ตอนที่ 1211 ได้เจอเสี่ยวไป๋อีกครั้ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ทันทีที่ร่างในชุดสีเหลืองอ่อนเคลื่อนไหว มู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงอันแผ่วเบานั้น “แม่นาง อาตมาทำได้เพียงแค่ล่วงเกินแล้ว”

นับตั้งแต่วินาทีแรกที่อินรั่วเฉินขอเจ้างูน้อยกับนาง พลังจิตของมู่เฉียนซีก็ได้กำหนดอยู่ที่อินรั่วเฉินแล้ว

แต่ความเร็วของเขานั้นช่างรวดเร็วยิ่งนัก มู่เฉียนซีถ่ายเทพลังวิญญาณทั้งหมดเข้าไปในกระบี่ยาว และตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เงาจันทราคู่!”

เงาจันทราอันเย็นยะเยือกพยายามที่จะยับยั้งร่างของอินรั่วเฉิน

แต่เมื่ออินรั่วเฉินเห็นเงาจันทรานี้ก็ตกใจผงะไปเล็กน้อย กระบวนท่านี้ เขาคุ้นเคยยิ่งนัก!

ล้อวงจันทร์หมุนวนอยู่ด้านหลัง เขารีบหลบหลีก แต่นี่ก็ทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะโจมตีมู่เฉียนซีให้สลบเช่นกัน

พลังวิญญาณของอินรั่วเฉินพรั่งพรูออกมา มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ด

ดู ๆ ไปแล้วอายุก็ไม่ได้ห่างกับอวิ๋นซิวมากนัก แต่พลังนั้นช่างห่างชั้นกันมาก

แต่พลังระดับเจ็ดไม่เพียงพอที่จะทำให้เสี่ยวไป๋หวาดกลัวได้ พลังของเขาต้องไม่ธรรมดาเหมือนดั่งผิวเผินเป็นแน่

“แม่นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาตมา อาตมาก็ไม่ได้อยากทำร้ายใครเหมือนกัน เจ้างูน้อยนั่นไม่ได้มีประโยชน์ต่อเจ้าแม้แต่น้อย เหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย ?”

ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย!

เจ้างูน้อยที่หลบอยู่ในแขนเสื้อมู่เฉียนซีได้ยินคำพูดนี้ของเขา ในใจมันรู้สึกหดหู่มาก!

ทว่า สิ่งที่เขาพูดมันก็จริง ตอนนี้มันไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

มู่เฉียนซีกล่าว “พระอย่างเจ้าไม่เข้าใจหรอก! ถึงแม้ว่าเจ้างูน้อยตัวนี้จะไม่มีกำลังในการต่อสู้ แต่มันก็ทำให้ข้ายิ้มได้ แต่คนที่ไร้แนวคิดอย่างเจ้าน่ะสิที่ได้งูน้อยนี่ไปแล้วจะไม่มีประโยชน์มากกว่าข้า เหตุใดถึงต้องมาแย่งข้าด้วย”

หญิงสาวตรงหน้า ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ดื้อรั้นมากที่สุดเท่าที่เขาได้พบเจอมา

“เช่นนั้น อาตมาก็ทำได้เพียงแค่ล่วงเกินเจ้าอีกครั้งแล้ว”

ร่างในชุดสีเหลืองอ่อนพุ่งไปทางมู่เฉียนซี

คมกระบี่ของมู่เฉียนซีขยับ นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เงาจันทราหนาวเหน็บ!”

ในขณะที่เงากระบี่พุ่งเป้าไป ร่างในชุดม่วงก็กระพริบไปรับมือกับอินรั่วเฉิน

พลังธาตุวารีได้ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนรอบตัวมู่เฉียนซี นางตะโกนอย่างเย็นชาว่า “ทักษะโยวหลัว!”

เผชิญหน้ากับทักษะการทำลายล้างนี้ อินรั่วเฉินสะบัดแขนเสื้อต้านทาน

เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ทั้งสองแยกออกจากกัน

มู่เฉียนซีมองผิดไปแล้ว จีวรที่ดูเหมือนจะธรรมดานั้น นึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นอาวุธลับชิ้นหนึ่ง

ต้านทานทักษะโยวหลัวได้อย่างสบาย อีกทั้งยังไม่มีร่องรอยเสียหายแต่อย่างใดอีก

บนใบหน้าของอินรั่วเฉินก็เผยความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย กำลังในการต่อสู้ของหญิงสาวตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าพลังของนางมาก

เดิมทีคิดว่าสามารถเอาของมาได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้มันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น

อินรั่วเฉินเองก็ไม่มัวแต่กล่าววาจาไร้สาระอีกต่อไปแล้ว จึงลงมืออีกครั้ง!

