เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1585

หอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ รูปปั้นหินวางเรียงรายสุดลูกหูลูกตา

ที่นี่เป็นสถานที่รวมวิชาอันแข็งแกร่งทั้งหมดของประเทศตันเซิ่ง อีกทั้งยังเป็นอนุสรณ์ของผู้แข็งแกร่งประเทศตันเซิ่งที่ตายไปแล้ว

รูปปั้นแต่ละตัวที่นี่ คือผู้แข็งแกร่งที่จากโลกนี้ไปแล้ว

แสงบนรูปปั้นคือความโหยหาสุดท้ายที่พวกเขาทิ้งไว้บนโลก คุ้มครองประเทศที่เก่าแก่และอุดมสมบูรณ์แห่งนี้

เมฆขาวลอยมารอบๆ รูปปั้น รูปปั้นพวกนี้ค่อยๆ ก้มหน้ามองคนบนเมฆขาวอย่างละเอียด

ลู่ฝานชี้รูปปั้นพวกนี้แล้วพูดว่า “พวกมันเป็นหุ่นเชิดหมดเลยเหรอ”

สุ่ยโม่หรานที่อยู่ข้างๆ ตีมือลู่ฝานแล้วพูดว่า “อย่าชี้ รูปปั้นทุกตัวที่นี่มีวิญญาณของผู้แข็งแกร่ง ระวังโดนวิญญาณของพวกผู้แข็งแกร่งฆ่าตายก่อนได้เข้าไปในหอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์”

ลู่ฝานพูดอย่างไม่เข้าใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมต้องจัดงานประลองที่นี่ล่ะ นี่มันเกิดเรื่องได้ง่ายๆ เลยไม่ใช่เหรอ”

ผู้อาวุโสสามของตระกูลหั่วกับผู้อาวุโสสี่ของตระกูลสุ่ยเดินมาด้านหลัง ผู้อาวุโสสามพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เพราะการประลองที่นี่ พวกนายจะได้การยอมรับจากวิญญาณของผู้แข็งแกร่ง ถ้าโชคดีอาจเข้าตาผู้แข็งแกร่งที่ตายไปแล้วก็ได้ จากนั้นได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเขา โอกาสแบบนี้ถึงอยู่ในประเทศตันเซิ่งก็คงมีไม่มาก มีแค่ลูกหลานห้าตระกูลใหญ่ของเราที่มีโอกาสแบบนี้ ครั้งก่อนสุ่ยหมิงคงได้วิชาสามพันน้ำวนจากที่นี่ไม่ใช่เหรอ”

สุ่ยหมิงคงอมยิ้มไม่พูดอะไร เขาคำนับแล้วพูดว่า “วิชาไม่ค่อยสูงส่งเท่าไร ทำให้ผู้อาวุโสหั่วหัวเราะเยาะแล้ว”

สุ่ยโม่หรานยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินว่าที่นี่มีวิชายาที่ตันเซิ่งทิ้งเอาไว้ ถ้าฉันโชคดีได้มันก็ดีสิ”

“มีโอกาสอยู่แล้ว!”

ลู่ฝานใช้นิ้วลูบแหวนตัวเองเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น ปราณชี่ในตัวเริ่มอยู่ไม่สุขอีกแล้ว

เหมือนยิ่งเข้าใกล้หอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ ปราณชี่ในตัวเขายิ่งอยู่ไม่สุข

ลู่ฝานคิดไม่ออกว่าอะไรทำให้ปราณชี่ของเขาเคลื่อนไหวได้ขนาดนี้

จู่ๆ แสงสว่างขึ้นบนตัวหุ่นเชิดเกราะดำที่ยืนอยู่รอบเมฆขาว จากนั้นเมฆขาวด้านล่างเท้าเริ่มเร่งความเร็วขึ้น

โฉบผ่านข้างตัวรูปปั้นหินขนาดมหึมาเหมือนภูเขา ลู่ฝานรู้สึกว่ายิ่งเข้าไปด้านในเรื่อยๆ พลังบนตัวรูปปั้นหินเหล่านี้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

ที่นี่เหมือนเขาวิถีบู๊ที่ประเทศอู่อานเลย

เป็นสถานที่ถ่ายทอดของจักรวรรดิเหมือนกัน พูดตามตรงว่าการถ่ายทอดของประเทศตันเซิ่งทรงพลังกว่ามาก

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการถ่ายทอดที่ทิ้งไว้เป็นยังไงกันแน่ เรื่องนี้ลู่ฝานยังไม่เคยเห็น

แค่เห็นรูปปั้นผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนเหล่านั้น ก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ประเทศตันเซิ่งซ่อนไว้แข็งแกร่งกว่าประเทศอู่อานเยอะมาก

เมฆขาวลอยผ่านรูปปั้นหินที่วางเรียงราย ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูหอสวรรค์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์

หน้าประตูมีรูปปั้นขนาดเท่าคนจริงวางอยู่สี่ตัว ดูเหมือนมีชีวิตจริงๆ

ถ้าไม่เห็นดวงตาว่างเปล่าของพวกมัน คงแยกไม่ออกว่าพวกมันคือรูปปั้น

ท่าทางของรูปปั้นทั้งสี่ตัวแตกต่างกันออกไป ใบหน้าแอบมองไม่ชัด

ทุกคนลงมาจากเมฆขาวแล้วเดินไปหน้าประตู เมื่อเข้าไปใกล้ กลับพบว่าใบหน้าของรูปปั้นทั้งสี่ตัวไม่ชัดเจน

เมื่อกี้ตอนอยู่ไกลๆ ยังพอเห็นใบหน้าอยู่บ้าง ทำไมพอเข้าใกล้ถึงมองไม่เห็นใบหน้าล่ะ

ลู่ฝานมองอย่างละเอียด เขารู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างบดบังใบหน้ารูปปั้นเหล่านี้ ลู่ฝานใช้พลังวิญญาณของตัวเองมองอย่างไม่รู้ตัว

เป็นไปตามคาด ใบหน้าของรูปปั้นเหล่านี้ค่อยๆ ชัดขึ้นทีละนิด แต่ลู่ฝานก็รู้สึกเหมือนวิญญาณตัวเองโดนพลังแหลมคมบางอย่างทิ่มแทง ปวดหัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลู่ฝานรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว