ตอนที่ 1215 เจ้าเมืองแห่งเมืองเหยียน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ข้าจะลองเผาดู!” หมูน้อยตัวสีแดงตัวหนึ่งพุ่งออกไป จากนั้นกลางอากาศก็เต็มไปด้วยเปลวไฟ

ทว่า เปลวไฟของเสี่ยวหงนั้นใช้ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย!

ทันใดนั้นเจ้างูน้อยก็เลื้อยออกมาจากแขนเสื้อของมู่เฉียนซี จากนั้นมันก็เพียงพ่นเปลวไฟดวงเล็ก ๆ ออกมาเท่านั้น วิญญาณร้ายเหล่านี้ก็ถูกแผดเผาไปทันที

พรวด พรวด พรวด!

เจ้างูน้อยพ่นเปลวไฟออกมาติดกันหลายครั้ง ในที่สุดความเคลื่อนไหวบริเวณโดยรอบก็หยุดลง และตอนนี้เจ้างูน้อยก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจนขยับร่างไม่ไหวแล้ว

“รีบดื่มเพิ่มพลังเร็วเข้า นึกไม่ถึงเลยว่าเปลวไฟของเจ้าจะจัดการกับวิญญาณเหล่านี้ได้” มู่เฉียนซีเอาโอสถออกมาหลายขวดเป็นรางวัลให้กับมัน

เจ้างูน้อยตื่นเต้นมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมากแล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “เรารีบไปกันเถอะ!”

เดินไปได้ไม่นานนักก็มีเหล่าวิญญาณสีดำกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาอีกแล้ว และตอนนี้เจ้างูน้อยก็พุ่งออกไปแล้ว

ถึงแม้ว่าโอสถของมู่เฉียนซีจะสามารถทำให้มันฟื้นฟูพลังกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ร่างของเจ้างูน้อยนี่ก็เล็กเกินไปจริง ๆ เพียงชั่วครู่เดียวก็รับมือไม่ไหวแล้ว

เสี่ยวหงกล่าวแนะนำว่า “นายท่าน นายท่านมีของล้ำค่าพลังธาตุอัคคีอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

“ถึงแม้ว่าจะดูไม่ออกว่าเจ้างูน้อยนี่เป็นสิ่งใดกันแน่ แต่สิ่งที่แน่นอนนั้นก็คือมันมีพลังธาตุอัคคี หากใช้ของเหล่านั้นเพิ่มพลังให้กับมัน อาจจะได้ผลก็ได้”

ของล้ำค่าพลังธาตุอัคคีอย่างผลึกราชาอัคคีนั้นเก็บเอาไว้ให้วิญญาณกระบี่มังกรเพลิงใช้ แต่ตอนนี้มันยังไม่ปรากฏตัวออกมา แบ่งออกมาให้เจ้างูน้อยตัวนี้ใช้สักหน่อยก็ไม่เลว

มู่เฉียนซีเอาผลึกราชาอัคคีออกมา และดูเหมือนว่าเจ้างูน้อยจะได้กลิ่นอันหอมหวน มันจึงเลื้อยขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็กัดกินคำโต

แกร่ก แกร่ก แกร่ก!

มู่เฉียนซีกล่าว “ช้า ๆ หน่อยสิ เจ้าไม่กลัวมันจะระเบิดใส่เจ้าบ้างหรือไง!”

หลังจากที่เจ้างูน้อยกินเสร็จ มันก็รู้สึกได้ว่าพลังของมันเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยเลย แต่มู่เฉียนซีกลับไม่รู้สึกว่ามันได้เลื่อนขั้นเป็นสัตว์วิญญาณแต่อย่างใด

พรวด พรวด พรวด! เพียงชั่วพริบตาเดียว เจ้างูน้อยก็มีพลังเพิ่มขึ้น และพ่นเปลวไฟออกไปทั่ว

เหล่าวิญญาณที่ต่อสู้เท่าไหร่ก็ไม่ตายเหล่านี้ถึงคราวซวยเข้าแล้ว!

มีเจ้างูน้อยอยู่ ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีได้เปิดทางเดินได้แล้วก็มิปาน ไม่มีวิญญาณใดกล้าแตะต้องพวกเขา

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้างูน้อย เจ้ามันช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เลย!”