“มังกรวารีพิฆาต!” มู่เฉียนซีก็ตอบโต้ไปอย่างไม่เกรงใจเหมือนกัน

นางกล่าว “อินรั่วเฉิน หากเจ้าจะลงมือก็ลงมือมาจริง ๆ เลยดีกว่า ความสามารถเพียงน้อยนิดเช่นนี้ คิดจะแย่งชิงของในมือข้า เจ้ามันช่างเพ้อฝันมากเกินไปแล้ว!”

อินรั่วเฉินสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ระดับพลังวิญญาณไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น แต่มู่เฉียนซีรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าคนตรงหน้าผู้นี้พลันอันตรายขึ้น

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไปจากในมือนาง

“เงาจันทราคู่!”

นางไม่สามารถใช้กระบี่มังกรเพลิงที่ถูกปิดผนึกตายเอาไว้ ฉะนั้นจึงต้องพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะต่อสู้กับอินรั่วเฉิน

ในตอนนี้อินรั่วเฉินได้เอาอาวุธวิญญาณของตนเองออกมาแล้วเช่นกัน นั่นก็คือสร้อยประคำเส้นหนึ่ง

สร้อยประคำเส้นนั้นต้านทานการโจมตีของมู่เฉียนซีไว้ได้อย่างสบาย จากนั้นพลังทั้งหมดก็ย้อนโจมตีกลับไปที่มู่เฉียนซี

“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!” มู่เฉียนซีรับใช้โล่วิญญาณน้ำแข็งสกัดกั้น

ฉ่า! กำแพงน้ำแข็งแตกกระจุยกระจาย ร่างของมู่เฉียนซีกระเด็นลอยออกไป

เห็น ๆ กันอยู่ว่าบุรุษผู้ที่ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องผู้นั้นทำร้ายนาง แต่ตอนนี้กลับเผยสีหน้าเจ็บปวดใจออกมา

ต้องบอกเลยว่าที่ผ่านมาไม่ว่าเขาได้เห็นผู้ใดบาดเจ็บ ก็ไม่เคยเผยสีหน้าแววตาเช่นนี้ออกมาเลย

เขายังไม่ได้ลงแรงอย่างสุดกำลัง นางก็ไม่มีแรงที่จะรับมือแล้ว

กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา และปกคลุมร่างของมู่เฉียนซีไว้

มู่เฉียนซีไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แม้แต่เจ้างูน้อยที่หลบอยู่ในแขนเสื้อของนางตอนนี้ก็ไม่สามารถขยับตัวได้เช่นกัน

อินรั่วเฉินยื่นมือออกไปด้วยท่าทีที่สงบ ล้วงเข้าไปในแขนเสื้อมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีตะโกนเสียงดังลั่นว่า “เจ้าลวนลามข้า!”

“คนทั้งใต้หล้าล้วนแต่เห็นว่าเจ้าเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้วิเศษ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นพระที่ลามกเช่นนี้”

บุรุษยื่นมือล้วงแขนเสื้อสตรีเช่นนี้ ช่างเป็นการกระทำที่ลามากอนาจารอย่างเห็นได้ชัด

แต่อินรั่วเฉินนั้นได้ออกบวชมาตั้งแต่ยังเด็ก และเขาก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับสตรีใดมาก่อนเลย ไฉนเลยจะเข้าใจเรื่องพวกนี้

เจ้างูน้อยก็โกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะขี้ขลาดหวาดกลัวคนผู้นี้ แต่มันก็พุ่งไปฉกเขาครั้งหนึ่ง

เนื่องจากเจ้างูน้อยพุ่งตัวมาถึงที่ อินรั่วเฉินจึงคลำหามันในแขนเสื้อนางไม่เจอ

เขาจับเจ้างูน้อยนี้ได้แล้วคิดจะหนีไป แต่ทันใดนั้นเองกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกของกระบี่เล่มหนึ่งก็พุ่งไปที่เขา

กลิ่นอายกระบี่นี้เขาย่อมรู้ดีว่าเป็นของผู้ใด

เผชิญหน้ากับคนเช่นนี้จะชะล่าใจไม่ได้เป็นอันขาด เจ้างูน้อยจึงฉวยโอกาสนี้หนีออกมา

ร่างในชุดขาวร่างหนึ่ง ในมือถือกระบี่ยาวสีเงินคราม ปลายกระบี่ชี้ไปที่ระหว่างคิ้วของอินรั่วเฉิน

อินรั่วเฉินร่นตัวถอยหลังหลายสิบก้าว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก และมู่เฉียนซีก็ดึงสติกลับมาได้แล้ว นางอุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “เสี่ยวไป๋!”

