บทที่ 849 เจอกับเย่ฝาน

The king of War

ดวงตาของเซวหยวนจี๋๋ค่อยๆ ลึกล้ำขึ้นมาแล้ว พูดด้วยหน้าตาเคร่งขรึม “ครั้งก่อน ข้างกายเซวหยวนป้ายังมีลั่วเฉิน ผู้แข็งแกร่งลำดับที่สามของตระกูลเซวที่คุณพ่อฉันส่งมาให้อยู่”

“ภายใต้เงื่อนไขที่มีลั่วเฉินอยู่ เซวหยวนป้ายังโดนตามฆ่า ว่ากันว่าแม้แต่เครื่องบินยังไม่กล้านั่ง สุดท้ายถูกบีบไปนั่งรถไฟ แต่ผลปรากฏว่าที่สถานีรถไฟ กลับโดนจับเป็นแล้ว”

บนหน้าผากชายวัยกลางคนผุดเม็ดเหงื่อออกมาจำนวนมาก ยิ่งฟังยิ่งตื่นตกใจ

“ในเมื่อเจ้าชายรองรู้ถึงความไม่ธรรมดาของหยางเฉิน ยังหาเรื่องเขา แบบนี้จะดีเหรอครับ?” ชายวัยกลางคนถามต่อไปอีก

เซวหยวนจี๋๋ตอบว่า “อยากจับแก๊งขโมยต้องจับหัวหน้าก่อน ในเมื่อหยางเฉินมีความสามารถเป็นคิงแห่งเยี่ยนตู อย่างนั้นขอเพียงหลอกใช้เขาทำงานให้ฉัน จากนั้นควบคุมเมืองเยี่ยนตู ก็ง่ายดายมากแล้ว”

“แต่ พวกเราทำแบบนี้ เป็นการล่วงเกินหยางเฉินเข้าแล้ว จะหลอกใช้เขามาทำงานเพื่อพวกเราได้อย่างไรกันครับ?” ชายวัยกลางคนยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ

เซวหยวนจี๋๋พูดจาเยาะเย้ย “นายจะเข้าใจอะไร?”

ทั้งวันหนึ่ง หยางเฉินอยู่ที่เขตก่อสร้างเมืองจิ่วโจว เพียงแต่ยังไม่เห็นเงาของเซวหยวนจี๋๋มาโดยตลอด

ใกล้เวลาเลิกงาน ในที่สุดลั่วปิงก็ถามขึ้นแบบทนไม่ไหว “ท่านประธานครับ เย็นขนาดนี้แล้ว ทำไมเซวหยวนจี๋๋ยังไม่มาอีก? นี่ควรทำอย่างไรครับ?”

“ใครบอกนายว่า เซวหยวนจี๋๋จะมาเขตก่อสร้าง?”

หยางเฉินถามกลับไป

“เอ๋?”

ลั่วปิงมึนงงในทันใด หยางเฉินอยู่ที่เขตก่อสร้างเมืองจิ่วโจวมาทั้งวันเต็มๆ เขาคิดมาตลอดว่าหยางเฉินกำลังรอเซวหยวนจี๋๋มา และผลปรากฏว่าไม่ใช่

เห็นลักษณะที่สงสัยของลั่วปิง หยางเฉินหัวเราะแล้วบอกว่า “เซวหยวนจี๋๋ไม่อาจมาได้ ในสายตาของเขาคนประเภทนี้ มีเพียงคนอื่นไปหาเขาเท่านั้น พวกเขาจะไปหาคนอื่นได้อย่างไร?”

“ความหมายของท่านประธานคือ ท่านจะไปหาเขาด้วยตัวเอง?” ลั่วปิงถามต่อ

หยางเฉินส่ายหน้า และไม่ได้อธิบาย แต่สั่งไปว่า “ถ้าเขตก่อสร้างเกิดเรื่องขึ้นอีก ให้ทุกคนระวังอันตรายไว้ก็พอ ไม่ต้องปะทะอะไรกับอีกฝ่าย นายแค่ต้องรายงานความเสียหายของเมืองจิ่วโจวกับฉัน”

“ต่อให้ทั้งเมืองจิ่วโจวโดนพังจนราบแล้ว ขอเพียงคนของพวกเราไม่เป็นไร งั้นก็ไม่ถือว่ามีเรื่องอะไร”

พูดจบ หยางเฉินหมุนตัวออกไป

ชั่วขณะนั้นลั่วปิงยิ่งงุนงง วันนี้เกิดความเสียหายต่อเขตก่อสร้างไปอย่างน้อยพันล้าน ทำไมดูเหมือนว่าหยางเฉินจะไม่ร้อนใจสักนิด?

