ในเมื่อมีลูกแก้วความเป็นตาย สามารถรอดจากผลกระทบพลังกดขี่ของเทพสงครามได้ ดังนั้นหลัวซิวจึงได้ผุดความคิดที่จะขึ้นไปยังยอดเขาเพื่อสำรวจดูตำหนัก สำหรับสมบัติชิ้นนั้นที่เทพสงครามเอกภพนำลงมาจากโลกเบื้องบน เขาอยากรู้เป็นอย่างมากว่ามันคือสิ่งใดกันแน่

แตกต่างกับเส้นทางนั้นที่เทพมารทั้งสามเผ่าพันธุ์ใช้เดินทาง หลัวซิวเลือกที่จะไปอีกเส้นทางหนึ่ง ระหว่างทางเต็มไปด้วยวิชาห้ามมากมาย มันสามารถถูกทำลายได้ด้วยความสามารถของเขาเองเท่านั้น

เขาไม่เคยได้รับการสืบทอดวิชาค่ายกลระดับเทพ แต่วิชาห้ามค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วนที่ดำรงอยู่ในตอนนี้ กลับมอบความรู้ให้เขาได้อย่างมากมาย

เวลาค่อย ๆ ผันผ่านไป หลัวซิวไม่รู้ว่าสงครามชุลมุนของบรรดาเทพมารทุกท่านในท้ายที่สุดแล้วเป็นอย่างไร และก็ไม่แน่ใจว่าผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสูงทั้งสามได้เข้าไปที่ตำหนักแห่งนั้นแล้วหรือไม่ พบเจอสิ่งใดในนั้นบ้าง สมบัติชิ้นนั้นของเทพสงครามเอกภพ ได้ถูกชิงไปแล้วหรือไม่?

ทั้งหมดนี้ หลัวซิวไม่รู้สิ่งใดเลย เขาด่ำดิ่งลงไปท่ามกลางความลึกลับของวิชาห้ามค่ายกลระดับเทพเหล่านี้

ในตอนที่เขาได้พบกับวิชาห้ามค่ายกลครั้งแรก ใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนกว่าจะสามารถทำลายได้

ตามจำนวนวิชาห้ามค่ายกลที่เขาแก้ได้ยิ่งมากเท่าใด การสัมผัสรู้ค่ายกลระดับเทพของเขาก็ยิ่งลึกซึ้งมากเท่านั้น เมื่อถึงช่วงหลัง ๆ ความเร็วในการแก้วิชาห้ามค่ายกลก็ยิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม

ต้องบอกว่า คุณสมบัติพรสวรรค์ของหลัวซิวนั้น ในความเป็นจริงไม่ได้ถือว่าดีมาก เหตุที่เขาสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ โดยพื้นฐานแล้วต่างเป็นการอาศัยลูกแก้วความเป็นตายเพื่อเติมเต็ม รวมถึงโชคบางอย่างที่เขาได้รับมา

แต่สิ่งที่เขามั่นใจในตนเองมากที่สุดคือการตระหนักรู้ของเขา มิเช่นนั้นภายในระยะเวลาสามสิบปีนี้ ไม่มีทางสามารถบรรลุถึงพลังผลการฝึกตนที่เทียบเท่าระดับเทพมาร อีกทั้งวิชาค่ายกลและกลั่นยาก็ยังบรรลุถึงแดนปรมาจารย์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าอีกด้วย

เมื่อเขาแก้วิชาห้ามค่ายกลมาตลอดทางและได้สัมผัสกับพลังกดขี่อันน่าหวาดกลัวของของเทพสงครามอีกครั้ง เขาจึงได้ตื่นขึ้นมาจากความลึกลับของการสัมผัสรู้ค่ายกลระดับเทพ

“เวลาผ่านไปเกือบปีแล้วหรือนี่?”

เมื่อหลัวซิวตื่นขึ้นมา ก็อดที่จะงุนงงไม่ได้ เขาคาดไม่ถึงว่า ตนจะจมอยู่ในกระบวนการที่คล้ายการตื่นรู้เป็นเวลาเกือบหนึ่งปี

เรื่องราวมากมายสามารถเกิดขึ้นได้ในหนึ่งปี ที่ตำหนักแห่งนั้น หากมีสมบัติอยู่ เกรงว่าคงจะถูกชิงไปเนิ่นนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในหนึ่งปีนี้ สิ่งที่เขาได้รับก็ใหญ่มากเช่นกัน เข้าใจแก่นแท้ของค่ายกลระดับเทพ ด้วยสองระดับความเป็นตายผสานเกิดเป็นพลังเทพดั้งเดิม สามารถจัดวางค่ายกลระดับเทพทั่วไปได้แล้ว

นักค่ายเทพมีเก้าระดับ หลัวซิวในตอนนี้เทียบเท่ากับนักค่ายเทพระดับหนึ่งท่านหนึ่งแล้ว

แม้จะผ่านมานานขนาดนี้ สมบัติที่กลางตำหนักแห่งนั้นคงจะถูกชิงไปแล้วเป็นแน่ แต่หลัวซิวก็ยังวางแผนที่จะขึ้นไปสำรวจดูอยู่ดี

ภูเขาลูกนี้ที่ใจกลางห้วงกาลแดน ยอดบนสุดคือตำหนักที่สูงตระหง่าน มีทางเดินขึ้นเขาหลายทาง

บรรดาผู้แข็งแกร่งเทพมารทั้งสามเผ่าพันธุ์ นำโดยช่าจื่อเยียน เทพปีศาจสยบนภา และเทวมังกรเขาทอง เลือกที่จะใช้เส้นทางที่มีวิชาห้ามค่ายกลค่อนข้างน้อย

เส้นทางนี้ ถึงแม้จะมีวิชาห้ามน้อย แต่เมื่อเทียบกันแล้วระดับของวิชาห้ามจะสูงกว่ามาก

แต่ทางขึ้นเขาที่หลัวซิวในตอนหลังนั้น กลับมีวิชาห้ามค่อนข้างมาก แต่เทียบกันแล้วระดับของวิชาห้ามค่ายกลค่อนข้างต่ำ สำหรับความแข็งแกร่งของเขาแล้ว มันกลับพอเหมาะพอดีเสียเหลือเกิน

ต่อให้เป็นวิชาห้ามค่ายกลระดับที่ค่อนข้างต่ำ แต่ด้วยความสามารถของเขาเอง ต้องใช้เวลาเกือบปีกว่าจะผ่านไป เมื่อเทียบกับผู้แข็งแกร่งแดนเทพมารขั้นสูงแล้ว เขายังแตกต่างอยู่มาก

ตอนนี้ผ่านไปราว ๆ หนึ่งปีแล้ว สำหรับสมบัติชิ้นนั้นที่เทพสงครามเอกภพทิ้งเอาไว้ หลัวซิวไม่ได้มีการเพ้อฝันถึงอีกต่อไป แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังอยากที่จะขึ้นไปดูที่ยอดเขานั้นสักครั้ง