เจ้างูน้อยเริ่มรู้สึกเกรงใจขึ้นเล็กน้อยแล้ว จากนั้นมันก็มองมู่เฉียนซีด้วยแววตาที่กระหาย มันต้องการกินสิ่งนั้นอีก

มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนนี้เจ้ายังเล็กมาก ของล้ำค่าพลังธาตุอัคคีนั้นเป็นธาตุใหญ่ หากกินเข้าไปเยอะเจ้าไม่กลัวร่างกายเจ้าจะรับไม่ไหวเหรอ หากสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย และหากเจ้ายอมที่จะอยู่กับข้า ข้าจะให้เจ้าอีก”

ชิ้นใหญ่ นางเก็บเอาไว้ให้วิญญาณกระบี่

ขอเพียงแค่วิญญาณกระบี่แข็งแกร่งมากพอ ต่อไปนางก็มีโอกาสรับมือกับเจ้าพิฆาตวิญญาณได้

เจ้างูน้อยก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของมู่เฉียนซี มันก็เลื้อยกลับเข้าไปในแขนเสื้อนางแต่โดยดี

มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ตลอดทางไม่ได้พบกับคนอื่นเลยแม้แต่น้อย และเมื่อเดินไปสุดทางก็เห็นกับสิ่งปลูกสร้างที่ทำมาจากไม้แดง

ทั่วทั้งเมืองเหยียนล้วนแต่ทำมาจากโลหะ ดังนั้นแล้วหอไม้นี้ช่างเป็นอะไรที่หายากมากจริง ๆ

เหนือประตูหอมีป้ายชื่อหอแขวนอยู่

“หอหมื่นกระบี่!”

“หรือว่าจิตวิญญาณกระบี่จะอยู่ในหอหมื่นกระบี่นี้?” มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบา

“ซีเอ๋อร์ จะเข้าไปหรือไม่?” กู้ไป๋อีกล่าวถาม

“ตอนนี้มีเพียงทางเดินเดียวแล้ว ต้องลองเข้าไปดู”

ครั้งนี้ประตูปิดอยู่

เมื่อมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีผลักประตูออก ลำแสงสีแดงฉานก็ได้พาพวกเขาไปในอีกมิติหนึ่ง

และตรงหน้าพวกเขาตอนนี้มีหญิงสาวฝาแฝดดวงตาสุกสกาวอยู่คู่หนึ่ง พวกนางมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “พวกเราคือผู้พิทักษ์ของหอหมื่นกระบี่ หากต้องการเข้าไปในหอหมื่นกระบี่ก็ต้องผ่านการทดสอบของพวกเราสองพี่น้องเสียก่อน”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “การทดสอบอันใด?”

หญิงสาวอีกคนหนึ่งยิ้มแย้มราวกับบุปผาเบ่งบาน และกล่าวว่า “แน่นอนว่าต้องเอาชนะพวกเราให้ได้”

พวกนางแต่ละคนใช้กระบี่คู่ ไม่นานนักหญิงสาวคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใกล้มู่เฉียนซี

แกร๊ง! กระบี่สีเงินครามเล่มหนึ่งกวาดไปที่นาง และหญิงสาวอีกคนหนึ่งก็อ้อมไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว

“เงาจันทราหนาวเหน็บ!” มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่ออกไป

ตูม!

หญิงสาวสองพี่น้องคู่นั้นหลบหลีกได้อย่างปลอดภัย กู้ไป๋อีกล่าว “พวกนางทั้งสองคนรับมือไม่ง่ายเลย มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ!”

“ข้าต้องการผ่านการทดสอบนี้ไปกับเจ้า อีกอย่างข้าก็อยากฝึกกระบี่ที่เจ้าสอนข้าด้วย” มู่เฉียนซีกล่าว

“ได้!”

สองพี่น้องฝาแฝดมีหัวใจเดียวกัน ร่วมมือกันเป็นอย่างดี

แม้ความร่วมมือของมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีจะแย่กว่าเล็กน้อย แต่พวกเขากลับร่วมมือต่อสู้เข้ากันได้เป็นอย่างดี

ความร่วมมือของทั้งสองยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ ความได้เปรียบของสองพี่น้องฝาแฝดก็เริ่มเลือนรางลงเรื่อย ๆ แล้ว

แกร๊ง!

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!

ร่างในชุดม่วงกับร่างในชุดขาวเกี่ยวตัดสลับกันไปมา กระบวนท่ากระบี่ที่ใช้นั้นดูเหมือนว่าจะถูกคัดลอกออกมาก็มิปาน เพียงแต่ว่าของคนหนึ่งแข็งแกร่ง ของคนหนึ่งอ่อนแอกว่าก็เท่านั้นเอง!

