ตอนที่ 938 เปิดม่านอีกโลกหนึ่ง (จบเล่ม)

หมอดูยอดอัจฉริยะ

เวลาหนึ่งร้อยปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่ข้างกายก็จากไปทีละคน เยี่ยเทียนที่ผมขาวโพลนเต็มศีรษะ ไฟแห่งชีวิตในเวลานี้ก็เหมือนจะมอดดับจนหมดแล้ว ใบหน้าของเขามีแต่รอยเหี่ยวย่นของคนแก่ ผิวหนังไร้ความเต่งตึง

ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา เยี่ยเทียนไม่เคยฝึกวรยุทธเลยสักครั้ง เขาทำตัวเองเหมือนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เพื่อสัมผัสการจากไปของการเกิดแก่เจ็บตายบนโลกมนุษย์ เพื่อคอยส่งพ่อแม่และเครือญาติ เฝ้าดูการเติบโตของดูลูกหลาน ทั้งหมดนี้ได้สร้างรอยประทับที่ลึกซึ้งอยู่ในจิตใจของเยี่ยเทียน

“เยี่ยเทียน ฉันไม่อยากจากนายไปเลย!”

เรือนสี่ประสานที่ผ่านการซ่อมแซมหลายครั้งในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา เวลานี้มีคนมารวมตัวกันมากมาย แต่พวกเขาต่างก็ยืนอยู่ในลานบ้าน นอกจากเยี่ยเทียนสองสามีภรรยาแล้ว ก็ไม่มีใครอยู่ที่ลานหลังบ้านอีก แม้แต่เยี่ยชิวก็ไม่สามารถมาดูแลปรนนิบัติแม่อยู่ที่หน้าเตียงได้

เมื่อใช้ชีวิตมาถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปี ชีวิตของอวี๋ชิงหย่าก็เดินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้วเช่นกัน ใบหน้าที่แก่ชราไม่มีความสาวและงดงามของหญิงสาวสดใสในตอนนั้นอีก ความมีชีวิตชีวาของร่างกายค่อยๆ จางหายไป เหลือเพียงแววตาที่ยังคงเป็นประกายสว่างเพียงอย่างเดียว

“เยี่ยเทียน สิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ของฉัน ก็คือการได้แก่ไปพร้อมกับนาย ฉัน…พอใจแล้ว!”

อวี๋ชิงหย่ายกมือขึ้นมาอย่างยากลำบาก ค่อยๆ ลูบใบหน้าที่เหี่ยวย่นราวกับต้นไม้แก่ของเยี่ยเทียนเบาๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า

“ฉันรู้ว่าความจริงแล้วว่านายไม่มีทางแก่ นายทำเพื่อฉัน ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ เยี่ยเทียน ถ้าหากชาติหน้ามีจริง เธอยังจะยอมอยู่กับฉันอีกไหม?”

ถึงแม้อวี๋ชิงหย่าจะไม่เคยถามเรื่องของเยี่ยเทียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รู้เรื่อง เพราะจากที่โก่วซินเจียและคนอื่นๆ ที่ยังดูหนุ่มและมีอายุเกือบจะสองร้อยปี เธอจึงมองออกว่า ที่เยี่ยเทียนแก่ก็เพื่ออยากใช้ชีวิตยามแก่ไปกับเธอ และเพื่อไม่ให้รู้สึกเศร้าใจไปกับใบหน้าที่เปลี่ยนไป

“แน่นอน พวกเราจะอยู่ด้วยกันไปทุกภพทุกชาติ จากวันครบรอบแต่งงานปีแรกไปจนถึงครบรอบหกสิบปี พวกเราก็จะจัดงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ทุกครั้ง!”

เยี่ยเทียนหอมแก้มเธอเบาๆ มองภรรยาด้วยสายตาที่อ่อนโยน เขาไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องเทศกาลอะไรมากมาย แต่หากเป็นวันครบรอบแต่งงานของสามีภรรยา เยี่ยเทียนจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา พวกเขาได้จัดวันครบรอบแต่งงานมาหนึ่งร้อยครั้งแล้ว

ท่ามกลางสายลมและสายฝนที่ผ่านมานับร้อยปี ราวกับการฉายภาพยนตร์ซ้ำๆ แวบเข้ามาในหัวก็ไม่ปาน เด็กสองคนที่ไม่ชอบกันตอนวัยเด็ก ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากเข้ามหาวิทยาลัย และไม่เคยห่างกันเลยในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ทำให้เยี่ยเทียนน้ำตาคลอเบ้า ปากสั่นระริกไม่หยุด พร้อมกับความเจ็บปวดทรมานที่อยู่ในใจ

“อย่าเสียใจไปเลยค่ะ ชาติหน้าพวกเราก็ยังได้อยู่ด้วยกันอีก!”

อวี๋ชิงหย่าเช็ดน้ำตาที่อยู่หางตาของเยี่ยเทียนเบาๆ แล้วพูดว่า

“ฉันอยากฟังเพลงนั้นอีกครั้ง การที่แก่ไปกับนาย ดีจริงๆ!”

“ได้ ได้ ฉันจะเปิดให้เธอฟัง!”

เยี่ยเทียนพยายามแอบเช็ดน้ำตา แล้วจึงรีบลุกขึ้น ควานหาแผ่นซีดีที่เก็บไว้ร้อยกว่าปีอย่างรวดเร็ว แล้วใส่ลงไปในเครื่องเล่นซีดี จากนั้นเสียงร้องของผู้หญิงก็ดังขึ้นมา

“นั่งพิงหลังกันอยู่บนพรม

ฟังเพลงแล้วพูดถึงความปรารถนา

คุณอยากให้ฉันอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ

ฉันอยากให้คุณเก็บฉันไว้ในใจ

คุณบอกว่าอยากมอบความฝันที่โรแมนติกให้กับฉัน

ขอบคุณฉันที่พาคุณมาถึงสวรรค์

ต่อให้ต้องใช้ทั้งชีวิตนี้ถึงจะสำเร็จ

ขอเพียงฉันพูดคุณก็จะจำไม่มีวันลืม

เรื่องสุดโรแมนติกที่ฉันนึกได้

ก็คือได้แก่ไปพร้อมกับคุณอย่างช้าๆ

คอยเก็บสะสมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะทีละนิดตลอดทาง

เก็บเอาไว้คุยกันยามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกอย่างช้าๆ

เรื่องสุดโรแมนติกที่ฉันนึกได้

ก็คือได้แก่ไปพร้อมกับคุณอย่างช้าๆ

จนกระทั่งพวกเราแก่จนไปไหนไม่ได้

คุณก็ยังมองฉันเป็นของล้ำค่าอยู่ในมือคุณเหมือนเดิม…”

จากเสียงเพลง ดวงตาของอวี๋ชิงหย่ามีประกายสดใสออกมา ฉากแต่ละฉากที่ผ่านลมฝนและอยู่เคียงข้างกันมาตลอดหนึ่งร้อยปี ได้ลอยแวบผ่านหน้าเธอไป จากการฟังเพลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แววตาของอวี๋ชิงหย่าก็ค่อยหม่นลงอย่างช้าๆ จากนั้นลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็หายไปจากร่างกายของเธอ

“ชิงหย่า ชาติหน้าฉันก็ยังจะแก่ไปพร้อมกับเธอ!”

มือที่จับภรรยาเอาไว้แน่นค่อยๆ เย็นลงอย่างช้าๆ เยี่ยเทียนร้องไห้โฮเหมือนกับเด็ก เพราะความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรักที่สุดไป ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก นับจากนี้ไป คนรักของเขาได้จากไปแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถเห็นหน้าของภรรยาได้อีก

สวรรค์ไร้เมตตาแต่คนย่อมมีน้ำใจ มหามรรคจินตันอะไร ยาอายุวัฒนะอะไร ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว เยี่ยเทียนระบายความเศร้าโศกเสียใจของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ บางทีหากผ่านด่านนี้ไปได้ จิตในการฝึกเต๋าของเขาก็อาจจะเข้าสู่สภาวะของการฝึกฝนอย่างแท้จริงก็เป็นได้

“แม่!”

