เมื่อฝาครอบกระดานนั้นหายไป กระดานหมากก็เริ่มตกลงสู่ความโกลาหล
เวลานี้สองยอดคนผู้ปกครองสรรพสิ่งกำลังนั่งจ้องหน้ากันอยู่อย่างไร้คำพูดกล่าวใด ๆ
แต่ในเวลานั้นเองที่มันได้เกิดอีกเงาร่างยักษ์หนึ่งขึ้นมาระหว่างคนทั้งสอง
เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นทุกผู้คนย่อมมองออกว่ามันคือเย่หยวน!
เงาร่างนั้นเปิดปากขึ้นพูดพร้อมหันไปหาคนทั้งสอง “เอาล่ะ ทีนี้ข้าจะมานั่งถกเต๋ากับพวกท่านได้หรือยัง?”
โอสถบรรพกาลนั้นค่อยเปิดปากพูดตอบกลับมา “การมีเจตจำนงถึงสามอย่างนั้นมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งจริง แต่เพียงแค่ว่าหากคิดจะมานั่งถกเต๋ากับพวกข้าแล้ว เจ้าคงยังไม่มีค่าพอ!”
ทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็กล่าวขึ้นตาม “มีหรือที่ความรู้ของพวกข้าจะเป็นสิ่งที่เจ้าคาดคิดได้?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไปอย่างไม่ขุ่นเคืองใด ๆ “คนทั้งหลายนั้นถูกหลอกด้วยคำว่ากระดานหมากและไม่ได้เข้าใจเลยว่าหมากกระดานนี้แท้จริงมันเป็นโลกที่พวกท่านสร้างหล่อหลอมขึ้นพร้อมตั้งชื่อมันเป็นกระดานหมาก ในความเป็นจริงแล้วพวกท่านทั้งสองแค่กำลังหลอมสร้างโลกด้วยเต๋าโอสถ! เพียงแค่ว่าโลกใบนี้มันขาดสมดุลหยินหยางหนึ่งนั้นรุนแรงมากกว่าอีกหนึ่งโขไป ไม่อาจจะสร้างก่อเป็นโลกใด ๆ ได้และแน่นอนว่าย่อมจะไม่อาจกลายเป็นโอสถใด ๆ ได้เช่นกัน เพียงแค่ว่าหากมองมันจากมุมของเต๋าโอสถแล้ว…พวกท่านทั้งสองล้มเหลวทั้งคู่!”
เมื่อคำพูดนั้นถูกกล่าวคนทั้งหลายก็ได้แต่เบิกตากว้าง
เวลานี้เงาร่างทั้งสองได้ค่อย ๆ หันหน้ามาหาเย่หยวนพร้อม ๆ กัน
ดวงตาของเงาร่างทั้งสองนี้มันเหมือนดั่งว่าจะมองทะลุผ่านเย่หยวนไปได้
ดูท่าคนทั้งสองเองก็คงไม่คิดว่าเย่หยวนจะสามารถเข้าใจมันได้ถึงขั้นนี้
เพราะแม้คำพูดที่กล่าวออกมานี้มันจะไม่ตรงกับความคิดของพวกเขา แต่ดูแล้วเย่หยวนก็คงพอจะจับหัวใจของกระดานหมากนี้ได้
เพราะหมากกระดานนี้มันคือโลก แต่แท้จริงแล้วมันก็คือโอสถเช่นกัน!
คนที่มองผ่าน ๆ อาจจะคิดว่าทั้งสองกำลังประลองความคิดกัน แต่แท้จริงแล้วมันคือการหลอมโอสถ!
หนึ่งโอสถคือโลกหนึ่งใบ!
คนทั้งสองนั้นกำลังร่วมมือกันสร้างโลกขึ้นมา
เพราะเต๋าโอสถของคนทั้งสองมันได้พัฒนาขึ้นไปถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว
เพียงแค่ว่าคำพูดนี้มันเหมือนดั่งฟ้าผ่าลงกลางใจของคนทั้งหลายในโลกภายนอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวจีโม ตอนนี้ร่างกายของเขานั้นสั่นราวกับว่าได้รู้ถึงความจริงที่ติดค้างข้องใจมานับล้าน ๆ ปี
“เป็นเช่นนั้นเอง! มันเป็นเช่นนั้นนี้เอง!”
