ตอนที่ 1555

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ฉื้อหวงจี่่ อัจฉริยะของดินแดนใต้พิภพ เขาเป็นสุดยอดราชาอย่างแท้จริง ในระดับพลังเดียวกันเขาสามารถรับมือกับเป่ยหวงและฉือหวงได้! แต่ในป่าภูผาวารี ท้ายที่สุดฉื้อหวงจี่่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหลิงฮัน

ฉื้อหวงจี่่ รู้สึกเป็นทุกข์ในใจมาตลอด ดินแดนทั้งสองนั้นแยกกันเป็นเอกเทศจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตามหาหลิงฮันเพื่อลบล้างความอัปยศ

ในตอนที่อูเจวี๋ยหลบหนี เหล่าจอมยุทธจากปราสาทอสูรแห่งความยุ่งเหยิงได้ส่งคนจำนวนมากออกตามหาจนสุดท้ายเมื่อพบอูเจวี๋ยแล้วพวกเขาก็ได้ถือโอดาสนำพาเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมกลับมาด้วย ฉื้อหวงจี่่ก็เป็นหนึ่งในนั้น

เขาเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ในระยะเวลาเพียงร้อยปีเขาก็สามารถทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ได้แล้วแถมยังบรรลุขั้นกลางอีกด้วย พรสวรรค์เช่นนี้ต่อให้เป็นในสำนักละอองดาราก็เป็นหนึ่งในสุดยอดอัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉื้อหวงจี่่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบหลิงฮันที่นี่

“โอ้ ไม่ได้พบกันเสียนาน!” หลิงฮันโบกมือให้ฉื้อหวงจี่่โดยไม่กังวลว่าจะถูกเปิดเผยว่าเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

จ้าวอสูรขวงล่วนสมควรรู้ตัวตนแท้จริงของเขาอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะงั้นตราบใดที่จ้าวอสูรไม่ทำอะไรทำไมเขาต้องคิดมาก?

ฉื้อหวงจี่่กัดฟัน เขาไม่คิดว่าหลิงฮันจะกล้าถึงขนาดมาเดินเตร็ดเตร่ในดินแดนใต้พิภพแถมยังปรับตัวได้อย่างแนบเนียนอีกด้วย หากเขาไม่รู้จักหลิงฮันมาก่อนแล้วมีคนมาบอกว่าหลิงฮันเป็นไส้ศึกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาก็ไม่มีทางเชื่อ

เขาอยากจะพุ่งเข้าไปปะทะกับหลิงฮันเสียแต่ตอนนี้แต่ที่ด้านข้างนั้นมีจ้าวอสูรขวงล่วนยืนอยู่ เขารีบกล่าว “อาจารย์ คนคนนั้นเป็นจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้วิธีการบางอย่างปลอมตัวได้อย่างแนบเนียน!”

ว่าไงนะ!

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่นๆที่มาด้วยกันต่างตกตะลึง คนคนนี้คือไส้ศึกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์?

หลิงฮันกระแอมก่อนจะกล่าว “ฉื้อหวงจี่่ คำพูดนั้นไม่สมควรเอ่ยกล่าวออกมาโดยไร้เหตุผล! มองดูที่ข้า ตรงไหนกันที่ข้าเหมือนกับคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์?”

“ฮึ่ม เจ้าลืมไปแล้วรึว่าพวกเราเคยพบกันที่สนามรบสองดินแดนเมื่อร้อยปีก่อนและมีการปะทะกัน! เจ้าจะเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือดินแดนใต้พิภพมีรึที่ข้าจะแยกไม่ออก?” ฉื้อหวงจี่่แสยะยิ้ม

หลิงฮันอ้าปากอุทาน ‘โอ้’ ออกมาเบาๆ “เจ้าจะบอกว่าเป็นเจ้าที่พ่ายแพ้ข้าตอนนั้น?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็เริ่มกระซิบส่งเสียงเอะอะ

