ตอนนี้กฎไฟ ดิน ทองปะทุขึ้นติดๆ กันสร้างแรงกดดันมหาศาลราวกับสามารถสยบได้ทั้งจักรวาล เป็นผลให้ฝ่ามือยักษ์สีเลือดสั่นอย่างรุนแรงเมื่อมันเข้าใกล้
มองจากที่ไกลๆ ฝ่ามือยักษ์นี้ยิ่งใหญ่ราวกับจะครอบครองทั้งจักรวาล ทว่าเมื่อจะจับหวังเป่าเล่อความเร็วก็ลดลง จนกระทั่งวินาทีที่เต๋าธาตุทองปรากฏขึ้น ฝ่ามือยักษ์นี้ก็เหมือนกับถูกยึดไว้กับที่ ไม่สามารถเคลื่อนไหวต่อได้
เหมือนกับมีสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นขัดขวางระหว่างฝ่ามือยักษ์กับหวังเป่าเล่ออยู่ราวกับความว่างเปล่าแข็งตัว ทำให้ฝ่ามือยักษ์อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ภาพนี้ทำให้เด็กหนุ่มชุดแดงหน้าเปลี่ยนสีและยังทำให้ปรมาจารย์ทั้งสามที่ไล่ตามมาจากจักรพิภพใจกลางดวงตาหดแคบ พวกเขาไม่ได้เข้าไปใกล้มากเกินไป ทำแค่มองดูอยู่ห่างๆ แต่ถึงกระนั้นจิตใจก็ยังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
อาการสั่นสะท้านไม่ได้มาจากฝ่ามือยักษ์สีเลือดที่ดูเหมือนจะทุบทำลายทุกอย่างได้ แต่มาจากพลังปราณที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างหวังเป่าเล่อ
พลังปราณนี้ทำให้ทั้งโลกศิลาส่งเสียงคำรามราวกับไม่อาจทนรับไหว ส่วนหวังเป่าเล่อมีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆ แม้แต่น้อย พวกเขาเฝ้ารอวันนี้มาเนิ่นนานเกินไปแล้ว
ขณะนี้ทิศตะวันตกคืออักขระไฟเซียน ทิศเหนือคือศิลา ทิศใต้คือร่างมายาบนแท่งเงิน ซึ่งทำให้จักรวาลสั่นสะเทือนรุนแรง
ทว่าทุกอย่างยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น วินาทีต่อมาหวังเป่าเล่อที่กำลังหลับตาก็เอ่ยออกมาเบาๆ เป็นคำที่สี่ และเป็น…เต๋าที่สี่!
“น้ำ!”
ทันทีที่เอ่ยขึ้น ทางทิศตะวันออกของหวังเป่าเล่อพลันปรากฏหยดน้ำตาหยดหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็ก ทว่าในพริบตาที่มันปรากฏขึ้นกลับทำให้ทั่วทั้งจักรวาลเปียกชื้น นอกจากนี้ยังมีอารมณ์โศกเศร้าที่ยากจะอธิบายครอบคลุมไปทั้งโลกศิลา
กระทบต่ออารมณ์ของทุกชีวิต ปั่นป่วนผู้ที่ฝึกตนตามวิถีกฎแห่งน้ำทั้งหมด และยังทำให้แม่น้ำและทะเลทั้งหมด รวมถึงทุกสิ่งที่เกี่ยวกับน้ำกู่ร้องไปตามๆ กัน
สุดท้ายพลังแห่งเต๋าธาตุน้ำจากจักรวาลมารวมตัวกันเป็น…ใบหน้าขนาดมหึมา ใบหน้านี้พร่าเลือน มองไม่ชัดว่าเป็นชายหรือหญิง เห็นเพียงแค่เส้นใยน้ำนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นเส้นผมยาวกลายเป็นทางช้างเผือก ขณะเดียวกันหยดน้ำตานั้นก็สว่างวาบอยู่ที่หางตาของใบหน้านั้น
ในเวลาเดียวกันการปรากฏตัวของเต๋าธาตุน้ำก็เขย่าขวัญฝ่ามือยักษ์นั่นทำให้ฝ่ามือยักษ์ที่ดูเหมือนถูกขัดขวางอยู่นั้นเริ่มพังทลายและเริ่มทนรับต่อไม่ไหว เด็กหนุ่มชุดแดงด้านในหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง ทว่าดวงตาที่บ้าคลั่งกลับยิ่งแย่ลงไปอีก เมื่อเห็นเคล็ดวิชาลับของตนไม่สามารถทำอะไรคู่ต่อสู้ได้ เขาก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมบาดหู ทันใดนั้นฝ่ามือยักษ์นั้นก็ดิ้นไปมา
ทันใดนั้นเขาก็แปลงเป็นตะขาบสีเลือดอีกครั้งและพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่ออีกครั้ง ครั้งนี้พลังปราณบนร่างเขาก็ยิ่งน่าพิศวงราวกับมาพร้อมพลังปราณเหนือระดับที่สามารถทะลวงผ่านความว่างเปล่าได้ หากมองจากที่ไกลๆ ตะขาบสีเลือดตัวนี้…ก็เหมือนกับกระบี่คมที่ใช้ตัวตะขาบเป็นตัวกระบี่!