เวลานี้มันมีนักบวชมากมายดูเรื่องราวแต่จีโมนั้นย่อมจะเป็นผู้เข้าใจวิชาโอสถที่สุด!
คำพูดของเย่หยวนนี้มันจึงได้ส่งผลกระทบกับเขามากที่สุด
สำหรับพวกเขาเหล่าศิษย์พี่น้องทั้งหลายนั้นอย่าถามนี้มันย่อมจะมิใช่สิ่งแปลกตาใด ๆ
เพราะตั้งแต่ที่เริ่มออกติดตามมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมาพวกเขาเหล่าศิษย์พี่น้องทั้งหลายก็ย่อมจะทำการศึกษากระดานหมากอย่าถามนี้มาตลอด
แต่ในหมู่ศิษย์พี่น้องทั้งหลายนั้นมันกลับไม่มีใครเข้าใจถึงความลึกล้ำของอย่าถามได้ในที่สุด
แต่เวลานี้มันกลับถูกเย่หยวนชี้ออกมาอย่างแจ่มแจ้ง!
นี่มันมิใช่กระดานหมาก มันเป็นโลกและเป็นโอสถ!
เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายหลอมโอสถด้วยสมุนไพรวิญญาณ แต่ยอดคนทั้งสองนี้ได้ใช้ยอดเต๋าเป็นวัตถุดิบ!
คนทั้งสองนั้นได้ใช้เต๋าของตนและควบคุมมันด้วยวิชาเหนือล้ำก่อนจะค่อย ๆ สร้างโลกขึ้นมาบนกระดานหมาก
แม้ว่ามันจะเป็นการถกวิชา แต่แท้จริงหัวใจของมันก็คือการประลองโอสถ!
หมากแต่ละตัวที่ถูกวางลงนั้นมันก็คือส่วนหนึ่งที่จะเติมเต็มโลก
การประลองโอสถในระดับนี้มันคงเรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะของพระเจ้าอย่างแท้จริง!
หลังจากความตื่นตะลึงผ่านไปจีโมก็เริ่มมองดูเงาร่างนั้นด้วยสายตาแปลก ๆ ราวกับว่าตัวเขาได้เข้าสู่ห้วงภวังค์ไป
คนเช่นนี้คือนักบวชหกดาวจริง?
อย่าถามกระดานนี้ตัวเขาใช้เวลาศึกษามันมานับล้าน ๆ ปีแต่กลับไม่อาจเทียบเคียงความเข้าใจของเย่หยวนในวันเดียวนี้?
คิดมาถึงตรงนี้จีโมก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
พวกเขาเหล่าศิษย์พี่น้องทั้งสิบเอ็ดนั้นมีใครบ้างเล่าที่มิใช่ยอดอัจฉริยะในเต๋าโอสถ?
หลายสิบล้านปีที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยจะสงสัยในเรื่องนั้นแม้สักครั้ง จนได้มาเจอเย่หยวนวันนี้
ดูท่าแล้วความเข้าใจที่เย่หยวนมีต่อเต๋าโอสถนั้นมันจะเข้าไปลึกถึงแก่นของเต๋า
เวลานั้นเองทางเงาร่างของโอสถบรรพกาลก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “หึ! แค่มดปลวกก็กล้าจะมาออกความเห็นต่อหน้าเรา โอหังไม่กลัวฟ้าดิน! ทั้งโลกหล้าย่อมรู้กันว่าหมากกระดานนี้บรรพกาลผู้นี้ได้เอาชนะมา มีหรือที่เจ้าจะมายุ่งย่ามได้?”
“ฮ่า ๆ ๆ…” เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะลั่นออกมา
ทางโอสถบรรพกาลจึงได้ถามขึ้นด้วยสีหน้าดำมืด “โอหัง! เจ้าหัวเราะเรื่องใด?”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “ข้าแค่หัวเราะที่ท่านคิดหลอกลวงตนเองและผู้อื่น!”
