ตอนที่ 3128 ปลาบิน
หลุมดําของสกายดึงดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางเข้าไป ซันสปิริตกราวด์ปลดปล่อยฝูงอีกาสามขาออกมาอีก แต่พวกมันก็ถูกดูดกลืนโดยหลุมดําอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าน้ําเต้าจะพยายามปล่อยอีกาสามขาออกมามากสักแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์
สกายวิ่งเข้าไปถึงตรงหน้าของซันสปิริตกราวด์ และดูเหมือนว่าหลุมดําของเขาจะดูดกลืนมันเข้าไป แต่ทันใดนั้นปลาโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่อยู่ข้างใต้ซันสปิริตกราวด์ก็ลืมตาขึ้นมา ร่างกายของมันลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีขาว และในชั่วพริบตานั้นเหมือนกับว่าโลกทั้งใบเปลี่ยนเป็นสีขาว แม้แต่เนตรราชานกยูงของหานเซิ่นก็มองทะลุแสงสีขาวนั้นไม่ได้ เขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น
แสงสว่างอยู่ไม่นานนักก่อนที่มันจะเริ่มมัวลงไป และหานเซิ่นก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง แต่เมื่อถึงตอนนั้น ลาโลหิตชีพจรเทพสปิริตก็ได้หายไปแล้ว มันเหลือเพียงแค่ซันสปิริตกราวด์ที่ยังคงลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีขาวที่จะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้สิ้นซาก แม้แต่หลุมดําของสกายคิงก็ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวเมื่อเข้าไปใกล้น้ําเต้า
สีหน้าของสกายจึงเปลี่ยนไป เขาผลักหลุมดําไปโจมตีน้ําเต้า แต่ไม่ว่าหลุมดําจะน่าสะพรึงกลัวสักแค่ไหน มันก็ยังคงถูกเผาจนสิ้นซากเมื่อเข้าไปใกล้น้ําเต้ามันไม่อาจจะดูดกลืนซันสปิริตกราวด์ได้
มีเสียงการแตกหักดังขึ้นมา และผิวของน้ําเต้าก็มีรอยร้าวปรากฏขึ้นมา เมื่อเห็นแบบนั้นสกายคิงก็รู้สึกดีใจ เห็นได้ชัดว่าซันสปิริตกราวด์ทนต่อพลังของเขาไม่ได้ เขารวบรวมพลังเพื่อสร้างหลุมดําขึ้นมาเพิ่มอีก
หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนอย่างสกายทิ้ง การที่น้ําเต้าแตกร้าวนั้นไม่ได้หมายความว่ามันทนรับการโจมตีไม่ได้เสมอไป เขาคิดว่าบางทีมันอาจจะกําลังมีบางสิ่งออกมาจากน้ําเต้า
หานเซิ่นนึกไปถึงสิ่งที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้ เขาจําได้ว่าน้ําเต้านั้นจ้องมองมาที่เขา เขาไม่เชื่อว่ามันจะเป็นแค่ออร่าของน้ําเต้าที่ทําให้เขารู้สึกแบบนั้น บางทีน้ําเต้าอาจจะเป็นแค่เปลือกที่ห่อหุ้มบางสิ่งอยู่ บางทีสิ่งที่อยู่ข้างในเปลือกนั้นอาจจะเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
นอกจากนั้นหานเซิ่นเคยได้เห็นเป๋าเอ๋อเกิดออกมาจากน้ําเต้า ด้วยเหตุนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเห็นน้ําเต้าเขาก็มักจะรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งอยู่ภายใน
แต่สกายคิงนั้นต่างออกไป เขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่กําเนิดออกมาจากน้ําเต้ามาก่อน เขาคิดว่าการที่รอยร้าวปรากฏขึ้นบนผิวของน้ําเต้านั้นหมายความว่าเขาเกือบจะฆ่ามันสําเร็จแล้ว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ลังเลและปล่อยพลังเข้าใส่น้ําเต้าเพิ่มอีก
บนผิวน้ําเต้ามีรอยร้าวปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนกับว่าน้ําเต้านั้นจะทนต่อแรงกดดันไม่ได้อีกต่อไปและกําลังจะแตกในไม่ช้า หานเซิ่นรู้สึกไม่ปลอดภัยและถอยห่างออกมา
น้ําเต้านั้นได้กลืนกินโลหิตชีพจรเทพสปิริตเข้าไป ซึ่งตามทฤษฎีของแคสต์ก็อตคอร์ทแล้ว น้ําเต้านั่นจะต้องวิวัฒนาการถึงร่างสุดยอดเรียบร้อยแล้ว และถ้ามันวิวัฒนาการมากไปกว่านั้น มันก็อาจจะวิวัฒนาการไปสู่ระดับของสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว ถึงแม้มันจะเป็นยีนเรซมันก็อาจจะกลายเป็นเทพสปิริตก็เป็นได้
แน่นอนว่านี่เป็นวิธีการของแคสต์ก็อตคอร์ท มันจําเป็นต้องพึ่งการแทรกแซงของมนุษย์ หานเซิ่นไม่รู้ว่ายีนเรซตามธรรมชาตินั้นจะทําการเปลี่ยนแปลงระดับของสิ่งมีชีวิตได้ด้วยตัวเองหรือเปล่า
Boom!