กระบี่ตัวนี้หวีดเสียงแหลมบาดหูและส่งเสียงหึ่งๆ มันฟื้นคืนสภาพจากที่กำลังจะพังทลาย และเมื่อมันพุ่งเข้ามาก็พุ่งหัวต้านสิ่งกีดขวางไปหาหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อหลับตาลงและค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ไม่จำเป็นต้องมองประสาทสัมผัสของเขาก็รับรู้ทุกสิ่งรอบตัวได้ ในพริบตาที่กระบี่ตะขาบเข้ามาใกล้ เขาก็เอ่ยคำที่ห้าออกมา
“ไม้!”
เต๋าธาตุไม้เป็นเต๋าสารัตถะของหวังเป่าเล่อและเป็นเต๋ารากฐานของตัวเขา อีกทั้งยังเป็นร่างกายของเขาด้วย ทันทีที่เอ่ยออกมา ทั้งสี่ทิศก็ถูกยึดครองโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง จากนั้นไม้สีดำขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้น
การปรากฏตัวของมันทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี จักรวาลพลิกกลับ แรงระเบิดที่อธิบายไม่ได้พลันปะทุขึ้นจากพื้นดิน และขณะที่ระเบิดอยู่นั้นเอง ไม้สีดำก็เป็นจากมายาเป็นของจริง รูปร่างของมันเหมือนกับไม้กระดานสีดำและเหมือนตะปูไม้สีดำด้วย บนตัวไม้แผ่กลิ่นอายเก่าแก่โบราณ
ความรู้สึกเก่าแก่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกาลเวลานั้นเหนือกว่าอีกสี่ธาตุมากเหลือเกิน ราวกับว่าเมื่อเทียบกับอีกสี่ธาตุแล้ว ไม้สีดำนี้…ถึงจะเรียกว่าเป็นนิรันดร์อย่างแท้จริง!
เสียงคำรามดังไปทั่วจักรวาล และในตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มชุดแดงกรีดร้อง ก่อนที่กระบี่ยาวจากตัวตะขาบจะแผ่แสงเลือดเจิดจ้าราวกับจะแข่งกับหวังเป่าเล่อ แทงทะลุทุกสิ่งมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาและแทงเข้าไปอย่างแรง!
ในเวลาเดียวกันเสียงคำรามที่ดังไปทั่วจักรวาลและเสียงหัวใจเต้นระรัวของทุกชีวิตก็ผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเต๋าห้าธาตุปรากฏออกมาหมดแล้ว ระดับการฝึกตนของหวังเป่าเล่อ…ก็ระเบิดทะลักครั้งใหญ่ในวินาทีนั้นเอง
ระดับการฝึกตนของเขาเหมือนกับว่ามาถึงขีดจำกัด ในพริบตาที่เสียงแตกละเอียดดังก้องอยู่ในหู กระแสเต๋าของหวังเป่าเล่อก็ได้ครอบคลุมทุกตารางนิ้วของโลกศิลาไว้หมดแล้ว
ห้าธาตุ…เสร็จสมบูรณ์!
รากฐานของเต๋าแปดปรมัตถ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว!