ร่างในชุดขาวนั้นดูเย็นยะเยือกดุจดั่งยอดเขาหิมะ ใบหน้าประณีตงดงาม สมบูรณ์แบบดุจดั่งเทพทั้งหกภพก็มิปาน

นางไม่เห็นเสี่ยวไป๋ในค่ายที่พักของตำหนักเป่ยหาน เดิมทีคิดว่าเขาไม่ได้มาด้วย กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาตรงนี้ได้

เมื่อได้ยินคำเรียกชื่อเช่นนี้ กู้ไป๋อีเหมือนถูกแยกออกไปจากโลกอีกโลกหนึ่งก็มิปาน

ในตอนแรกเขาไม่ชอบให้นางเรียกชื่อเขาเช่นนี้เป็นที่สุด แต่นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินนางเรียก นึกไม่ถึงเลยว่าจะรู้สึกคิดถึง

เพียงแต่ว่า ตอนนี้ศัตรูอยู่ตรงหน้า เขาจะชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อผู้ที่ปรากฏกายมานี้เผชิญหน้ากับเขาด้วยจิตสังหารอันเย็นยะเยือก แต่อินรั่วเฉินกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “กู้ไป๋อี ไม่ได้เจอกันเสียนานเลย”

ในตอนที่มู่เฉียนซีใช้ทักษะกระบี่ อินรั่วเฉินก็รู้แล้วว่ามู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่ากู้ไป๋อีจะปรากฏตัวที่นี่ ในเวลานี้

“โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้านอิน” น้ำเสียงของกู้ไป๋อีเย็นชาเป็นอย่างมาก

นึกไม่ถึงเลยว่าอินรั่วเฉินจะกล้าทำร้ายนาง!

หากสามารถคุยกันดี ๆ ได้ อินรั่วเฉินก็ไม่อยากจะลงมือต่อสู้ โดยเฉพาะกับกู้ไป๋อี

เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “อาตมาก็แค่ต้องการขอของบางอย่างจากแม่นางท่านนี้ก็เท่านั้น”

“นางไม่ยอมให้ เจ้าก็เลยแย่งชิงอย่างนั้นเหรอ?” กู้ไป๋อีไม่ต้องการฟังอธิบายใดใดจากอินรั่วเฉิน จึงลงมือในทันที!

ครั้นแล้วพวกเขาสองคนก็เริ่มต่อสู้ขึ้น

อินรั่วเฉินเองก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ปกติแล้วกู้ไป๋อีไม่ได้เป็นเช่นนี้

ลงมือต่อสู้กับเขาทันทีโดยไม่ฟังคำอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่อย่างไรเสียมันก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ต่อสู้เท่านั้น!

เขาต้องเอาเจ้าสิ่งนั้นมาให้ได้ ต่อให้เผชิญหน้ากับกู้ไป๋อีก็ไม่ทางยอมถอยแน่นอน

กลิ่นอายของอินรั่วเฉินพลันแข็งแกร่งขึ้น และความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้เทียบเท่ากับกู้ไป๋อีที่มีพลังขึ้นมหาจักรพรรดิระดับสูงสุด

มู่เฉียนซีก็ตกใจมากเช่นกัน “อินรั่วเฉินน่ากลัวจริง ๆ ด้วย อายุไม่ได้มากกว่าอวิ๋นซินเท่าไหร่ แต่กลับมีพลังแข็งแกร่งเท่ากับกู้ไป๋อีเช่นนี้”

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ อย่าเปลืองแรงกับเจ้านี่เลย เราก็แค่ทิ้งเจ้างูน้อยนั่นไปก็สิ้นเรื่องแล้ว”

หากทั้งสองต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ เกรงว่าเสี่ยวไป๋อาจจะบาดเจ็บได้ ระเบิดพิษและผงพิษในมือได้โยนออกไปแล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวหง อู๋ตี้ ลงมือ!”

.