ตอนที่ 1218 พัฒนาอย่างก้าวกระโดด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เสียงนั้นลอยเข้ามา “ด้วยอายุและพลังความสามารถของเจ้า การทดสอบที่ถูกจัดไว้ให้ที่ชั้นที่สี่คือการหลอมอาวุธวิญญาณระดับที่เก้า ด้วยเห็นว่าอายุของเจ้าน้อยมากนัก เจ้าสามารถเลือกบันทึกขั้นแรกเริ่ม บันทึกขั้นสูงแล้วก็…”

สำหรับปรมาจารย์เหยียนแล้วอายุเท่านี้เป็นเหมือนดั่งทารกที่เพิ่งเกิดใหม่ ดังนั้นจึงมีสิทธิให้เป็นกรณีพิเศษ

มู่เฉียนซีกล่าว “เอาทั้งหมด! นำมาทั้งหมดเถอะ!”

ก่อนหน้านี้แค่เพียงเรียนรู้ไปเล่น ๆ เท่านั้น มาครั้งนี้นางต้องการที่จะเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น

นางไม่เพียงแต่ต้องการผ่านการทดสอบในชั้นนี้เท่านั้น อีกทั้งยังอยากที่จะตีกระบี่เล่มใหม่ให้เสี่ยวไป๋อย่างสุดกำลัง

“ดี!”

ของสะสมของปรมาจารย์เหยียนนั้นไม่ธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้ หลังจากที่ได้อ่านจนจบแล้วก็ได้รับประโยชน์ไปไม่น้อย

หลังจากตกผลึกความรู้ไปพอประมาณแล้วมู่เฉียนซีก็ได้เริ่มหลอมอาวุธ

อาวุธวิญญาณระดับเก้านั้นนางเคยหลอมมันมาแล้วครั้งหนึ่งที่ตำหนักเซียวอวิ๋น

มาตอนนี้พื้นฐานของนางแน่นขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว หากคิดที่จะหลอมอาวุธวิญญาณระดับเก้าขึ้นมาก็ไม่ยากเย็นนัก

เตรียมพร้อมอาวุธวิญญาณ เริ่มหลอมอาวุธและทำสำเร็จในคราเดียว

มู่เฉียนซีกล่าว “หลอมอาวุธสำเร็จเรียบร้อย เจ้าสามารถตรวจสอบได้แล้ว”

“อาวุธวิญญาณระดับเก้า สมบูรณ์แบบ ผ่านด่าน เจ้า…เจ้าสามารถทำสำเร็จได้ภายในครั้งเดียว”

มู่เฉียนซีถามย้อน “รึว่ายังจะสามารถล้มเหลวได้อีก?”

“การหลอมอาวุธจะให้สำเร็จได้ในครั้งเดียวนั้นน้อยยิ่งนัก โดยเฉพาะเช่นเจ้าที่หลอมอาวุธซึ่งเกินขีดจำกัดของตนเองไป แต่เจ้ากลับทำสำเร็จแล้ว…”

มู่เฉียนซียิ้มออกมา นางเองก็ไม่นับว่าเกินขีดจำกัดไป ถึงแม้ว่าพลังความสามารถจะต่ำไปหน่อยแต่พลังจิตของนางนั้นมีเพียงพอ

นางถามขึ้น “นี่นับว่าข้าผ่านแล้วหรือยัง?”

“ใช่! เจ้าผ่านแล้ว เจ้าสามารถเลือกที่จะไปพักผ่อนยังชั้นที่สี่ได้ หรือไม่ก็สามารถเลือกที่จะทำการทดสอบต่อไปได้ คนโดยปกติทั่วไปแล้วจะล้มเหลวอยู่หลายครั้งจึงจะสำเร็จ อย่างน้อยก็ต้องพักผ่อนไปอยู่หลายวัน แต่ว่าเจ้า…”

มันได้เผชิญกับผู้ที่วิปริตอย่างสมบูรณ์และอยู่เกินความคาดหมายของมันไป!

มู่เฉียนซีกล่าว “ไปต่อเถอะ! ไปยังชั้นที่หกเลยมิใช่ว่าจะดีกว่าหรือ?”