ในที่สุดน้ําเต้าก็ระเบิดออก เปลือกสีขาวที่ดูเหมือนกับหยกแตกกระจายเป็นชิ้นๆ มันละลายโดยเปลวเพลิงสีขาวอย่างรวดเร็วและสลายจนไม่เหลือซาก
สีหน้าของหานเซิ่นและสกายคิงเปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่ามันมีสิ่งมีชีวิตประหลาดอยู่ท่ามกลางน้ําเต้าที่ระเบิด
สิ่งมีชีวิตนั้นดูเหมือนกับปลาไหล แต่มันมีปีก มันเหมือนกับว่าปลาและนกรวมร่างเข้าด้วยกัน แต่มันไม่เหมือนกับนกแดงน้อยของหานเซ็นที่สามารถเปลี่ยนเป็นปลาหรือนกได้ตามใจชอบสิ่งมีชีวิตนี้เป็นทั้งปลาและนกในเวลาเดียวกัน มันจะเป็นอะไรที่ดีกว่าถ้าเรียกมันว่าปลาบิน
ในตอนที่ปลาบินปรากฏตัว ดวงตาของมันก็จ้องมองไปที่สกายคิง มันเปิดปากและปล่อยเปลวเพลิงสีขาวออกมา สีหน้าของสกายคิงดูองอาจ มือข้างหนึ่งของเขากําพลังหยินเอาไว้ ขณะที่มืออีกข้างกําพลังหยาง เขาเอาพลังทั้งสองมาประกบเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นหลุมดําขนาดใหญ่ เขาบินตรงเข้าไปหาเปลวเพลิงของปลาบินราวกับว่ามันไม่ได้ทรงพลังอะไร
สีหน้าของสกายคิงเปลี่ยนไป เปลวเพลิงสีขาวเจาะทะลวงผ่านหลุมดําเข้าไปสู่มือของเขา ร่างกายของเขาเรืองแสงอันหนาวเย็นเพื่อจะพยายามดับเปลวเพลิงของปลาบิน
แต่ไม่ว่าสกายคิงจะทํายังไง เปลวเพลิงสีขาวก็ไม่ยอมดับ มันเริ่มลามไปที่ถุงมือเกราะของเขา สกายคิงตกใจ เขาไม่มัวเสียเวลาคิดและรีบถอดถุงมือทิ้งไป ก่อนที่จะพยายามบินหนีไป
ปลาบินนั้นไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ มันกระพือปีกและบินไล่ตามสกายทิ้งไป
ในตอนแรกสกายคิงต้องการจะฆ่ายนเรซนี้ให้ได้ ถึงแม้มันจะไม่มีเรื่องของโลหิตชีพจรเทพสปิริตเข้ามาเกี่ยวข้อง ยีนเรซที่ทรงพลังแบบนั้นก็ยังคงเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศอยู่ดี
แต่ตอนนี้หลังจากที่ได้สัมผัสกับพลังของเจ้าปลาบิน สกายคิงก็ไม่มีความคิดแบบนั้นอีกต่อไป เขาพยายามบินหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
แต่เจ้าปลาบินนั้นรวดเร็วกว่าสกายคิง หานเซิ่นได้ยินเสียงร้องตะโกนและเห็นกันของสกายคิงนั้นลุกเป็นไฟ สถานการณ์ของเขาดูไม่สู้ดีนัก