คลื่นพลังรุนแรงสะท้านถูกปล่อยออกทันที
ดูท่าแล้วโอสถบรรพกาลคงไม่พอใจมาก
ทุกผู้คนต่างเงียบปากลงทันที ได้แต่มองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง
เจ้าหมอนี่มันช่างโอหังอวดดี ถึงกับกล้าไปพูดบอกต่อหน้าโอสถบรรพกาลว่าท่านนั้นหลอกลวงตัวเองและผู้อื่น ทำเช่นนั้นมันเท่ากับรนหาที่ตายมิใช่หรือ?
แต่ทว่าเย่หยวนกลับแค่ยิ้มตอบไป “เลิกวางท่าทั้ง ๆ ที่ไม่มีพลังเถอะ! ในที่นี้ท่านนั้นก็เป็นได้แค่ ‘เต๋า’ ของโอสถบรรพกาลตราบเท่าที่จิตของท่านไม่อาจเอาชนะข้าได้ ท่านก็ทำอันตรายใดข้าไม่ได้!”
โอสถบรรพกาลที่ได้ยินจึงหัวเราะขึ้น “เจ้าคิดผิดแล้ว! เต๋าของข้านี้…สังหารเจ้าได้!”
เย่หยวนจึงได้แต่ส่ายหัวออกมาพร้อมหัวเราะอย่างดูถูก “ท่านนั้นแก่เกินไปแล้ว! คนอื่นเรียกท่านว่าเป็นโอสถบรรพกาล แต่แท้จริงแล้ว…ท่านก็ยังมิใช่เต๋าบรรพกาล ในเวลาหลายหมื่นล้านปีนี้ท่านไม่อาจจะก้าวข้ามมันได้ไป ท่านรู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?”
เย่หยวนพูดต่ออย่างไม่คิดรอคำตอบจากโอสถบรรพกาล “เพราะว่า…ท่านกลัวที่จะแพ้!”
“ท่านนั้นชนะหมากกระดานนี้จริง แต่ท่านเองก็แพ้! เพราะว่าหากท่านนั้นมีจิตใจใฝ่เต๋าจริงกระดานหมากอย่าถามนี้มันคงได้กลายเป็นโลกที่สมบูรณ์ไปแล้ว มันจะกลายเป็นโอสถแห่งยอดเต๋าที่แท้จริง ไม่มีสภาพเช่นนี้ไปหรอก! การแข่งเต๋าโอสถนั้นมันทั้งท้าทายและสะใจ หากท่านมีความคิดเปิดกว้างดั่งผืนน้ำ ไม่มีความคิดริษยาและศักดิ์ศรีใด ๆ มาขวางขัด ไม่คิดยึดติดโลกหล้า เวลานั้นต่างหากที่ท่านจะชนะอย่างแท้จริง! รอดูเถอะ สักวันหนึ่งท่านจะถูกมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก้าวล้ำ! และแน่นอนว่าสักวันท่านก็จะถูกข้าก้าวขึ้นอยู่เหนือหัวเช่นกัน! ท่านแก่เกินไปแล้ว!”
ทุกคำกล่าวของเย่หยวนนี้มันเหมือนค้อนหนัก ๆ ทุบตอกลงยังจิตใจของจีโม
คนอื่น ๆ ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเต๋าโอสถมากมายย่อมจะไม่เข้าใจเลยว่าเย่หยวนกำลังพูดกล่าวเรื่องใด
แต่ตัวจีโมนี้เข้าใจ!
คำพูดของเย่หยวนนี้มันอาจจะฟังดูเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งยโสถือตัวเหนือท่าน แต่แท้จริงมันได้แฝงแนวคิดลึกล้ำไว้
เต๋าโอสถนั้นมันแตกต่างจากเต๋ายุทธ
เต๋ายุทธทั้งหลายนั้นมันมุ่งสู่ความเป็นหนึ่ง ไม่แพ้ก็ชนะ
แต่ความเป็นหนึ่งของเต๋าโอสถนั้นมันอยู่ที่จิตใจใฝ่เต๋า!
