ สามารถปาดคอฆ่าตัวตายได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ชิ้ง!
หลี่ชิงผิงออกโจมตีอีกครั้ง เรียกทวนวงเดือนสีเงินเจิดจ้าเล่มหนึ่งออกมา
ในเวลานี้ อาหลู่ดูต่อไปไม่ไหวแล้ว หัวเราะเยาะเย้ยเสียงดังว่า “ดูสิ ใช้ยอดศาสตรามรรคราชันแล้ว ข้าเพิ่งเคยเห็นเรื่องน่าขันเช่นนี้เป็นครั้งแรก ถุย! น่าขายหน้าเป็นบ้า!”
“หุบปาก!”
หลี่ชิงผิงเก็บกลั้นไฟโทสะในใจไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ตะคอกออกมาครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาก็สะบัดทวนวงเดือนโจมตีไปยังหลินสวิน
แต่เทียบกับก่อนหน้านี้ การโจมตีนี้ยิ่งน่ากลัวขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ปึง!
เพียงแต่เงาร่างของเขาเพิ่งมาถึงครึ่งทาง ดาบหักเล่มหนึ่งพลันเคลื่อนผ่านอากาศทันใด แสงเย็นเยียบแผ่พุ่ง
หือ?
หลี่ชิงผิงนัยน์ตาหดหรี่ พริบตานั้นในสมองนึกถึงภาพที่โก่วเหยียนเจินถูกสยบขึ้นมา ในใจบังเกิดความหวาดผวา หรือเทพมารหลินผู้นี้จะสำแดงท่าไม้ตายทั้งหมดมาทำลายตนไปด้วยกัน
เขาไม่กล้าร่ำไร ตั้งมั่นพร้อมรับมือ เปลี่ยนจากจู่โจมเป็นตั้งรับ ทวนวงเดือนสีเงินเจิดจ้ากวัดไกวขึ้น เกิดเป็นม่านแสงเปล่งประกายม่านหนึ่งป้องกันอยู่เบื้องหน้า
แต่ดาบหักนั้นมาได้ครึ่งทางก็เหมือนสูญเสียพลัง ตกลงบนพื้นเสียงดังเคร้ง
ทั้งที่นั้นงงงวย
เวลาราวหยุดเดิน หลี่ชิงผิงที่ออมพลังรอตั้งรับ แสดงการป้องกันอย่างสมบูรณ์แบบถึงที่สุด แต่สิ่งที่ได้มากลับเป็นภาพน่าอึดอัดใจเช่นนี้!
นี่ทำให้เขาหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เส้นเลือดบนหน้าผากปูดนูน
ตน… ถูกเจ้าคนอ่อนแอบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่งทำให้ตกใจเสียอย่างนั้น!
นอกสนามประลอง เสียงหัวเราะขรมดังขึ้น ทำลายความเงียบงันที่น่าอึดอัดนี้ แต่เสียงหัวเราะระงมนี้กลับเหมือนหนามพิษหนามแล้วหนามเล่าทิ่มแทงเข้าไปในใจหลี่ชิงผิง
เขาสีหน้าคล้ำเขียว จ้องหลินสวินที่กำลังหอบหายใจเฮือกใหญ่อยู่ไกลออกไป ควบคุมไฟโทสะที่อยู่ภายในใจอย่างสุดกำลัง พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างไม่น่าดู!”
โครม!
ทวนวงเดือนสีเงินร่ายรำกลางอากาศ สาดแสงมรรคนับหมื่นแสน พาให้ฟ้าดินร้องส่งเสียงกึกก้อง ห้วงอากาศระเบิดแหลก
ทุกคนต่างรับรู้ว่าหลี่ชิงผิงเดือดดาลโดยสมบูรณ์แล้ว อานุภาพของการโจมตีนี้ทำให้มกุฎรุ่นเยาว์บางคนใจเต้น หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุดหย่อน
ชิ้ง!
บนพื้น ดาบหักสั่นระรัว เหมือนดิ้นรนจะพุ่งขึ้นมา แต่กลับพุ่งขึ้นมาไม่ได้
ทุกคนทอดถอนใจในใจ เทพมารหลินอ่อนแอจนขนาดสมบัติของตนยังควบคุมไม่ได้แล้วหรือ
“อับจนหนทางแล้วยังจะดิ้นรนอะไรอีก ตาย!”