เขาติดตามหยางเฉินเป็นเวลานานแล้วเช่นกัน กลับไม่เคยเจอช่วงเวลาที่หยางเฉินล้มเหลวมาก่อน

เพียงแต่ ถึงเป็นเช่นนี้ เขายังเป็นห่วงเอามากๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัตรูในครั้งนี้ไม่เหมือนกับสมัยก่อน การมีอยู่อันแข็งแกร่งที่ต่อให้เป็นแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ก็ล่วงเกินไม่ได้เช่นกัน

ทั้งวันหนึ่งเต็มๆ เขาจิตใจสับสนวุ่นวาย มักรู้สึกว่าวันนี้จะมีเรื่องราวเกิดขึ้น

“ฉันคิดเหลวไหลอะไรอยู่ล่ะ?”

ทันใดนั้นลั่วปิงส่ายหน้า พูดด้วยสีหน้าแน่วแน่ “ฉันควรเชื่อใจท่านประธาน ในเมื่อเขามีคำสั่งออกมาแล้ว งั้นฉันไปทำตามคำสั่งเขาก็พอ”

“ความปลอดภัย! ความปลอดภัย! ความปลอดภัย! เรื่องสำคัญย้ำสามรอบ!”

หลังจากลั่วปิงเตือนสติตนเองอยู่สักครู่ จากนั้นรีบกลับไปเขตก่อสร้างทันที เขาคิดจะคุมงานด้วยตนเอง

อีกด้านหนึ่ง เซวหยวนป้ากำลังรอหยางเฉินไปหาเรื่องเซวหยวนจี๋๋มาตลอด แต่ว่ารอมาทั้งวันแล้ว ก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ

“ยังไม่มีข่าวอะไรอีกเหรอ?”

เซวหยวนป้าเรียกที่ปรึกษาเริ่นเจี้ยนหรงเข้ามาแล้ว ถามอย่างร้อนใจ

เริ่นเจี้ยนหรงส่ายหน้า “เมื่อสักครู่นี้ ผู้สอดแนมที่แทรกตัวอยู่ในเขตก่อสร้างเมืองจิ่วโจวส่งข่าวมาว่า หยางเฉินอยู่ที่เขตก่อสร้างทั้งวันเต็มๆ เพิ่งออกไปเมื่อกี้ครับ”

เซวหยวนป้าขมวดคิ้วขึ้นมา “ไม่น่าจะใช่นะ หยางเฉินไม่ใช่คนที่ยอมเสียเปรียบแบบนี้ เซวหยวนจี๋๋เกือบพังเมืองจิ่วโจวราบเป็นหน้ากลอง เขาไม่มีปฏิกิริยาสักนิดได้ยังไง?”

เริ่นเจี้ยนหรงบอกอีกว่า “ตอนนี้ทุกอย่างของเขตก่อสร้างเมืองจิ่วโจวกลับสู่สภาพปกติแล้วครับ ว่ากันว่าหยางเฉินสั่งไว้ว่า สิ่งก่อสร้างทั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย ให้รื้อสร้างใหม่หมดเลยครับ”

“ครั้งนี้ เดาว่าคงทำให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเสียหายอย่างน้อยพันล้านครับ โดยเฉพาะยังไม่รวมความเสียหายที่ดำเนินการก่อสร้างล่าช้าไปด้วย”

เซวหยวนป้าอยากโทรศัพท์ไปถามหยางเฉินดูนิดหน่อยมากๆ แต่ก็ไม่กล้า

“เจ้าชายสาม ยังต้องจับตามองหยางเฉินไว้อีกไหมครับ?” เริ่นเจี้ยนหรงถามขึ้นทันใด

เซวหยวนป้าส่ายหน้าแล้ว “แม้แต่ท่านลั่วยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน เกรงว่าทั้งตระกูลเซว ล้วนมีไม่กี่คนที่จับตามองหยางเฉินไว้ได้”

เขายังพอรู้ขีดจำกัดของตัวเองดี ตั้งแต่ได้รับความอัปยศจนต้องออกไปจากเมืองเยี่ยนตูครั้งก่อน เขาก็ตรวจสอบทุกอย่างเกี่ยวกับหยางเฉินมาโดยละเอียด สามารถพูดได้ว่า ตอนนี้เขาเข้าใจหยางเฉินดีมาก

ถึงแม้ไม่เข้าใจว่า ทำไมเซวหยวนจี๋๋เกือบรื้อเมืองจิ่วโจวแล้ว หยางเฉินยังเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรอยู่อีก แต่สิ่งที่เขามั่นใจได้คือ หยางเฉินจะไม่ปล่อยเซวหยวนจี๋๋ไปง่ายดายขนาดนี้แน่

“เรื่องที่ฉันสั่งให้นายทำ เป็นยังไงบ้างแล้ว?”

เซวหยวนป้าถามขึ้นฉับพลัน

เริ่นเจี้ยนหรงพยักหน้า “ท่านวางใจได้ครับ ที่อยู่ของเซวหยวนจี๋๋ล้วนเป็นคนของพวกเราจัดการ แค่มดตัวหนึ่งเข้าไป พวกเราล้วนเก็บหลักฐานไว้ได้ครับ”

“ขอเพียงหยางเฉินกล้าฆ่าเขาในที่พักของเซวหยวนจี๋๋ พวกเราจะต้องสามารถเก็บหลักฐานไว้ได้แน่ครับ”

สายตาเซวหยวนป้าเย็นชาผิดปกติ “เซวหยวนจี๋๋ไม่ตาย ฉันก็ไม่สบายใจ หวังว่าหยางเฉินจะรับปากร่วมงานกับฉันจริงๆ!”