“คุณย่า! คุณทวด!”

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเยี่ยเทียนแล้ว คนที่รออยู่ในลานบ้านต่างก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่ กรูกันเข้าไป จากนั้นเสียงร้องไห้จึงดังขึ้นไปทั่วทั้งเรือนสี่ประสาน ความเศร้าโศกปกคลุมขึ้นมาอย่างฉับพลัน แม้แต่เยี่ยชิวที่บรรลุขั้นเซียนเทียนแล้ว ก็ยังคุกเข่าร้องไห้อยู่หน้าเตียงของแม่อยู่นานไม่ยอมลุกขึ้น

“อาจารย์ เสียใจด้วยนะครับ!”

โจวเซี่ยวเทียนที่ยังดูเป็นคนหนุ่มเหมือนเดิมก็เช็ดน้ำตาเช่นกัน เขาประคองเยี่ยเทียนที่นั่งอยู่หัวเตียงขึ้นมา พวกเขาได้เตรียมงานศพของอวี๋ชิงหย่าไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างเป็นระเบียบแบบแผน แต่หลังจากนั้นเยี่ยเทียนก็คอยนั่งเฝ้าศพภรรยาอยู่อีกเจ็ดวันเต็มๆ

“ศิษย์น้องเล็ก เธอ…”

หลังจากฝังศพของอวี๋ชิงหย่าแล้ว โก่วซินเจียและคนอื่นๆ ก็มารวมตัวกันอยู่ในเรือนสี่ประสาน ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาพวกเขามาเจอกันน้อยมาก ตอนนี้เมื่อเห็นร่างกายที่แก่และซูบผอมของเยี่ยเทียน จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะว่าพวกเขามองไม่เห็นร่างกายที่แสดงถึงผู้ที่ฝึกวรยุทธใดๆ ได้จากตัวของเยี่ยเทียนอีกแล้ว

เวลานี้แม้แต่โก่วซินเจียและคนอื่นๆ ก็ยังเห็นถึงความแก่ชราอยู่บ้าง เพราะตอนที่เขาเข้าสู่ระดับเซียนเทียนก็อายุเกือบจะหนึ่งร้อยปีแล้ว จนถึงตอนนี้ก็มีอายุขัยไม่ถึงสิบกว่าปีเท่านั้น เพียงแต่ในสายตาของโก่วซินเจีย กลับมีสีหน้าของผู้ที่มีสติปัญญาหลักแหลม จึงไม่กลัวความตายของตัวเองเสียเท่าไร

“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่เป็นไร การเกิดแก่เจ็บตายเป็นการฝึกจิตในโลกของมนุษย์ และทางที่เดินหลังจากนี้ก็จะยิ่งกว้างขึ้น…”

เยี่ยเทียนโบกมือแล้วพูดว่า

“ให้เวลาผมสามปี หลังจากสามปี พวกเราก็จะไปจากโลกนี้พร้อมกัน!”

“ได้ พวกเราก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน สามปี ศิษย์น้องเล็ก งั้นก็เวลาสามปีนะ!”

โก่วซินเจียพยักหน้าอย่างจริงจัง หลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี สำนักเสื้อป่านก็ได้แซงหน้าสมาคมหงเหมิน กลาย เป็นแก๊งค์คนเชื้อสายจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก วิชาการทำนายดวงชะตาของโจวอี้ก็ได้เผยแพร่ไปทั่วทุกมุมโลกมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ ประเทศจีนในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาก็ได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ ทหารหรือด้านการเมือง ก็ได้แซงหน้าประเทศอเมริกาไปแล้ว แต่ประเทศจีนที่ชอบความสงบก็ไม่ได้แสดงความเป็นใหญ่เหมือนกับอเมริกา ช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่มีความรุนแรงของสงครามใดๆ เกิดขึ้น และหนึ่งในนี้ก็เกี่ยวข้องกับความเกรงกลัวสำนักเสื้อป่านอีกด้วย