“เจ้าจงอย่าได้ดีใจเร็วไปนัก การทดสอบของสองชั้นด้านบนนั้นมิได้ง่ายเหมือนดั่งชั้นที่สี่”

ชั้นที่ห้ามิได้ง่ายดายเช่นนั้น!

ก็เพราะว่ามันต้องการให้หลอมอาวุธวิญญาณขั้นปฐพีระดับที่หนึ่งออกมา ระดับขั้นนี้นางไม่เคยที่จะลองหลอมมันมาก่อน

ด้วยมีความเป็นมนุษย์ของหอหมื่นกระบี่ มันจึงได้มอบบันทึกการหลอมอาวุธวิญญาณขั้นปฐพีให้มู่เฉียนซี และยังมีบันทึกบางอย่างเกี่ยวกับการหลอมอาวุธขั้นปฐพีของปรมาจารย์เหยียนมอบให้ มู่เฉียนซีอ่านดูไปพร้อมกับเริ่มตกผลึกความรู้ และในที่สุดก็เตรียมพร้อมที่จะลงสนามจริง

ในตอนต้นนั้นถึงแม้ว่าจะได้อ่านทฤษฎีต่าง ๆ ไปแล้ว แต่มู่เฉียนซีก็ยังคงล้มเหลว

สำหรับนางแล้ว การหลอมอาวุธธรรมดากับการหลอมอาวุธที่ข้ามขั้นเช่นอาวุธวิญญาณขั้นปฐพีนี้ มันเปรียบได้เหมือนดั่งความแตกต่างระหว่างการสกัดสมุนไพรวิญญาณขั้นปฐพีกับขั้นสวรรค์ มันไม่ง่ายดาย

เมื่อล้มเหลวแล้วก็ลองใหม่อีก อย่างไรเสียการทดสอบนั้นมันก็ไม่ได้กำหนดเอาไว้ว่าให้ทำสำเร็จภายในครั้งเดียว

ไม่รู้ว่ามู่เฉียนซีได้ใช้แร่หินไปตั้งเท่าไรแล้ว ในที่สุดก็สามารถหลอมอาวุธวิญญาณขั้นปฐพีระดับที่หนึ่งออกมาได้เสียที

“อาวุธวิญญาณขั้นปฐพีระดับหนึ่ง สำเร็จ สมบูรณ์แบบ! เจ้าต้องการที่จะทำการทดสอบต่อหรือพักก่อน!”

“ทำการทดสอบต่อ!”

หลังจากที่มาถึงชั้นที่หกแล้ว เมื่อมู่เฉียนซีเห็นข้อกำหนดในการทดสอบแล้วก็ตะลึงค้าง

“ขั้นปฐพีระดับเก้า เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า! นี่มันก็ข้ามขั้นมากไปหน่อยแล้วกระมัง!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความตกตะลึง

“เจ้าสามารถที่จะฝึกฝนได้อย่างไม่หยุดหย่อนจนกระทั่งไปถึงตำแหน่งที่เจ้าต้องการ”

“นี่มันจะต้องเรียนรู้กันอีกเป็นขวบปีข้ายิ่งรีบ ๆ อยู่!” รอจนเมื่อนางผ่านการทดสอบ คาดว่าพิฆาตวิญญาณนั้นคงได้ฆ่าทุกคนไปจนสิ้นแล้ว การที่นางได้กลายเป็นผู้เป็นนายของหอหมื่นกระบี่ก็ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์

“ข้าขอละทิ้งการทดสอบ!”

