ตอนที่ 1068: วิกฤติที่ซ่อนอยู่

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1068: วิกฤติที่ซ่อนอยู่

ทันใดนั้นเอง พลังงานธาตุน้ำในห้องก็เริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง แม้แต่หยดน้ำที่ลอยอยู่เหมือนนางฟ้าก็ร่วงหล่นลงมาจากอากาศและตกกระจายไปบนพื้น

พลังงานธาตุน้ำในธรรมชาติเริ่มที่จะไม่คงตัวอย่างรุนแรง

หวงหลวนลืมตาขึ้นช้า ๆ นางมองผ่านไปที่หยดน้ำด้วยตาที่มีเสน่ห์ของนางในขณะที่นางขมวดคิ้ว

“แปลกจริง ทำไมจู่ ๆ ข้าถึงได้รู้สึกสูญเสียการควบคุมพลังงานธาตุน้ำไป ? ” หวงหลวนพึมพำ นางครุ่นคิดและดูเหมือนจะตระหนักถึงบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว ความคิดแว่บเข้ามามาในหัวของนางในขณะที่นางพึมพำกับตัวเอง “หรือว่ามันเป็นเพราะวิธีการฝึกฝนนี้ ? เจ้าชั่วนั่นไม่ได้ให้คัมภีร์ทานตะวันที่แท้จริงกับข้า ? “

ยิ่งหวงหลวนคิดไปมากเท่าไร นางก็เชื่อว่ามันน่าจะเป็นแบบนั้น นางค่อย ๆ เครียดมากขึ้น แต่ในไม่ช้านางก็สงบลง นางพูดออกมา “มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าชั่วนั่นจะให้ของจริงกับข้ามาหรือไม่ ข้าก็เป็นเซียนผู้คุมกฎแล้วในตอนนี้ และข้ายังทรงพลังมากกว่าเซียนสวรรค์หลายเท่า เมื่อเจ้าชั่วนั้นมาอีกครั้ง ข้าจะสู้ตายแม้ว่าข้าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม ข้าจะไม่ปล่อยมันไปง่าย ๆ ถ้าข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่หลุดออกไปได้ ที่ตระกูลจะหาทางช่วยท่านทวดได้แน่”

ความแน่วแน่เกิดขึ้นนัยน์ตาของหวงหลวน นางตัดสินใจที่จะสู้ตายแล้ว นางไม่ใฝ่ฝันถึงชีวิตที่อิสระเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะว่านางรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

ทันใดนั้นเอง เสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นมา ประตูหนักก็เปิดออกอย่างช้า ๆ

หวงหลวนหยุดคิดทันทีและตาของนางก็หรี่เล็กลงในตอนนี้ จิตสังหารที่รุนแรงเป็นประกายในตาของนาง นางรู้ว่าบรรพชนตระกูลหวงกู่จะต้องมา ถ้านางต้องการที่จะทำให้คนที่ทรงพลังกว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส นางจำเป็นที่จะต้องโจมตีอย่างเต็มกำลังในตอนที่คนคนนั้นไม่ทันระวังตัว ไม่เช่นนั้น นางจะเสียเปรียบในตอนเริ่มสู้แน่

พลังงานที่บริสุทธิ์และหนาแน่นในห้องเริ่มที่จะพุ่งพวยขึ้นมา ดาบสีฟ้ากว้างสองนิ้วได้ปรากฏขึ้นมาในมือของหวงหลวนแล้ว มันเปล่งประกายสีครามสว่าง เมื่อมองผ่านแสงเข้าไป ผิวของดาบก็เป็นริ้วอย่างไม่หยุด

ในตอนนี้ ประตูของห้องก็เปิดออกมาบางส่วน มันมืดสนิดด้านนอก ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นได้จึงมีเพียงร่างดำดำยืนอยู่เงียบ ๆ ด้านนอกเท่านั้น รูปร่างคนด้านนอกนั้นไม่ชัดเจน

หลายปีที่ผ่านมานี้ คนเดียวที่เดินผ่นทางเดินนี้มา มีเพียงบรรพชนตระกูลหวงกู่เท่านั้น ดังนั้นหวงหลวนจึงคิดว่าร่างนั้นคือร่างของบรรพชน ดังนั้นก่อนที่ประตูจะเปิดออกจนหมด นางก็แทงออกไป