ในฐานะผู้แบกรับภาระหนักของสำนักเสื้อป่านกับประเทศแล้ว การจากไปของพวกเขา เป็นการจัดการที่แยบยลอย่างหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากในช่วงหนึ่งร้อยปีนี้ สำนักเสื้อป่านได้มีลูกศิษย์ที่มีคุณสมบัติที่ดีหลายคนที่บรรลุระดับเซียนเทียนอีกแล้ว และครั้งนี้ก็อาจจะจากไปกับพวกเขาด้วยเช่นกัน

หลังจากรอให้โก่วซินเจียและคนอื่นๆ กลับไปแล้ว เยี่ยเทียนจึงทิ้งจดหมายไว้หนึ่งฉบับ จากนั้นก็พลันหายตัวไป ตลอดเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครรู้ข่าวของเขาแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งเวลานัดสามปีใกล้เข้ามา โก่วซินเจียจึงได้รับโทรศัพท์จากเยี่ยเทียน

ในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ ถึงแม้โลกจะผ่านการจัดการไปทั่วโลก มลพิษลดลงไม่น้อย แต่ปราณวิเศษกลับยิ่งเบาบางลงมากขึ้น จากการวิเคราะห์ของโก่วซินเจีย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป โลกนี้ก็จะไม่มีผู้ฝึกตนอีก

ในฐานะของหลังคาโลก ประวัติของยอดเขาเอเวอเรสต์นั้นเป็นเขตต้องห้ามที่พวกมนุษย์อยากจะเข้ามาโดยตลอด และกิจกรรมที่เพิ่งอุบัติขึ้นเป็นประวัติการณ์ชิ้นใหญ่ก็ได้สร้างเสร็จเมื่อสองร้อยปีก่อน ไม่เพียงเท่านี้ บนยอดเขาสูงสุดของยอดเขาเอเวอเรสต์กลับมีชายชราผมขาวโพลนคนหนึ่งอาศัยอยู่อีกด้วย

“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกท่านมาแล้วเหรอ?”

เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างล่าง ชายชราจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ จากนั้นเขาจึงหันหน้าไป แล้วจึงรู้สึกประ หลาดใจกับภาพที่เกิดขึ้น ผิวหนังที่แห้งเหี่ยวกับหนวดเคราที่ขาวโพลนของชายชรา พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หลังจากรอให้ชายชราหมุนตัวกลับมา ผิวหนังของเขาก็ดูเปล่งปลั่งขึ้นมาทันที ผมดำยืดหยุ่นเป็นมันขลับ นอก จากสายตาของคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนที่เต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาคู่นั้นแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถมองออกถึงอายุของคนผู้นี้จากรูปลักษณ์ภายนอกได้อีก

“ศิษย์น้องเล็ก เธอฟื้นฟูกลับมาแล้วเรอะ?”

เมื่อเห็นภาพมหัศจรรย์ราวกับมีเวทมนต์อยู่ตรงหน้า โก่วซินเจียและคนอื่นๆ ต่างก็ถอนหายใจโล่งอก เพราะในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาเยี่ยเทียนไม่ได้ฝึกวรยุทธเลย พวกเขาจึงกลัวว่าเขาจะไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาวะสูงสุดได้อีก แต่เวลานี้ พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงเลือดลมที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกายของเยี่ยเทียนอีกครั้ง

“ผมไม่เคยสูญเสีย แล้วจะพูดว่าฟื้นฟูกลับมาได้ยังไงครับ?”

เยี่ยเทียนได้ยินแล้วจึงยิ้มขึ้นมา การฝึกจิตในโลกมนุษย์ในช่วงหนึ่งร้อยปีมานี้ การประสบเหตุการณ์เกิดแก่เจ็บตายของพ่อแม่และภรรยา ทำให้จิตใจของเยี่ยเทียนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ถึงแม้เขาจะไม่เคยฝึก วรยุทธเลยสักวัน แต่การกระชับแน่นของจิตแห่งหยางของเยี่ยเทียนนั้น กลับเกิดปรากฏการณ์ในขั้นแตกหน่ออยู่เนืองๆ

และเจี่ยตันที่ผนึกอยู่ในท้องของเยี่ยเทียนมาสามปีนั้น เกือบจะดูดซับปราณวิเศษของโลกจนหมดสิ้นแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เยี่ยเทียนสร้างค่ายกลตบตาสวรรค์ไว้บนร่างกายของตัวเอง เกรงว่าเขาคงจะถูกอัสนีฟาดจากสวรรค์ไปนานแล้ว

“ทำให้ทุกคนต้องรอนานแล้ว!”