“เจ้า…เจ้ากลับต้องการยอมแพ้…”

“แน่นอนว่ายอมแพ้! ตั้งแต่ขั้นปฐพีระดับหนึ่งไปจนถึงระดับเก้า ถึงต่อให้มีพรสวรรค์ก็คงต้องใช้เวลาถึงสิบปีกระมัง! หลังจากผ่านไปสิบปีข้าออกไปดอกไม้ก็คงจะเหี่ยวเฉาหมดสิ้นแล้ว”

“รึว่าเจ้าไม่รู้ว่าหอหมื่นกระบี่นั้นอยู่ในอีกมิติหนึ่ง การไหลของระยะเวลานั้นไม่เหมือนกับที่อื่น ๆ ถึงต่อให้เจ้าใช้เวลาในที่นี่ถึงสิบปี ที่ด้านนอกนั้นก็แค่เพียงผ่านไปสิบชั่วยามเท่านั้น”

“สิบชั่วยาม ระยะเวลาที่เกือบหนึ่งวันนั่นก็ช้า”

“รังเกียจว่าช้าไปนัก เช่นนั้นเจ้าก็จงใช้ระยะเวลาหนึ่งปีผ่านการทดสอบให้ได้สิ! ขอแค่เพียงเจ้าสามารถทำได้” ถึงแม้ว่ามันจะกล่าวมาเช่นนี้ แต่มันก็คิดว่าไม่มีใครสามารถที่จะทำได้

“มู่เฉียนซีกัดฟันแล้วกล่าว “ตกลง!สู้ตาย! ก็แค่อาวุธวิญญาณขั้นปฐพีระดับที่เก้าไม่ใช่หรือไง?”

ก่อนอื่นทำความรู้จักอาวุธวิญญาณขั้นปฐพีแต่ละระดับขั้นและวิธีการหลอมอาวุธวิญญาณให้ดีเสียก่อน จากนั้นค่อยเริ่มลงมือ!

พลังจิตเพียงพอ ส่วนพลังวิญญาณนั้น ยาของมู่เฉียนซีถูกใช้อย่างไม่ตระหนี่ถี่เหนียว

การหลอมอาวุธวิญญาณขั้นปฐพีระดับสอง ล้มเหลว!

ล้มเหลว!

แล้วก็ยังล้มเหลวอีก!

สำเร็จ!

ระดับปฐพีขั้นที่สาม…

ขั้นสี่?…

……

มู่เฉียนซีใช้พลังในการปรุงยาอันดุดันมาเริ่มหลอมอาวุธ ผลลัพธ์ของมันนั้นเห็นได้ชัดเป็นอย่างมาก ระดับของความก้าวหน้านั้นช่างน่าตกตะลึง

เครื่องกลไกแห่งหอหมื่นกระบี่นั้นคอยเฝ้าดูมู่เฉียนซีอยู่ตลอด “โอ้สวรรค์! นี่มันเป็นปีศาจที่ผุดออกมาจากที่ใดกัน!”

อย่าว่าแต่ปีนึงเลย เวลาเพียงแค่ครึ่งปีก็คาดว่านางคงจะทำสำเร็จเสียแล้ว เพราะว่าคนผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก

ที่ยิ่งเป็นมารปีศาจไปยิ่งกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่านางจะมีพลังวิญญาณที่ใช้ไม่หมดสิ้น

ขั้นปฐพีระดับที่เจ็ด ระดับแปด ระดับเก้า…

หลังจากระดับที่เก้าแล้วมู่เฉียนซีก็มิได้ทิ้งการตรวจสอบ ถึงแม้ว่าจะเพิ่มขั้นมาจนถึงขั้นนี้แล้ว แต่นางก็ยังอยากที่จะท้าทายกับขั้นที่เก้าเต็มขั้นเสียหน่อย!

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ามาถึงชั้นที่หกแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะเอาของที่อยู่ด้านนอกได้ ข้างบนนั้นคงจะมีหินแร่ที่ทรงค่าอยู่กระมัง! นำอาวุธวิญญาณและหินแร่ที่เหมาะแก่การหลอมอาวุธขั้นที่เก้ามาให้ข้า”

“เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว แน่นอนว่าของเหล่านี้ถือเป็นของเจ้า ข้าช่วยเจ้านำมาก็ถูกต้องแล้ว”

ของสะสมของปรมาจารย์เหยียนนั้นทำให้มองดูแล้วตาลาย มู่เฉียนซีได้เลือกสิ่งที่ตนต้องการออกมา ส่วนที่เหลือนั้นก็ได้โยนเข้าไปไว้ในมิติของนาง

