ค่ายกลยิ่งมีระดับสูงมากเท่าไร ก็จะยิ่งละเอียดอ่อนและลึกลับ หากไม่ได้เข้าใจลำดับของหลักการและลายค่ายในการกลั่นแปร หากคิดจะใช้พละกำลังเพื่อทำลายค่ายกล เห็นที่จะเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ

หลังจากนั้นหลัวซิวก็มองเห็นเทพปีศาจสยบนภา เทพปีศาจตนนี้ถูกขังเอาไว้ในค่ายเทพระดับสี่ ภายในค่ายกลปริภูมิเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดทั่วทุกหนแห่ง

เวลาผ่านไปหนึ่งปี หลัวซิวสามารถสังเกตเห็นว่า ผลการฝึกตนของผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นสูงทั้งสามคนได้สูญเสียไปอย่างมหาศาล หากในอีกหนึ่งปีหรือเพียงครึ่งปียังไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้ ก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะต้องตายอยู่ที่นี่

เพื่อที่จะปกป้องสมบัติชิ้นนั้นไม่ให้ถูกคนแย่งชิงไปได้ เทพสงครามเอกภพได้จัดวางวิชาห้ามสามขั้นเอาไว้หน้าประตูตำหนักของตำหนักเหลืองทอง

วิชาห้ามขั้นที่หนึ่งมีจำนวนหลักร้อย ต่างเป็นค่ายเทพระดับสาม วิชาห้ามขั้นที่สองมีทั้งหมด 32 ค่าย ส่วนมากเป็นค่ายเทพระดับสาม มีส่วนน้อยที่มีพลังเทียบเท่าค่ายเทพระดับสี่ผสมปนอยู่ด้วย

ณ สถานที่ที่ใกล้กับประตูตำหนักที่สุด คือค่ายเทพระดับสี่จำนวน 3 ค่าย อีกทั้งยังเป็นสามในค่ายเทพระดับสี่ที่ทรงพลานุภาพอย่างมากอีกด้วย

เทพมารขั้นสูงทั้งสามอย่างช่าจื่อเยียนและคนอื่น ๆ ต่างก็พุ่งเข้าไปในวิชาห้ามขั้นที่สาม เดิมคิดว่าสามารถเข้าไปภายในตำหนักได้ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะถูกคุมขังเอาไว้ภายในวิชาห้ามค่ายกลที่แตกต่างกันออกไปเช่นนี้

พลานุภาพของค่ายเทพระดับสี่ รวมเข้ากับพลังกดขี่หาที่เปรียบไม่ได้ของเทพสงครามเอกภพที่บริเวณด้านหน้าประตูตำหนักมันคือความรุนแรงถึงขีดสุดแล้ว ภายใต้การควบคุมของทั้งสองอย่างนี้ ดูเหมือนจะทำให้เทพมารขั้นสูงทั้งสามถูกทรมานจนตายอยู่ในปริภูมิวิชาห้ามแห่งนี้

หลัวซิวแววตาสั่นไหวเล็กน้อย ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าไม่สามารถลงมายังพิภพต่ำได้ สิ่งเหล่านี้ที่เทพสงครามเอกภพได้จัดวางเอาไว้ มันมากเพียงพอที่จะทำให้ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นสูงผู้ใดก็ได้แต่หวังแต่ไม่อาจเอื้อมถึง นอกเสียจากโลกาชั้นฟ้าจะส่งเทพมารเชี่ยวชาญค่ายกลลงมาเอง

ถึงแม้ที่พิภพกลาง ปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าจะหาได้ไม่ยากนัก แต่สามารถข้ามแดนเป็นระดับนักค่ายเทพได้ กลับมีน้อยเหลือเกิน

“เทพมารขั้นสูงทั้งสามถูกคุมขัง……”

หลัวซิวเงยหน้ามองขึ้นไป สายตาเป็นประกายระยิบระยับ เขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะสถานการณ์มันกลับกลายเป็นดอกหลิวที่ผลิบานในฤดูหนาวเช่นนี้ ถึงแม้สมบัติชิ้นนั้นของเทพสงครามเอกภพยังไม่ได้ถูกคนชิงไป เช่นนั้นมันก็หมายถึงว่าเขายังมีโอกาสมิใช่หรือ?

แต่ว่าแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารขั้นสูงต่างก็ยังยากที่จะผ่านเข้าไปในประตูตำหนัก ต่อให้เขาสามารถเข้าไปได้ ก็ยังไม่รู้ว่าด้านในนั้นยังจะต้องพบเจอกับอันตรายอย่างไรอีก

โอกาสและอันตรายเป็นของคู่กัน โอกาสอันยิ่งใหญ่ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีความอันตรายอันใหญ่หลวงรออยู่ด้วยก็เป็นได้

ดั่งเช่นเทพสงครามเอกภพผู้แข็งแกร่ง เขาได้รับโอกาสล้ำค่าที่ฟ้าประทานให้ชิ้นหนึ่ง ก็ยังต้องมาตายเพราะโอกาสนี้ด้วยเช่นกัน

จากนั้นไม่นาน ในใจของหลัวซิวก็มีได้ลงมติแล้วว่า ตอนนี้จะเดินหน้าต่อ เริ่มผ่านเข้าไปในวิชาห้ามขั้นที่หนึ่ง

วิชาห้ามค่ายกลเหล่านี้ต่างก็เป็นค่ายเทพระดับสาม ด้วยระดับของเขาในตอนนี้ไม่สามารถทำลายได้ แต่สามารถอาศัยการกลั่นแปรเพื่อแปรสภาพและผ่านไปได้

พวกช่าจื่อเยียน เทพมารขั้นสูงทั้งสามต่างก็อาศัยพลังที่ทรงอานุภาพบุกรุกเข้าไป แต่หลัวซิวสามารถทำได้แค่เพียงปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อหาวิธีการในการผ่านเข้าไปเท่านั้น วิชาห้ามค่ายกลขั้นที่หนึ่ง เขาใช้เวลาราว ๆ ครึ่งปีถึงจะสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัย

จากนั้นก็ต่อด้วยวิชาห้ามค่ายกลขั้นที่สอง หลัวซิวจงใจหลำกเลี่ยงบรรดาวิชาห้ามที่บรรลุถึงค่ายเทพระดับสี่ ใช้เวลาราวไปประมาณแปดเดือนในการผ่านเข้าไป

เพียงชั่วพริบตาเวลาสองปีก็ผ่านพ้นไป เทพมารคนอื่น ๆ ต่างก็ไร้ซึ่งหนทางที่จะขึ้นมายังยอดเขา ต่างก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่

หลัวซิวผ่านวิชาห้ามค่ายกลสองขั้น ในที่สุดก็มาถึงที่หน้าประตูตำหนัก นอกจากนี้ยังมีค่ายเทพระดับสี่อีกสามค่ายและมีพลังที่แข็งแกร่งมากที่สุด เขาจำเป็นต้องผ่านหนึ่งในค่ายเทพนั้น จึงจะสามารถเข้าไปในตำหนักได้

แต่ในเวลานี้ภายในค่ายเทพสามค่ายต่างก็มีผู้คนถูกคุมขังไว้ หากว่าเขาลงมือทำลายค่าย พลังนั้นก็จะถูกคนจากด้านในสังเกตุเห็นได้