การโจมตีของหวงหลวนเป็นการโจมตีที่รุนแรงมากที่สุดหลังจากสะสมพลังมา มันเป็นทุกอย่างที่นางมี นางใช้พลังของวัฏจักรที่ 1 จนเกินขีดจำกัด

ดาบพุ่งผ่านอากาศไปและเปล่งประกายจ้าออกมาทันที เหมือนพระอาทิตย์ มันย้อมห้องจนเป็นสีฟ้าในขณะที่คลื่นพลังงานที่ทรงพลังก็กระเพื่อมออกมาจากดาบ มันทำให้มิติรอบ ๆ บิดเบี้ยวในขณะที่รอยแยกสีดำก็ปรากฎขึ้มาทันที มันเป็นรอยแยกของมิติ

หวงหลวนพบว่าพลังงานเซียนธาตุน้ำในร่างของนางนั้นกระเพื่อมอย่างไม่มั่นคงในขณะที่นางแทงออกไป นางรู้สึกได้เล็กน้อยว่านางเสียการควบคุม อย่างไรก็ตาม นางก็ต้องอดไม่ให้รู้สึกแบบนั้น นางทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปกับการโจมตี และพยายามที่จะโจมตีอย่างแรงออกไปในตอนที่บรรพชนไม่ทันได้ตั้งตัว นางหวังที่จะให้เขาบาดเจ็บและไม่ได้หวังที่จะสังหารเขาได้

ร่างดำที่อยู่ที่ธรณีประตูไม่ได้ตระหนก หลบ หรือป้องกันเลย เขายังอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ไม่มีแม้แต่พลังงานที่ไหลออกมาจากร่างของเขา

การโจมตีของหวงหลวนเหมือนสายฟ้าฟาดที่มีถึงตรงหน้าเขาในทันที นางแทงออกไปอย่างไร้ปราณีไปที่หน้าอกของร่างนั้น และในขณะเดียวกันที่ดาบสัมผัสกับร่าง หวงหลวนก็พบผ่านแสงไฟสีครามจ้าไปที่เสื้อและรูปร่างของคนที่อยู่ตรงหน้านางว่า ร่างนั้นดูไม่เหมือนบรรพชนตระกูลหวงกู่เลย อย่างไรก็ตาม นางไม่มีเวลาที่จะคิดถึงเกี่ยวกับเรื่องนั้น

ตู้ม !

การแทงเต็มกำลังของหวงหลวนโจมตีเข้าไปอย่างรุนแรงที่หน้าอกของร่างนั้น พลังงานธาตุน้ำบริสุทธิ์ระเบิดออกมาทันที และเสียงทุ้มก็ดังขึ้นมาและพลังงานที่เหลืออยู่ก็กระแทกไปทั่วกำแพงรอบ ๆ เหมือนคลื่นที่น่ากลัว มันทำให้ห้องทั้งห้องสั่นไหวอย่างรุนแรง ห้องอาจจะพังทลายได้ถ้าไม่ใช่เพราะมันแข็งแรง

หวงหลวนดีใจทันทีเมื่อนางได้เห็นว่าการโจมตีของนางนั้นพุ่งไปบนร่างอย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ความยินดีของนางก็หายไปอย่างรวเร็ว นางสัมผัสได้ว่าดาบของนางไม่ได้แทงทะลุไปเหมือนที่นางจินตนาการเอาไว้ แทนที่กัน นางดูเหมือนโจมตีไปที่แผ่นเหล็กและแรงปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับมาทำให้มือของนางชา

หัวใจของหวงหลวนตกไปอยู่ตาตุ่ม นางคิดว่าบรรพชนอาจจะเตรียมตัวมาแล้ว ดังนั้นการโจมตีเต็มกำลังของนางจึงไม่สามารถทำร้ายเขาได้