ทั้งหมดได้ถูกเตรียมไว้พร้อมสรรพแล้ว นางจึงได้เริ่มหลอมอาวุธวิญญาณระดับที่เก้าของนาง

นี่เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง กระบี่ที่รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับกระบี่เฉียนหาน

มู่เฉียนซีทุ่มเทพลังกายใจทั้งหมดเพื่อหลอมกระบี่เล่มนี้ หลังจากที่เวลาค่อย ๆ ผ่านไป กระบี่เฉียนหานที่สมบูรณ์ก็ได้ออกจากเตาแล้ว

สำเร็จ!

มู่เฉียนซีกล่าว “สามารถทดสอบผลสำเร็จได้แล้ว”

“อาวุธวิญญาณระดับปฐพีขั้นที่เก้าเต็มขั้น คุณภาพชั้นยอด ยินดีด้วยเจ้าวิปริต การทดสอบในชั้นที่หก ผ่าน!”

มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย วิปริต

มู่เฉียนซีผ่านการทดสอบในชั้นที่หกแล้ว กู้ไป๋อีเองก็ได้ถูกส่งตัวขึ้นมา เมื่อเขาเดินออกมาจากการรับรู้เจตจำนงแห่งกระบี่ก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเงาหนึ่งนั้น

เขายิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ซีเอ๋อร์ ยินดีด้วย! เจ้าทำได้แล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “ที่จริงแล้วข้าก็ต้องแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย!”

กู้ไป๋อีตะลึงค้าง “ยินดีกับข้า!”

“เพราะว่าเจ้ากำลังจะมีกระบี่คู่กายที่ร้ายกาจมากเล่มหนึ่ง” มู่เฉียนซีได้โยนกระบี่เฉียนหานให้กับกู้ไป๋อี

“เสี่ยวไป๋ เจ้าลองดูสิว่าเข้ากันหรือไม่?”

กู้ไป๋อีได้ชักกระบี่เฉียนหานออกมา แสงอันเย็นยะเยือกสาดออกมา ช่างร้ายกาจอย่างมิอาจหาสิ่งใดเทียบ

เขากล่าวด้วยความตะลึง “อาวุธวิญญาณขั้นปฐพีระดับเก้าเต็มขั้น!”

แม้หากเขาอยากได้มาซึ่งอาวุธวิญญาณขั้นสวรรค์ก็มิได้ยากเย็น และแม้ว่ากระบี่ในมือนี้จะเป็นกระบี่ขั้นปฐพีเล่มหนึ่งที่มิได้นับเป็นขั้นสวรรค์

แต่ก็สามารถเห็นได้ถึงพรสวรรค์ของผู้ที่หลอมมันมา อีกทั้งยังทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปอย่างมาก

ระดับการหลอมอาวุธของมู่เฉียนซีนั้นเขารู้ดี อย่างไรเสียเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านางสามารถหลอมได้เพียงอาวุธวิญญาณระดับเจ็ด แต่มาวันนี้ได้ข้ามไปมากกว่าระดับขั้นใหญ่ระดับขั้นหนึ่งเสียอีก

กู้ไป๋อีกล่าว “เหมาะสมอย่างมาก!”

“เหมาะสมก็ดีแล้ว! ถูกการทดสอบของหอหมื่นกระบี่บีบบังคับเสียจนพลังความสามารถในการหลอมอาวุธก้าวกระโดดรุดหน้าอย่างดุดัน ก็เลยถือโอกาสนี้ทำคำสัญญากับเจ้าให้เป็นจริง” มู่เฉียนซีกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“การทดสอบในชั้นที่เจ็ดสามารถเริ่มได้แล้ว! เตรียมที่จะทดสอบอะไร?”

เครื่องกลไกของหอหมื่นกระบี่กล่าว “ชั้นที่เจ็ดเจ้าไม่จำเป็นต้องรับการทดสอบ จงขึ้นไปเสียเลยเถิด!”

แกรก! บันใดแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขาทั้งสอ

.