ฉื้อหวงจี่่น่ะรึแพ้? เป็นไปไม่ได้ ศิษย์ของพวกเขาคนนี้เป็นดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เขาเป็นที่รู้ว่าว่าหากฉื้อหวงจี่่เป็นสองย่อมไม่มีหนึ่ง ต่อให้ในอนาคตจะไม่สามารถกลายเป็นจ้าวอสูรก็ต้องบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์

หากฉื้อหวงจี่่พ่ายแพ้ย่อมเป็นเพราะพลังบ่มเพาะของหลิงฮันในตอนนั้นสูงกว่าแน่นอน

ฉื้อหวงจี่เผยสีหน้าโมโห “นั่นเป็นเพราะพลังบ่มเพาะของข้าถูกจำกัดลดไปยังเป็นระดับวารีนิรันดร์ หากเป็นพลังแท้จริง ข้าสามารถกำราบเจ้าได้ด้วยนิ้วมือเดียว”

โอ้!

ทุกคนมีท่าทางประหลาดใจ ฟังจากน้ำเสียงของฉื้อหวงจี่่แล้วเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นฝ่ายที่มีพลังบ่มเพาะสูงกว่า ถ้าเช่นนั้นแล้วรุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นใครกัน ช่างน่ายำเกรงนัก

หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ถ้าจะสู้กันอีกครั้งข้าก็ไม่ขัดข้อง”

ฉื้อหวงจี่่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าได้เปลี่ยนเรื่อง! เจ้าที่เป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีจุดประสงค์ใดถึงได้บุกมายังดินแดนใต้พิภพของข้า?”

จ้าวอสูรขวงล่วนกล่าวแทรก “ในเมื่อเขามาอยู่ที่ดินแดนใต้พิภพและฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของที่นี่ได้แล้ว หลิงฮันก็ถือว่าเป็นคนของดินแดนใต้พิภพเหมือนพวกเรา! หัวข้อนี้ห้ามยกมาเอ่ยถึงอีก”

หากจ้าวอสูรกล้าวเช่นนี้เองก็มีแต่ต้องย่อมเชื่อฟัง!

“ขอรับ อาจารย์”

“ขอรับ ท่านจ้าวอสูร”

ทุกคนกล่าวยอมรับ มีเพียงฉื้อหวงจี่คนเดียวที่ไม่กล่าวอะไรแต่พนักหน้าอย่างเดียว

แต่หากจ้าวอสูรกล่าวแบบนั้นเขาก็คงต้องลืมตัวตนเดิมของหลิงฮัน แต่ว่าจ้าวอสูรไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าห้ามเขาท้าประลอง

“หลิงฮัน มาสู้กันข้าอีกครั้ง!” ฉื้อหวงจี่่ก้าวเดินออกมา เขาเป็นหนึ่งในศิษย์ที่ได้รับความสำคัญจากจ้าวอสูรขวงล่วน เพราะงั้นเขาจึงสามารถทำอะไรบางอย่างที่ศิษย์คนอื่นไม่สามารถทำได้ อย่างเช่นการไม่ต้องถ่อมตัวต่อหน้าจ้าวอสูร

ครั้งนี้จ้าวอสูรขวงล่วนไม่ห้ามปรามและยิ้มให้กับหลิงฮัน “สู้อย่างยุติธรรม”

หลิงฮันเข้าใจความหมายนี้ หากเขาทุ่มสุดตัวกระตุ้นใช้งานรูปแบบอาคมทั้งสิบเอ็ดฉื้อหวงจี่่จะเป็นอย่างไร? คำที่ว่า ‘ยิตุธรรม’ นั้นหมายถึงห้ามมีการสังหารเกิดขึ้นเด็ดขาด

แต่หลิงฮันก็ไม่คิดมาก ในระดับเดียวกันมีรึที่เขาจะแพ้?