ปัง! สองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ถูกลำแสงของกระบี่โจมตีจนได้รับบาดเจ็บแล้ว

เมื่อเห็นทักษะกระบี่ของมู่เฉียนซีก้าวหน้าเช่นนี้ กู้ไป๋อีก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ

สองพี่น้องฝาแฝดลุกยืนขึ้นและกล่าวว่า “ทักษะกระบี่ของพวกเจ้าสองคนแข็งแกร่งมาก ยากนักที่จะได้เห็นเช่นนี้ และการร่วมมือกันในเวลาอันสั้นพวกเจ้าก็ทำได้ดีถึงเพียงนี้ ข้าสองคนนับถือพวกเจ้าจริง ๆ! ดังนั้นพวกเจ้าผ่านด่าน”

มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีถูกส่งออกไปจากมิติแห่งนี้ไปที่ชั้นหนึ่งของหอหมื่นกระบี่

ชั้นหนึ่งของหอหมื่นกระบี่มีกระบี่อันล้ำค่าอยู่เป็นจำนวนมาก และเสียงของหญิงสาวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “พวกเจ้าผ่านการทดสอบของที่นี่แล้ว ของทั้งหมดตรงนี้เจ้าสามารถเอาไปได้”

มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เอาได้ทั้งหมด แล้วหากต่อไปคนอื่นผ่านการทดสอบ นั่นก็หมายความว่าไม่มีรางวัลให้กับพวกเขาแล้วน่ะสิ”

“คนอื่นอย่างนั้นเหรอ คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้ามาในหอหมื่นกระบี่ได้ วันนี้พวกเจ้าเข้ามาแล้ว หลังจากนี้อีกหนึ่งพันปีก็คาดว่าคงไม่มีผู้ใดเข้ามาในหอหมื่นกระบี่นี้”

“แล้วคนอื่นเขาไปที่ไหนกันล่ะ” ครั้งนี้มียอดฝีมือแห่กันมานับพันคน

“พวกข้าเป็นเพียงแค่ผู้พิทักษ์หอหมื่นกระบี่แห่งนี่เท่านั้น ส่วนสถานการณ์ภายนอกพวกข้าไม่รู้เรื่องหรอก ที่พวกเจ้าเข้ามาในหอหมื่นกระบี่ได้ นั่นหมายความว่าพวกเจ้ากับหอหมื่นกระบี่มีพรหมลิขิตต่อกัน คนอื่นไม่มีพรหมลิขิตนี้เหมือนกับพวกเจ้า ไม่มีทางเข้ามาได้อย่างแน่นอน”

มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อเจ้านายของพวกเจ้าใจกว้างถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ”

“ชั้นแรกได้รับรางวัลเป็นอาวุธวิญญาณขั้นปฐพีเหล่านี้ ชั้นที่สองพวกเจ้าสามารถ…”

นางไม่ทันได้กล่าวจบ มู่เฉียนซีก็กล่าวตัดบทเสียก่อนว่า “แล้วข้าจะออกไปจากที่นี่ตอนนี้ได้เลยหรือไม่?”

อารองกับอวิ๋นซิวไม่ได้มาที่นี่ นางยังต้องไปตามหาพวกเขา นั่นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรีบร้อนออกไปจากที่นี่เช่นนี้ ที่นี่ยังมีของล้ำค่าอีกมากมายเชียวนะ!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าแค่ต้องการหาสหายและญาติสนิทของข้าให้เจอเท่านั้น ของล้ำค่าเหล่านี้ไม่ได้สำคัญไปกว่าพวกเขา”

“เมืองเหยียนแบ่งออกเป็นเมืองด้านบนกับเมืองด้านล่าง หากพวกเจ้าอยู่ในเมืองด้านล่าง เมืองด้านล่างจะใหญ่กว่าเมืองด้านบน หากเจ้าต้องการจะตามหาคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากเจ้าได้กลายเป็นเจ้าเมืองแห่งเมืองเหยียน เจ้าก็จะสามารถมองเห็นทุกซอกทุกมุมของเมืองเหยียน ทั้งเมืองด้านบนและเมืองด้านล่างผ่านทางกระจกเพลิงได้ เช่นนี้การตามหาคนของเจ้าก็จะสะดวกไม่น้อย”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ได้ยินเจ้าพูดมาเช่นนี้ ดูเหมือนมันจะสะดวกไม่น้อย! แล้วจะทำเช่นไรจึงให้ได้เป็นเจ้าเมืองแห่งเมืองเหยียนล่ะ”

หญิงสาวผู้นั้นกล่าว “ขอเพียงแค่เจ้าสามารถขึ้นไปในชั้นที่เจ็ดได้ เจ้าก็ได้เป็นเจ้าเมืองแห่งเมืองเหยียนแล้ว”

.