บทที่ 611 การทำฟาร์ม

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 611 การทำฟาร์ม โดย Ink Stone_Fantasy

หลังจากถังไวน์ถังเล็กที่ถูกทาสีไว้ทั้งสี่ถังถูกนำออกมาจากซากเรือ พวกมันก็ลอยขึ้นไปข้างบน ฉินสือโอวคิดว่าไวน์ที่อยู่ในถังพวกนั้นก็คงเสียแล้วเช่นกัน แต่ถังไวน์ขนาดเล็กอ้วนๆ กลมๆ แบบนี้น่ารักมากเลย เขาจึงใช้จิตสำนึกโพไซดอนกระตุ้นให้คลื่นทะเลพัดพาพวกมันไปยังเกาะแฟร์เวล

ของที่อยู่ในเรือไททานิกมีจำนวนเยอะมาก แต่เสียดายที่ของส่วนใหญ่โดนน้ำทะเลและจุลินทรีย์ทำลายจนหมดแล้ว ฉินสือโอวให้พวกไร้กระดูกเข้าไปสำรวจภายในเรือแล้วให้พวกมันนำของพวกเครื่องเงินและเครื่องทองออกมา

เครื่องเงินเครื่องทองพวกนี้เกิดรอยด่างจนเสียคุณค่าของพวกมันไปหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามพวกมันก็เป็นโลหะที่มีค่า ฉินสือโอวอยากจะรวบรวมพวกมันทั้งหมดแล้วกลั่นโลหะออกมา จากนั้นค่อยนำไปขาย เงินที่ได้มาก็คงมากพอสมควร

เครื่องเงินเครื่องทองที่อยู่บริเวณด้านนอกเรือนั้นมีค่อนข้างน้อย จุดมุ่งหมายฉินสือโอวก็คือกล่องเก็บของที่อยู่ในห้องโดยสาร โดยเฉพาะห้องโดยสารชั้นหนึ่ง ที่นั่นเป็นที่ที่คนรวยอาศัยอยู่กันเยอะ ตอนนั้นเรือล่องไปได้เพียงสี่สิบนาทีก่อนที่เรือจะจมลง พวกคนรวยจึงเก็บของมีค่าของตนเองเอาไว้ที่ตู้นิรภัยในห้องพัก

คนรวยที่อยู่ในห้องโดยสารชั้นสองก็มีจำนวนไม่น้อย ไททานิกเป็นเรือสำราญที่หรูหราที่สุดในเวลานั้น เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์และการตบแต่งของห้องโดยสารชั้นสองจะเหมือนกับห้องโดยสารชั้นหนึ่งของเรือสำราญธรรมดาทั่วไป

เพราะเหตุนี้เมื่อผู้โดยสารหลายคนที่เดิมทีได้ทำการจองห้องโดยสารชั้นหนึ่งของเรือลำอื่นแล้วได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาจองห้องโดยสารชั้นสองของเรือไททานิกทันที

ฉินสือโอวเดินดูรอบๆ ห้องทีละห้องเป็นครั้งสุดท้าย ในบรรดาตู้นิรภัยที่อยู่ทั้งห้องโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นสอง เขาหยิบออกมาได้เพียงสองกล่องเท่านั้น ปรากฏว่าทั้งสองกล่องนี้มีของมีค่าอยู่เยอะพอสมควร หนึ่งในนั้นเป็นจดหมายของครอบครัวสเตราส์ ส่วนอีกเป็นภาพวาดอันมีชื่อเสียงของแวนโก๊ะ

น่าเสียดาย พวกไร้กระดูกยังตัวไม่ใหญ่พอ พวกมันตัวยาวที่สุดเพียงสองเมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับพวกกล่องที่มาพร้อมกับซากเรืออับปาง พวกมันจึงไม่มีแรงมากพอที่จะลากมันออกมา

เมื่อเขาเห็นภาพนั้น ในขณะที่กำลังคิดเสียดายอยู่นั้นเขาก็เริ่มใช้สมองคิดหาวิธี หลังจากนั้นเขาก็คิดได้ว่า ครั้งต่อไปที่เขาลงไปเขาจะนำค้อนลงมาด้วย แล้วบังคับให้พวกไร้กระดูกใช้ค้อนในการเปิดกล่องพวกนั้น

ตอนนี้ต้องให้พวกไร้กระดูกเก็บรวบรวมเครื่องเงินเครื่องทองด้านนอกนั้นให้หมดเสียก่อน จากนั้นฉินสือโอวก็เรียกจิตสำนึกโพไซดอนกลับมาแล้วเริ่มพักผ่อนจริงๆ

เมื่อถึงเวลากินอาหารเช้า เหมาเหว่ยหลงก็ขยิบตาให้ฉินสือโอวหนึ่งทีเพื่อบ่งบอกว่าเขามีเรื่องที่ต้องการจะคุยด้วย

เพราะเป็นช่วงเช้า ฉินสือโอวจึงพาเหมาเหว่ยหลงมานั่งอยู่ใต้ต้นเมเปิล เขาถามขึ้น “มีอะไรเหรอ?”

เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจออกมาแล้วพูดออกมา “ฉันอยากปรึกษานายหน่อย ฉันกำเตรียมตัวจะหางานทำ พวกทำธุรกิจหรือไม่ก็ไปเป็นแรงงานอะไรพวกนั้นน่ะ ฉันเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่มานานพอควรแล้ว”

ฉินสือโอวถามออกมาอย่างไม่พอใจ “นายหมายความว่าไง? เที่ยวเล่นอยู่ที่นี่มานานแล้วยังไง? ฉันไม่ให้นายเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่หรือไง?”

เหมาเหว่ยหลงกลอกตาหนึ่งทีแล้วพูดออกมา “ฉันแค่รู้สึกว่าแบบนี้มันน่าเบื่อไปหน่อย อีกอย่างผู้ชายน่ะจะทำตัวเสเพลไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่ใช่นายนะ แล้วหลิวซูเหยียนก็ไม่ใช่วินนี่….ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยว่าวินนี่เป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้น ทำไมถึงได้มาชอบผู้ชายที่ไม่มีความทะเยอทะยานอย่างนายกันนะ?”

ฉินสือโอวทำท่าทางดูถูกคำพูดเหล่านั้น แต่ในใจของเขานั้นแอบพอใจอยู่เงียบๆ นายคิดว่าฉันจะเป็นผู้ชายมีคุณธรรมเหมือนนายงั้นสิ? ฉันเป็นผู้ชายที่จะกลายเป็นเทพโพไซดอน แบบนี้ทะเยอทะยานสูงไปหรือเปล่าล่ะ?

แต่ที่เหมาเหว่ยหลงคิดนั้นก็มีส่วนถูก วันๆ เขาเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ที่นี่ไม่ทำอะไรจริงจัง ไม่มีรายได้ ไม่มีสังคม ไม่มีพลัง และไม่มีอนาคต

เหมาเหว่ยหลงไม่เหมือนกับเขา เขาเหมือนจะสุขสบายดี แต่อันที่จริงแล้วเขาเก็บเรื่องวุ่นวายไว้ในใจ บางครั้งที่เห็นว่าเขามานอนที่ชายหาดเพื่อรับลมทะเลนั้น แท้จริงแล้วเขากำลังถอดจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปจัดการเรื่องในฟาร์มปลาต่างหาก อีกอย่างฟาร์มปลาก็มีขนาดใหญ่ถึงขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกินอยู่หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ต่างก็มีการประกันเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทำมันด้วยความมั่นใจ

“งั้นนายวางแผนจะทำอะไรล่ะ?” ฉินสือโอวคิดไปคิดมาเขาก็เข้าใจความคิดของเหมาเหว่ยหลง

เหมาเหว่ยหลงพูดขึ้น “ตอนนี้แค่คิดไว้คร่าวๆ น่ะ นายก็รู้ว่าฉันไม่สามารถย้ายที่อยู่ได้ ดังนั้นไม่มีทางที่ฉันจะทำฟาร์มปลาเหมือนนายได้ได้ แต่ให้ทำฟาร์มทั่วไปยังพอได้อยู่ แค่มีกรีนการ์ดก็สามารถกู้เงินเพื่อซื้อฟาร์มขนาดเล็กได้แล้ว ฉันอยากทำฟาร์มเล็กๆ น่ะ นายคิดว่าไง?”

อิทธิพลจากการดูภาพยนตร์ของอเมริกาและฮอลลีวูดบล็อกบัสเตอร์ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่ากรีนการ์ดเป็นใบอนุญาตในการพำนักอยู่ที่อเมริกาอย่างถาวร แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

กรีนการ์ดมีต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากใบอนุญาตผู้พำนักถาวรในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ดั้งเดิมนั้นเป็นใบอนุญาตสีเขียว ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่า ‘กรีนการ์ด’

อันที่จริงแล้วตอนนี้ชื่อนี้มีความหมายที่กว้างมาก ประเทศอื่นๆ ยังใช้คำอธิบายเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา ใบอนุญาตในการพำนักถาวรนั้นก็เรียกว่ากรีนการ์ดเหมือนกัน สิ่งนี้เป็นใบอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักอย่างถาวรในประเทศนั้นๆ การถือบัตรกรีนการ์ดหมายความว่าผู้ถือบัตรมีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศผู้ออกบัตร ในขณะเดียวกันนั้นผู้ถือกรีนการ์ดยังสามารถยกเว้นวีซ่าสำหรับเข้าประเทศนั้นๆ ในช่วงเวลาหนึ่งได้อีกด้วย

แน่นอนว่ากรีนการ์ดของแต่ละประเทศมีชื่อเล่นของตัวเอง อย่างกรีนการ์ดของแคนาดาก็มีชื่อเล่นว่าบัตรใบเมเปิล

อันที่จริงแล้วบัตรทั้งหมดของประเทศแคนาดาต่างมีชื่อเล่นว่าบัตรใบเมเปิล นั่นก็เพราะตราบใดที่เป็นบัตรจากทางการ บัตรพวกนั้นก็ถูกประทับตราใบเมเปิลลงไปนั่นเอง….