“หลวนเอ๋อ ! “

ในตอนนี้ หวงหลวนได้ยินเสียงที่อ่อนโยน นางกระตุกอย่างรุนแรง นางคุ้นแคยกับเสียงนี้มาก มันเคยปรากฎอยู่ในความทรงจำของนางค่อนข้างบ่อย

หวงหลวนจ้องไปที่ร่างด้วยความตกใจ นางเห็นหน้าตาของคนคนนี้ในที่สุดผ่านทางแสงสีครามของดาบของนาง

มันเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยมาก แม้ว่ามันจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากเมื่อหลายปีก่อน แต่มันก็ยังเป็นใบหน้าเดิมที่ฝังอยู่ในใจของหวงหลวน คนที่นางจะไม่มีวันลืมตลอดกาล

หวงหลวนนิ่งอึ้งในขณะที่นางจ้องมองคนที่นางคิดถึงมากที่สุด นางสติหลุดลอยไปนานมาก หัวใจของนางเต้นอย่างรุนแรงในขณะที่ร่างของนางสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาใสใสสองสายไหลลงมาที่แก้มของนางอย่างช้า ๆ

“จะ จะ เจี้ยนเฉิน” นางพูดด้วยเสียงสั่นเครือ นางยากที่จะเชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางในตอนนี้นั้นคือเจี้ยนเฉินไม่ใช่บรรพชนตระกูลหวงกู่ และเป็นคนที่นางคิดถึงเป็นที่สุด

ในตอนนี้เอง นางรู้สึกเหมือนกับว่าทุกสิ่งราวกับฝัน และนางไม่ได้อยู่ในความเป็นจริง

“หลวนเอ๋อ เจ้าคงลำบากมากเลยในหลายปีที่ผ่านมากนี้” เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างนุ่มนวล เสียงของเขานุ่มนวลมากเพราะว่าหัวใจของเขานั้นเจ็บปวด

ดาบยังกดลงไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉิน การโจมตีของหวงหลวนก่อนหน้านี้ได้ทะลุเสื้อของเจี้ยนเฉินไป แต่มันก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลย

“เจี้ยนเฉิน นั่นเจ้าจริง ๆ หรือ ? ” หวงหลวนถามเสียงสั่นอีกครั้ง น้ำตาสายใหญ่ไหลลงไปที่แก้มของนาง และไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ดาบที่กำลังสั่นในมือของนางลดระดับลงไป

“หลวนเอ๋อ นี่ข้าเอง ข้ามาเพื่อช่วยเจ้า เจ้าปลอดภัยแล้วในตอนนี้ ไม่มีใครจะทำร้ายเจ้าได้อีกต่อไป” เจี้ยนเฉินก้าวออกไปและกอดหวงหลวนเอาไว้แน่น เขารู้สึกเหมือนว่าหัวใจของเขาถูกแทง

เขาไม่กล้าที่จะคิดว่าหวงหลวนได้ผ่านอะไรมาบ้าง และนางนั้นทุกข์ทนเพียงใด หรือนางได้ประสบอะไรมาบ้างในการที่นางต้องติดอยู่ที่นี่มาหลายปีที่ผ่านมา

มีคนนับไม่ถ้วนที่พบเจอกับชะตากรรมที่โหดร้ายที่ทวีปเทียนหยวน และยังมีคนอีกมากมายที่ทุกข์ทรมานมากกว่าหวงหลวน อย่างไรก็ตาม หวงหลวนนั้นมีความสำคัญในใจของเจี้ยนเฉินอย่างมาก เขาจะไม่ยอมให้นางได้รับอันตรายใดใด

ดาบในมือของหวงหลวนหายไปอย่างช้า ๆ และความเย็นชาบนใบหน้าของนางก็ค่อย ๆ หายไปและแทนที่ด้วยความอ่อนโยนที่หาไม่ได้ในหลายปีนี้ขึ้นมาแทน แม้แต่สายตาที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งของนางกำลังละลาย จากนั้นนางก็ร้องเรียกชื่อของเจี้ยนเฉินก่อนที่จะพุ่งไปซบที่อกพร้อมทั้งน้ำตา นางเหมือนถูกปลดปล่อยจากความกดดันและความเศร้าโศกที่นางทนมาหลายปี