หลี่ชิงผิงสีหน้าเหี้ยมเกรียม พุ่งกระโจนไปเบื้องหน้าหลินสวิน ทวนวงเดือนสีเงินควบรวมเป็นแสงมรรคราวน้ำตกฟาดฟันออกไป
เพียงแต่การจู่โจมไปได้แค่ครึ่งทาง ดวงตาของเขาพลันเบิกโพลง ถลนออกมา มองหลินสวินอย่างเคียดแค้นว่า “เจ้า…”
ไม่รอให้พูดจบร่างของเขาแยกออกตั้งแต่ศีรษะในทันใด เหมือนถูกดาบเฉียบคมฟันตรงแน่วออกเป็นสองท่อน!
ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นหวาดหวั่น นัยน์ตาขยายออก ตื่นตระหนกจนหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อกี้… เกิดอะไรขึ้น
ตุ้บ! ตุ้บ!
ร่างกายสองท่อนของหลี่ชิงผิงตกลงบนพื้น เลือดสดๆ ย้อมผืนดินให้เป็นสีแดง แปรสภาพเป็นบ่อเลือด
ทวนวงเดือนสีเงินในมือเขาก็กระแทกลงกับพื้นเสียงดังเคร้ง ในบรรยากาศเงียบสงัดเช่นนี้ฟังดูแสบแก้วหูเป็นพิเศษ
ตายแล้วหรือ
ทั้งลานล้วนเงียบเชียบไร้เสียง ศีรษะชาหนึบ
เมื่อกี้ พวกเขาส่วนใหญ่ยังดูไม่ออกว่าหลินสวินลงมืออย่างไร!
สวบ!
ก็ในตอนนี้เอง ดาบหักบินกลับไปที่มือหลินสวิน ดึงดูดความสนใจของทุกคน ตอนนี้พวกเขาถึงเพิ่งรับรู้อะไรบางอย่าง สีหน้าผันผวนไม่ว่างเว้น
และในตอนนี้เอง หลินสวินไออย่างรุนแรงพลางเอ่ยทอดถอนใจว่า “แม้ข้าจะเจ็บหนัก แต่ก็ไม่ได้ไม่มีพลังต่อสู้ นับประสาอะไรกับสมบัติชิ้นนี้ของข้าควบคุมได้ด้วยพลังจิตวิญญาณ เหตุใดเจ้าถึงเลินเล่อได้ขนาดนั้นล่ะ ยังดีที่ที่นี่เป็นภูเขาเทพไร้มรณะ เจ้ายังมีโอกาสรอดชีวิต คราวหน้าก็ระวังตัวขึ้นหน่อยเถอะ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา ริมฝีปากหลายคนก็กระตุก เหตุใดเมื่อได้ยินถึงรู้สึกว่านี่เหมือนคำพูดเสียดสี
ส่วนพวกจินมู่อวิ๋น อวี่หลิงคงต่างฉงนใจไม่ว่างเว้น กระทั่งออกจะสงสัยว่าหลินสวินได้รับบาดเจ็บจริงๆ หรือไม่แล้ว
“เจ้าหมอนี่ เจ้าเล่ห์เช่นนี้เชียว!”
นึกถึงภาพดาบหักที่ตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรงเมื่อกี้ หลายคนต่างแน่ใจว่าตอนนั้นหลินสวินต้องจงใจหลอกหลี่ชิงผิง เป้าหมายก็เพื่อให้เขาชะล่าใจ!
‘ทั้งที่บาดเจ็บหนักก็ยังเอาชนะคู่ต่อสู้คนหนึ่งได้ เจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งไปแล้วกระมัง…’ ในใจของบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเยาว์บางคนต่างปั่นป่วนขึ้นมาระลอกหนึ่ง
การโจมตีนี้ ตั้งแต่เริ่มทุกคนก็นึกว่าหลินสวินจะประสบเคราะห์ยากหลบหนี แต่ผลสุดท้ายกลับทำให้ทุกคนต่างไม่ทันตั้งตัว
ดูน่าขันนัก และดูน่าหวาดหวั่นด้วย!
บุคคลขอบเขตมกุฎอย่างหลี่ชิงผิง อิงตามพลังต่อสู้ของเขา ต่อให้เป็นการประลองกับเทพมารหลินในสภาพที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็สามารถประจัญบานอย่างดุเดือดได้ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ตอนนี้กลับถูกสังหารอย่างสับสนงุนงง พาให้ทุกคนพูดไม่ออก
——