ระดับการฝึกตนเท่าไร หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจแล้ว คนที่ไม่มีอนาคต ไม่มีอดีต มีเพียงปัจจุบันอย่างเขานั้นมีเรื่องที่สนใจไม่มากแล้ว มือขวายกขึ้นแล้วหนีบสองนิ้วเล็กน้อย กระบี่ยาวสีเลือดที่พุ่งเข้ามาก็ถูกหนีบไว้ระหว่างนิ้ว
กระบี่นั้นสั่นเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เกิดเสียงปริแตกดังก้องสะเทือนฟ้า กระบี่สีเลือดเกิดรอยร้าวจากจุดที่หวังเป่าเล่อหนีบไว้และกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็แตกร้าวไปทั่วทั้งเล่ม กระบี่เล่มนี้…พลันระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กระบี่ยาวกลายร่างเป็นชิ้นส่วนตะขาบและชิ้นส่วนตะขาบเหล่านี้ก็พังทลายกลายเป็นหมอกสีเลือดพลิกตลบและสุดท้ายก็รวมตัวกันเป็นร่างเด็กหนุ่มชุดแดงอยู่ไกลๆ
ทันทีที่ปรากฏกาย เขาก็กระอักเลือดก้อนใหญ่ออกจากปาก ใบหน้าขาวซีด ขณะเดียวกันความไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยความบ้าคลั่งในวินาทีต่อมา
“ก้าวสู่สวรรค์งั้นหรือ?!”
“ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดที่ก้าวสู่สวรรค์ได้ เศษวิญญาณไม้สีดำอย่างไรก็เป็นแค่เศษวิญญาณ แม้ตอนนี้เจ้าจะถูกปลุกให้ตื่น แต่…เจ้าเกี่ยวโยงกับโลกนี้ล้ำลึกเกินไป หากทำลายโลกนี้ เจ้าก็จะไร้รากไร้ต้นกำเนิด เกิดเองดับสูญเอง!” ขณะที่พูด เด็กหนุ่มชุดแดงก็ยกสองมือขึ้นสะบัดอย่างแรง ทันใดนั้นข้างหลังเขาก็เกิดกระแสน้ำวน กระแสน้ำวนนี้เป็นสีเลือด ข้างในดูเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งซ่อนอยู่
สัมผัสได้ถึงความเย็นชาและความสง่างามในดวงตาที่เปิดอยู่คู่นั้นราวกับว่าเจ้าของดวงตาคู่นี้เห็นทุกสิ่งไร้ค่า
ราวกับมาจากที่ไกลแสนไกล ราวกับเป็นนิรันดร์ ส่งผลให้ทุกชีวิตในโลกศิลาสมองว่างเปล่าราวกับสูญเสียพลังชีวิตของตนไปแล้ว
ซึ่งยิ่งทำให้โลกศิลาที่กำลังสั่นสะเทือนยิ่งทวีรอยแตกร้าวไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเปลือกไข่ที่กำลังจะแตก…จุดจบกำลังจะมาถึง!
ทั้งหมดนี้เกิดจากสายตาในกระแสน้ำวนนั้นทั้งสิ้น
“มหาเทพ…” หวังเป่าเล่อพึมพำเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ รอบกายรายล้อมไปด้วยไฟ น้ำ ดิน ทอง ท่ามกลางเต๋าธาตุดินของตัวเขาเอง เขาก้าวไปข้างหน้าและสะบัดมือขวาอย่างแรง
ทันใดนั้น…จักรวาลก็บิดเบี้ยว สิ่งรอบตัวแปรเปลี่ยน ดวงดาวหายไป จักรวาลหายไป จุดที่พวกเขายืนอยู่…กลายเป็นความว่างเปล่า!
ที่แห่งนี้ไม่ใช่แก่นโลกศิลา แต่เป็นชั้นที่สองของโลกศิลา
“จะมีประโยชน์อะไร ที่นี่พังทลาย โลกศิลาก็พังทลาย เศษวิญญาณไม้สีดำ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะทำอย่างไร!” เด็กหนุ่มชุดแดงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาในกระแสน้ำวนด้านหลังเขาเหมือนจะเบิกตากว้างขึ้น
แต่ในตอนนั้นเอง…หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้น เต๋าแห่งธาตุทั้งห้ารอบตัวพลันหมุนเวียน ทำให้ตัวเขาพร่าเลือน และเอ่ยเสียงล้ำลึกดังก้องไปทุกหนทุกแห่ง
“ห้าธาตุ จุติ!”