หากคนผู้นั้นมีจิตใจใฝ่เต๋าที่มั่นคงและใช้ทุกโอสถเพื่อหลอมโอสถ มันก็ย่อมจะไม่มีทางสร้างโลกครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้ออกมา
“หึ ช่างพูดจาโอหังอวดดี! ในโลกหล้านี้มันกลับมีคนที่อ้างตนว่าจะก้าวเหนือโอสถบรรพกาล! ต่อให้เป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ยังทำไม่ได้ มีหรือที่ตัวมันนี้จะทำได้?” จักรพรรดิเทพสวรรค์ซือซูร้องขึ้นขัด
“หลายต่อหลายปีมานี้มีนักหลอมโอสถมากมายปานใดที่คิดจะก้าวข้ามโอสถบรรพกาล แต่มีใครทำได้หรือไม่ มันคิดว่าตนมีพรสวรรค์เหนือล้ำแล้วจะทำได้หรือ? น่าขัน!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เช่าหยุนร้องขึ้นตาม
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายย่อมจะมองว่าเย่หยวนนั้นประเมินตัวเองสูงส่งเกินจริง
ในความเข้าใจของคนทั้งหลายโอสถบรรพกาลนั้นคือตัวตนอันสมบูรณ์ในเต๋าโอสถ วิชาโอสถของเขาไม่อาจมีใครก้าวสูงไปกว่านั้นได้
และ ‘ความจริง’ ในเรื่องนี้มันก็ได้ถูกพิสูจน์ด้วยกาลเวลาอันยาวนาน!
ก็จริงที่ว่าเย่หยวนนั้นมีพรสวรรค์เหนือล้ำฟ้าดิน แต่หากคิดอยากก้าวข้ามตัวตนที่สมบูรณ์แบบอย่างโอสถบรรพกาลไปแล้วมันคงไม่มีทางเป็นไปได้
“ฮ่า ๆ ๆ …เด็กน้อย ข้าชอบคำพูดเจ้านี้! แต่พูดมากไปกว่านี้มันก็ไร้ค่าใด มาเริ่มกัน!”
ในเวลานั้นทางมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่เงียบปากมาตลอดก็ได้พูดขัดขึ้นพร้อมชี้นิ้วลงไปยังกระดานหมากนั้นจนเกิดแรงสั่นสะท้าน
เวลานี้เมฆหมอกเบื้องบนมันได้ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงและแบ่งออกมาเป็นสองฝ่าย!
หนึ่งดัชนีนี้ฝ่าฟ้าดินออกได้!
โอสถบรรพกาลเองก็หัวเราะขึ้นพร้อมชี้นิ้วออกมาส่งคลื่นพลังรุนแรงแยกจากฟ้าดิน
ด้วยดัชนีนี้ ฟ้าก็ได้แยกออกจากดินอีกครั้ง!
และพลังดัชนีของโอสถบรรพกาลนี้มันรุนแรงเสียยิ่งกว่าพลังของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมาก รอยแยกที่เกิดขึ้นจากคนทั้งสองนี้มันก็แตกต่างกันไปอย่างชัดเจน
“โอสถบรรพกาล ดัชนีของท่านนี้รุนแรงเกินไป! ดูท่าหัวใจที่วางตนเหนือผู้คนของท่านมันจะขัดขวางการพัฒนาตนจริง ๆ!”
เย่หยวนหัวเราะออกมาพร้อมชี้ดัชนีออกมาตาม
เพียงแค่ว่าดัชนีของเย่หยวนนี้มันไม่ได้มีพลังเหนือล้ำฟ้าดินเหมือนของยอดคนทั้งสองนั้น มันไม่ได้มีพลังใด ๆ เกิดขึ้นมาเลย
ทุกผู้คนที่เห็นต่างก็ผงะไป ไหนว่าจะร่วมวงถกเต๋า? ทำเช่นนี้มันจะไม่ไร้สาระเกินไปหรือ?
ดูท่าแล้ววิชาโอสถของเย่หยวนมันคงยังไม่อาจเทียบเคียงสองยอดคนนี้ได้จริง ๆ!
……………..