“นายอยากทำฟาร์มงั้นเหรอ?” ฉินสือโอวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ พูดถึงการทำฟาร์มเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคนคนหนึ่ง โอวหยางไห่

โอวหยางไห่เป็นทายาทรุ่นที่สองผู้เก่งกาจที่กลับมายังแคนาดาเมื่อปีที่แล้ว และในตอนนั้นเขากับโอวหยางไห่ก็ได้แย่งชิงกันเช่าที่ของเจ้าของที่หน้าโง่คนนั้น โอวหยางไห่มีฟาร์มขนาดสามแสนเอเคอร์อยู่ที่รัฐมอนตานา ประเทศสหรัฐอเมริกา

หลังจากได้รู้จักกัน โอวหยางไห่กับฉินสือโอวก็ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว ฉินสือโอวเคยพูดขึ้นมาตอนที่อยู่บนเครื่องบินว่าเขาสนใจการทำฟาร์มด้วยเช่นกัน บางครั้งเมื่อโอวหยางไห่เจอฟาร์มดีๆ เขาก็จะโทรมาหาฉินสือโอวเพื่อที่จะแสดงความมีน้ำใจของตน นอกจากนี้โอวหยางไห่ยังไม่มีความหยิ่งยโสและความเย่อหยิ่งจากการเป็นรุ่นที่สองเลยแม้แต่น้อย

เหมาเหว่ยหลงพยักหน้า “ใช่ ฉันคิดไว้แบบนั้น ช่วงนี้ฉันเพิ่งจะไปถามข้อมูลบางอย่างจากเพื่อนมา” เขาพูดพลางมองไปยังฉินสือโอวแล้วยิ้มออกมา “นายยังจำเขาได้อยู่ใช่ไหม โอวหยางไห่น่ะ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า เขาก็เพิ่งจะคิดถึงโอวหยางไห่พอดี

“ต้องใช้เงินเท่าไรล่ะ?” ฉินสือโอวถามขึ้นมาอีก ที่เหมาเหว่ยหลงพูดถึงโอวหยางไห่ ในเรื่องการทำฟาร์มนั้นสามารถพึ่งพาเขาได้จริงๆ ฉินสือโอวมองออก โอวหยางไห่เป็นคนเก่งคนหนึ่ง ถ้าหากว่าเขาทิ้งจิตสำนึกโพไซดอนไป คนคนนั้นคงเก่งกว่าเขาหลายเท่า

เหมาเหว่ยหลงพูดกลั้วหัวเราะออกมา “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ยังไม่จำเป็นที่จะต้องคิดตอนนี้ อีกอย่างถ้าฉันจะทำจริงๆ คงเริ่มจากฟาร์มขนาดเล็กก่อน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะหรอก”

“ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไรฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่านายจะมีเงินขนาดนั้น ดังนั้นนายต้องใช้เท่าไรก็บอกฉัน ฉันไม่มีภาระอะไร” ฉินสือโอวมองไปยังเหมาเหว่ยหลงแล้วพูดออกมาตรงๆ

ใบหน้าของเหมาเหว่ยหลงปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่นขึ้นมา เขาตบบ่าของฉินสือโอวเบาๆ “วางใจได้ ถ้ามีอะไรฉันมาหานายแน่นอน ใช่แล้ว ระหว่างนายกับวินนี่คิดกันไว้แล้วหรือยังว่าจะเอายังไงต่อ? ดูเหมือนว่านายน่าจะอยากมีลูกนะ เรื่องแต่งงานก็เตรียมการไว้แล้วใช่ไหม?”

ฉินสือโอวเข้าใจดี เหมาเหว่ยหลงตั้งใจที่จะเปลี่ยนหัวข้อ เขาไม่อยากมีข้อพิพาทเรื่องเงินกับฉินสือโอว แต่เขาเลือกเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ดี พูดถึงเรื่องแต่งงานฉินสือโอวก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมาทันที

ความสัมพันธ์ของเขากับวินนี่เป็นไปได้ด้วยดี ทางเดินของพวกเขาทั้งสองจะต้องมาบรรจบกันอย่างแน่นอน และวินนี่ก็ต้องยอมให้กำเนิดลูกของเขาแน่นอนเช่นกัน แถมไม่ใช่หนึ่งหรือสองคนด้วย แต่ต้องมากพอที่จะตั้งทีมบาสเกตบอลได้เลยทีเดียว

จากมุมมองของฉินสือโอว แบบนี้พวกเราก็สามารถแต่งงานกันได้แล้วน่ะสิ? อีกอย่างพ่อแม่ของเขาก็ชอบวินนี่ด้วย ส่วนเขาก็ได้ติดต่อกับพ่อแม่ของวินนี่เป็นการส่วนตัวหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่ได้ผลผลิตจากฟาร์มปลา เขาก็จะรีบส่งของพวกนั้นไปให้พวกเขาทันที

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานกับวินนี่แล้ว เธอมักจะพูดอะไรที่คลุมเครือออกมาเสมอ ราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเข้าสู่พิธีแต่งงานในเร็วๆ นี้

……………………………………………..