เจี้ยนเฉินกอดหวงหลวนเอาไว้แน่น เขารู้สึกได้เลยว่าเสื้อของเขานั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของหวงหลวน หัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อคิดถึงสิ่งที่หวงหลวนได้พบเจอมา แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกดีใจด้วย เขาดีใจที่หวงหลวนเป็นเซียนผู้คุมกฎแล้วในตอนนี้

ทันใดนั้นเอง ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็แข็งทื่อ เขาขมวดคิ้วของเขาเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ว่าพลังงานภายในหวงหลวนกำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง เหมือนว่ามันไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนางเลย มันบ้าคลั่งก่อนที่จะพุ่งออกมาจากร่างของนางไปที่ห้องในรูปแบบของแสงสีครามจ้า

หวงหลวนถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงของพลังงานที่รั่วไหลออกมา มันแสบตามาก

“หลวนเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างกังวล เขารู้สึกเหมือนลางร้ายกำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้าของเขา

หวงหลวนค่อย ๆ สงบลงและเงยหน้าขึ้นมาจากอกของเจี้ยนเฉิน ตาของนางไม่ได้เย็นชาอีกแล้ว ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนในขณะที่นางมองไปที่เจี้ยนเฉิน “เจี้ยนเฉิน อาจเป็นเพราะคัมภีร์ทานตะวันที่เจ้าแก่ชั่วนั้นให้มาก็ได้ที่เป็นปัญหา ข้ารู้สึกเหมือนพลังงานทั้งหมดกำลังจะออกไปจากร่างของข้า และข้าก็ควบคุมมันไม่ได้” หลังจากนั้นหวงหลวนก็ซบลงไปที่อกของเจี้ยนเฉินอีกครั้ง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจและความสุข เหมือนว่านางไม่สนใจพลังงานที่กำลังรั่วไหลออกไปเลย

นางตัดใจที่จะตายมานานแล้ว นางไม่ได้มีห่วงอะไรนอกจากเจี้ยนเฉินและหวงเทียนป้า ในเมื่อทวดของนางได้รับการช่วยเหลือแล้วในตอนนี้และในตอนนี้ คนที่นางคิดถึงมากที่สุดก็กำลังอยู่กับนาง นางรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

นางไม่สนใจเกี่ยวกับการได้เป็นเซียนผู้คุมกฎ ทั้งหมดที่นางต้องการคือเจี้ยนเฉิน และนางก็เหมือนว่านางมีทุกอย่างแล้ว นางไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

“ข้าจะทำให้เจ้าแก่ชั่วนั่นทุกข์ทนจนมันอยากตายไปซะดีกว่าที่มันทำกับเจ้าแบบนี้” ใบหน้าของเจี้ยนเฉินซีดขาว เขาตระหนกเพราะว่าเขาไม่สามารถหยุดพลังงานที่กำลังรั่วไหลออกไปจากหวงหลวนได้

ทันใดนั้นเอง แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเจี้ยนเฉิน วัตถุเซียนได้ออกมาจากสติสัมปะชัญญะของเขา และลอยอยู่ในห้องในรูปแบบของหอคอยสีทองขนาดเท่ากำปั้น และมันกำลังหมุนอยู่อย่างช้า ๆ

“หลวนเอ๋อ ข้าจะส่งเจ้าเข้าไปในมิติของวัตถุเซียนในตอนนี้ อย่ากังวลไปเลย ข้าจะหาวิธีที่จะจัดการกับเรื่องนี้จากเจ้าแก่ชั่วนั้นเอง” เจี้ยนเฉินปลอบ เขาตั้งใจที่จะเข้าไปในมิติของวัตถุเซียนกับหวงหลวน

“เจี้ยนเฉิน”

ในตอนที่เขากำลังจะเข้าไปในมิติของวัตถุเซียน เสียงของหญิงก็ดังขึ้นมาในห้อง เสียงนั้นน่าพอใจและเต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างเป็นที่สุด มันเหมือนมนต์สะกด

สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประหาย และเขาก็เงยหน้าขึ้นทันที ตรงหน้าเขานั้น มีร่างลวงตาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ปรากฎตัวขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ อยู่