ตอนที่เซวหยวนป้าหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ หยางเฉินก็มาถึงหน้าประตูแมมบ้าแดงกรุ๊ปแล้ว

ช่วงเวลาเลิกงานเพิ่งผ่านไปห้านาที ชายคนหญิงคน เดินเคียงคู่กันออกมาจากอาคารบริษัท ซึ่งก็คือฉินซีและเย่ฝาน

เมื่อช่วงเช้า ฉินซีบอกแล้วว่า ตอนเย็นอยากเลี้ยงข้าวเย่ฝานด้วยกันกับหยางเฉิน และถือโอกาสขอโทษด้วย

“คุณหยาง!”

เย่ฝานมองเห็นหยางเฉิน หัวเราะแล้ว กล่าวทักทายไปก่อนเลย

หยางเฉินก็หัวเราะแล้วเหมือนกัน บอกว่า “พูดขึ้นมา ฉันยังเรียกนายว่าพี่ ต่อไปไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก เรียกฉันว่าหยางเฉินก็พอ”

เย่ฝานหัวเราะอย่างเป็นธรรมดา “ได้ งั้นฉันไม่เกรงใจนายแล้วนะ ต่อไปจะเรียกชื่อนาย”

สำหรับหยางเฉินนั้น เย่ฝานก็เข้าใจใหม่แล้ว

เรื่องเกี่ยวกับหยางเฉิน เย่ฝานได้ยินบิดาเย่ชังเคยพูดมาไม่น้อย และเคยเห็นความเก่งกาจของหยางเฉินมาด้วยตาตนเอง กลับนึกไม่ถึงว่า หยางเฉินยังมีด้านหนึ่งที่อ่อนน้อมขนาดนี้

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ร้านอาหารแซ่เฉิน ห้องราชา

“เย่ฝาน ช่วงเวลานี้ต้องขอบคุณพี่มากจริงๆ ถ้าไม่ใช่พี่ช่วยฉันไว้ เกรงว่าคงยากมากที่ฉันจะรวมเข้ากับแมมบ้าแดงกรุ๊ปได้”

ฉินซียกแก้วเครื่องดื่มขึ้น ลุกขึ้นพูดก่อนว่า “ฉันขอใช้เครื่องดื่มแทนเหล้า ดื่มให้พี่แก้วหนึ่ง!”

เย่ฝานเป็นคนที่ร่าเริงคนหนึ่ง ยกแก้วยืนขึ้นมาแล้ว หัวเราะเยาะตัวเอง “บอกเธอตามตรง ตอนที่เธอเพิ่งมาที่แมมบ้าแดงกรุ๊ป ความจริงฉันก็สบประมาทเธออยู่”

“เริ่มแรก ตอนที่พ่อฉันให้ฉันทุ่มสุดแรงช่วยเหลือเธอ ฉันยังมีบ่นอยู่มาก คิดว่าแมมบ้ากรุ๊ปมีกฎแฝงที่ตายตัวมาก ในฐานะคนนอก จะรวมตัวเข้ามาได้ยังไงกัน?”

“แต่ต่อมา เป็นหยางเฉินใช้ลูกไม้เล็กๆ หลังจากไล่เย่หัวออกจากแมมบ้าแดงกรุ๊ปไป ถึงฉันจะอยู่ภายใต้ความไม่พอใจ ก็ยังต้องช่วยเหลือ”

เย่ฝานหน้าตาเต็มไปด้วยความขมขื่น ยังมีความรู้สึกผิดระดับหนึ่ง

อารมณ์บนหน้าของฉินซีตกต่ำอยู่บ้างเล็กน้อย

เย่ฝานพูดต่ออีก “แต่ว่า ต่อมาหลังทำงานกับเธอมาได้สักช่วงหนึ่งแล้ว ฉันถึงรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมากแค่ไหน”

“หยางเฉินมีภรรยาแบบเธอได้ เป็นโชคดีของเขา”

เวลานี้สีหน้าฉินซีถึงดูดีขึ้นมาก หัวเราะแบบงดงาม “เย่ฝาน ขอบคุณนะ!”

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ก่อนจะนั่งกลับไปบนเก้าอี้ของตนเอง

หยางเฉินสามารถมองออกได้ว่า เย่ฝานจริงใจ ในใจรู้สึกซาบซึ้งพอสมควร

“เย่ฝาน เรื่องเมื่อวานนี้ เป็นฉันเข้าใจนายผิดเอง ยังต่อยนายไปด้วย ขอโทษมากจริงๆ”

หยางเฉินเริ่มขอโทษแล้วเช่นกัน