เยี่ยเทียนมองโก่วซินเจียและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จั่วเจียจวิ้นก็มา หนานไหวจิ่นก็มา โจวเซี่ยวเทียนกับเหลยหู่ก็มา หูหงเต๋อก็มา พลังปราณขนาดใหญ่ได้แผ่กระจายออกมาจากตัวของทุกคน ทำให้พลังปราณที่อยู่บนภูเขาเอเวอเรสต์ถูกสกัดอยู่ข้างนอกทั้งหมด

ส่วนเหมาโถวกับสิงห์ขนทองนั้นก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่า โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกายเนื้อของสิงห์ขนทองนั้น ทำให้พื้นที่เกิดการสั่นสะเทือนอยู่เลือนราง ดูเหมือนการพันธนาการระหว่างฟ้าดินจะไม่มีผลกระทบมากต่อการบำเพ็ญตบะของปีศาจ

เมื่อห้าสิบปีก่อน สิงห์ขนทองได้ผ่านเคราะห์อัสนีฟาดแล้ว กลายเป็นต้าเยาที่เทียบเท่ากับระดับจินตันของพวกมนุษย์ เพียงแต่มันใช้วิชาควบคุมวรยุทธเอาไว้ เพื่อที่จะสามารถหยุดอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาโดยตลอด

โจวเซี่ยวเทียนเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วเอ่ยพูดว่า

“อาจารย์ ศิษย์น้องหญิงและศิษย์น้องชายรออยู่ที่ไหล่เขา พวกเขาเตรียมมาส่งพวกเราครับ!”

โก่วซินเจียก็เอ่ยพูดเช่นกัน

“ศิษย์น้องเล็ก เยี่ยชิวไม่ยอมไปด้วยกัน เธอลองไปเกลี้ยกล่อมเขาดูหน่อยดีไหม?”

“ไม่ต้องครับ ลูกหลานก็มีความสุขในแบบของพวกเขา เส้นทางของเยี่ยชิวให้เขาเป็นคนเลือกเอง!”

เยี่ยเทียนได้ยินแล้วจึงส่ายหน้า เมื่อวานเขาได้พบหน้าลูกชายแล้ว เยี่ยชิวตัดสินใจจะขอปกป้องประเทศจีนอีกหนึ่งร้อยปี เยี่ยเทียนจึงไม่พูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากคัมภีร์เป็นตายของมนุษย์แล้ว เขาได้มอบกระดิ่งซานชิงที่ตัวเองได้มากับเชือกรัดมังกรที่ได้มาจากศิษย์น้องของติงหง และสิ่งของอย่างอื่นทั้งหมดให้กับลูกชายเรียบร้อยแล้ว

“ไปกันเถอะ นับจากนี้ไปจงแสดงความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่!”

เยี่ยเทียนหันกลับมา ยกมือขวาขึ้น แล้วจึงวาดมือลงไปกลางอากาศที่ไร้หมอกควันเบาๆ เกิดดินแดนแห่งใหม่ขึ้นจากความว่างเปล่า จู่ๆ ท้องฟ้าสีครามก็มีรอยแยกขนาดใหญ่ยาวนับหมื่นฟุตปรากฏขึ้นมาต่อหน้าในทันที

เมื่อมองผ่านรอยแยกพวกนั้น ก็จะมองเห็นพลังแห่งฟ้าดินที่อบอวลอยู่ในพื้นที่แห่งนั้นกับภูเขาสูงและแม่น้ำสายใหญ่ เสือและลิงร้องคำราม มังกรน้ำก็ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป็นสถานที่ที่มีแต่สิ่งมหัศจรรย์มารวมตัวอยู่ด้วยกัน เปิดภาพ เคลื่อนไหวที่สุดอลังการภาพหนึ่ง!

(จบบริบูรณ์)