หานเซิ่นรับกระพือปีกเพื่อบินตามหลังไป เขาเห็นสกายคิงค่อยๆโยนชุดเกราะของตัวเองทิ้งไปที่ละชิ้นๆ ขณะที่เขาพยายามบินหนีไป ทั้งสกายทิ้งและปลาบินนั้นรวดเร็วมากๆ พวกเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับว่าพวกเขากําลังเทเลพอร์ด พวกเขาบินออกจากดวงดาวไปสู่อวกาศ หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไล่ตามไป แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นกําลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อหานเซิ่นเห็นว่าสกายคงและปลาบินกําลังจะคลาดสายตาไป หานเซิ่นก็จําเป็นต้องแหกกฏของโลกนี้ และใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชันเพื่อจะไล่ตามพวกเขาให้ทัน
สายตาของคนปกตินั้นมองตามการเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่ทัน แต่หานเซิ่นมองเห็น ราชาต่างราชวงศ์ของอาณาจักรฉันนั้นเป็นบุคคลที่ผู้คนต่างก็ยำเกรง แต่ตอนนี้คนๆนั้นก่าลังถูกไล่ล่าโดยปลาบิน เส้นผมของเขาดูยุ่งเหยิงและสภาพของเขาก็ดย่าแย่
สกายคงใช้วิชาประสานยืนที่น่ากลัวต่างๆนานาเพื่อจะหยุดปลาบิน แต่ทุกอย่างที่เขาทํานั้นไร้ประโยชน์ มันไม่มีอะไรที่ได้ผล เปลวเพลิงของเจ้าปลาบินนั้นน่าสะพรึงกลัวถึงระดับที่พวกมันเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นผุยผงได้
ในตอนที่สกายคิงเพลี่ยงพล้ําและปล่อยให้เส้นผมของเขาถูกเปลวไฟของปลาบินเข้า เขาก็ตัดสินใจที่จะตัดผมทิ้งไปโดยไม่ลังเล เขาไม่ต้องการปล่อยให้ไฟลามมาสัมผัสหัวของเขาได้
“ปลาบินน่ากลัวจริงๆ” หานเซิ่นตกใจ เปลวเพลิงที่ดับไม่ได้และความเร็วที่น่ากลัวของเจ้าปลาบินนั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่เทพสปิริตขั้นแอนนิเคชั่นก็ไม่อาจจะเอาชนะได้
“โลหิตชีพจรเทพสปิริตนั่นจะต้องเป็นขั้นแอนนิฮิเลชั่นอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นปลาบินนี้ก็คงจะไม่ทรงพลังถึงขนาดนี้”
ถึงแม้หานเซิ่นจะต้องการเปลี่ยนปลาบินนั่นให้กลายเป็นไข่ แต่เขาก็รู้ว่าถึงเขาจะแหกกฏของโลกนี้เพื่อต่อสู้กับมัน เขาก็อาจจะทําไม่สําเร็จ
สกายคิงถูกไล่ล่าเป็นเวลานาน และไม่รู้ว่าอาวุธจีโนมากมายเท่าไหร่ที่ถูกเผาผลาญไป ถึงเขาจะรู้สึกแย่ที่ต้องสูญเสียพวกมันไป แต่เขาก็ไม่กล้าจะปล่อยให้เปลวเพลิงของปลาบินมาสัมผัสร่างกายของเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น
ที่สุดแล้วอาวุธจีโนของเขาก็ถูกเผาผลาญไปจนหมด และเขาก็จําเป็นต้องเรียกยืนเรซออกมารับเปลวเพลิงแทนตัวเขาเอง เมื่อต้องเห็นยีนเรซระดับเทพเจ้าถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน แม้แต่หานเซิ่นเองก็รู้สึกแย่แทนสกายคิง
ตอนต่อไป →