“ตกลง มาดูกันอย่างยุติธรรม” หลิงฮันยิ้ม

“งั้นก็ขึ้นไปด้านบน” ฉื้อหวงจี่่เหาะนำขึ้นไปยังท้องฟ้า

หลิงฮันเหาะตามขึ้นไปอย่างไร้อารมณ์ ในระดับพลังเดียวกันต่อให้เป็นราชาระดับสามก็ไม่อยู่ในสายตาของเขา นอกเสียจากว่าคู่ต่อสู้จะเป็นจอมยุทธจากดินแดนต้องห้ามที่ฝึกฝนทักษะจากดินแดนแห่งเซียนถึงจะมีคุณสมบัติพอจะให้เขาลงมือ

“พี่สาว กินเม็ดแตงโมนี่สิ” เมื่ออูเจวี๋ยเห็นว่าก้างขวางคอไม่อยู่แล้วเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาสตรีนกอมตะด้วยท่าทางเอาใจใส่ ทุกคนที่เห็นล้วนแต่ตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นนายน้อยเอาใจใส่คนอื่นมาก่อน

แม้แต่จ้าวอสูรขวงล่วนก็ยังปากกระตุก แม้แต่กับเขาบุตรของเขาก็ไม่เคยมีท่าทีเอาใจขนาดนั้น!

ทุกคนจับจ้องไปยังสตรีนกอมตะ สตรีผู้นี้งดงามเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ถึงขนาดทำให้ทุกคนลุ่มหลงจนไร้สติ อย่างน้อยในเขตดวงดาวเขตนี้ก็หาสตรีที่งดงามเช่นนางได้หนึ่งหรือสองคน เป็นไปได้อย่างไรที่นายน้อยจะหลงเสน่ห์นางขนาดนั้น?

ที่พวกเขาไม่รู้คือเมื่อตอนที่อูเจวี๋ยยังเด็ก เขาได้รับการดูแลอย่างอ่อนโยนจากสตรีนกอมตะ ความประทับใจในตอนนั้นได้ฝังลึกลงไปในก้นบึ้งจิตใจ สตรีที่งดงามทั่วไปย่อมไม่สามารถมาแทนที่ได้

ด้านบนท้องฟ้า ฉื้อหวงจี่่จ้องมองไปยังหลิงฮันด้วยสายตาเย็นชาและมืดมน คู่ต่อสู้ที่มในอดีตเขาสามารถกราบได้ด้วยมือข้างเดียวในตอนนี้กลับมีพลังบ่มเพาะไล่ตามเขาทันแล้ว

เขาได้รับการชี้แนะส่วนตัวจากจ้าวอสูร แถมด้วยการที่เป็นลูกรักของสวรรค์ทำให้เขาพบเจอสมบัติล้ำค่าต่างๆมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นหลิงฮันก็ยังไล่ตามเขาได้ทันซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ

มือทั้งสองข้างของฉื้อหวงจี่่ปรากฏรูปแบบอาคมอสูร ท่าทางของเขาดูมั่นใจเป็นอย่างมาก ในระดับพลังเดียวกันเขาไม่หวาดกลัวใครและสามารถบดขยี้ทุกชีวิต

เขาคำรามลั่นพร้อมกับพุ่งจู่โจมหลิงฮัน

หลิงฮันทำตัวสบายๆ ต่อให้เขาไม่โจมตีและป้องกันอย่างเดียว การโจมตีของฉื้อหวงจี่่ก็ไม่สามารถเจาะผ่านพลังป้องกันของเขาได้ หรือหากเขาไม่ป้องกันเลย ฉื้อหวงจี่่ต้องโจมตีด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อย่างน้อยเจ็ดวันเขาถึงจะได้รับบาดเจ็บ

หลิงฮันยกมือขึ้น ที่บริเวณฝ่ามือของเขามีแสงสลัวๆของรูปแบบอาคมส่องประกายออกมา แต่ที่น่าแปลกคือมันไม่ใช่ทั้งรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์หรือรูปแบบอาคมอสูร ราบกับว่ามันคือการผสานกันของรูปแบบอาคมทั้งสองและเป็นรูปแบบอาคมที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า

“หืม!” จ้าวอสูรขวงล่วนแสดงสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย พลังของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์นั่นแม้จะไม่นับเป็นอันใดในสายตาของเขา แต่หากให้เขาลดพลังของตนเองลงไปเป็นระดับวารีนิรันดร์และต่อกรด้วยรูปแบบอาคมอสูรล่ะก็เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮัน

รุ่นเยาว์ผู้นี้… ไม่ใช่ธรรมดา!