ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 992 ใช้เงินๆ
ตอนท้ายคุณชายม็อกโกก็ไม่ได้ไปส่งแสงดาวที่ท่ารถประจำทาง
แต่กลับขับรถไปส่งเธอถึงเมือง A ด้วยตัวเอง
แสงดาว: “คุณยุ่งถึงเพียงนี้ ไม่ควรรบกวนคุณส่งฉันกลับมาเลย? คุณมานี่ น่าจะมีงานมากมายที่จะสะสาง? รีบหยุดรถให้ฉันลงเถอะ ฉันให้เพื่อนหารถเพื่อขับไปเองได้”
“เธอหุบปากไปซะ!”
คุณชายม็อกโกหมดความอดทน จนแผดเสียงใส่เธอไป
หลังจากนั้น รถจี๊บคันดำนี้ก็เหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปสู่เส้นทางไปเมือง A
อารมณ์ที่เขาแสดงออกในวันนี้ นับเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดที่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อารมณ์ร้อนอย่างไม่มีเหตุผล อารมณ์ฉุนเฉียวอย่างไร้สาเหตุ เป็นวันที่ซวยเสียจริง!
——
เมือง A ณ เรือนรอง
ถึงแม้จะกลับมาแล้วสองวัน แต่ตึกวังฬาหนึ่งก็ยังดูคึกคัก
คู่สามีภรรยา ดิลกและธนาตย์แทบจะมาเกือบทุกวัน หลังจากที่ได้ยินข่าวการกลับมาทั้งครอบครัว สองสามวันมานี่คนในตระกูลหิรัญชาก็เข้ามาเยี่ยมพวกเขาอย่างไม่ขาดสาย
“น้องชาย น้องสาว พี่คิดว่าพวกเธอควรนัดไปทานข้าวที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลหิรัญชา? มีคนเข้ามาเยอะแบบนี้ทุกวัน ก็พลอยทำให้พวกเธอลำบากไปด้วย”
วันนี้ หลังจากที่มีญาติพี่น้องมาจากแดนไกล ลูกพี่ลูกน้องของแสนรักชื่อธวัช จะเข้ามาให้คำแนะนำกับเส้นหมี่
เส้นหมี่เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในใจมีความรู้สึกแปลกๆ
เธอคิดอยากจะไป
แต่ว่าสองสามวันมานี่ เธอได้สังเกตแล้วว่าคนในคฤหาสน์นั้นต่างก็เข้ามา แต่มีคนหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏออกมา ไม่รู้ว่าตั้งใจที่จะหลบหน้าหรือเปล่า หรือเป็นเพราะสาเหตุอะไรกัน?
ไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้เห็นเลย
ทั้งที่ตอนที่เธอกำลังกลับมา เขายังถามเธออยู่ว่า เมื่อไรจะกลับมา? ยังถามด้วยว่าจะให้เขาจองห้องอาหารในโรงแรมเพื่อไปทานข้าวกันไหม?
เส้นหมี่คิดแล้วคิดอีก ตอนท้ายจึงตอบกลับไปว่า: “ฉันขอไปปรึกษากับแสนรักก่อนดีกว่าค่ะ”
ธวัชรีบพยักหน้าตอบรับ: “ได้ พวกคุณคุยกันก่อนก็ได้ เรื่องอาหารพวกคุณก็ไม่ต้องกังวลไป พวกพี่สะใภ้ของคุณจะช่วยกันเอง มาทานสี่ห้าโต๊ะก็ไม่มีปัญหาอะไร”
พี่ชายผู้นี้ รู้สึกดีใจไม่น้อยที่พวกเขาสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย
แน่นอนว่าเต็มใจที่จะเป็นธุระจัดการเรื่องต่างๆให้ด้วย
เมื่อรอเขากลับออกไป เส้นหมี่ก็ลงไปที่สวนหย่อมไปหาแสนดี
เมื่อลงมาถึงสวนหย่อมที่เย็นสบายนั้น กลับพบธวัชนั่งดื่มชาอยู่กับญาติผู้ใหญ่หลายคน แต่ครั้งนี้มันดูจะลามปามที่สุด เธอเห็นบ่อปลามีเบ็ดตกปลาวางอยู่สามเบ็ด
เขาอยากทำอะไรกันแน่?
นอกจากดื่มชาแล้ว เขาหาวิธีที่จะเข้าหากับญาติผู้ใหญ่เหล่านี้ไม่ได้แล้วหรืออย่างไร?
เส้นหมี่เดินเข้าไปด้วยท่าทีฟึดฟัด
“คุณพ่อ คุณน้า พวกท่านทำอะไรกันอยู่?”
“มองไม่เห็นหรือ? ตกปลาไง มาๆ เข้ามาดูๆ เส้นหมี่ เธอมาดูเมื่อตะกี้น้าตกปลาได้ตัวใหญ่มาก”
ธนาตย์เมื่อเก็นเขาเดินเข้ามา รีบกวักมือเรียกเธอเข้ามาอย่างตื่นเต้น เรียกให้เธอไปดูปลาที่เขาตกได้
เส้นหมี่ : “……”
เดินเข้ามาเหลือบมองปลาคาร์ปสีทองที่กำลังกระโดดอยู่ในถัง เธอแอบชำเลืองมองชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
ผลปรากฏว่า ชายผู้นี้กลับไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆ เขาได้แต่นั่งดื่มชา ปลาตัวนี้ถ้าจำไม่ผิดตอนซื้อราคาตัวหนึ่งประมาณแสนกว่า
แต่ตอนนี้ เขาไม่แม้แต่จะสบตาแม้แต่ครั้งเดียว
“เยี่ยมไปเลยคุณน้า งั้นคุณน้าตกไปก่อน เส้นหมี่มีเรื่องต้องคุยกับแสนดีสักครู่”
“ไปกันเถอะ”
ธนาตย์เมื่อหาสิ่งที่น่าสนใจเจอแล้ว ก็รีบกวักมือให้แสนดีนั้นออกไปอย่างอารมณ์ดี
เส้นหมี่ถึงได้ลากตัวแสนดีออกมา แล้วทั้งสองก็เดินกลับไปที่ชั้นสามของบ้าน
“คุณบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ที่ให้พวกเขาตกปลาอยู่ที่นี่ ปลาตัวนั้นคุณเลี้ยงมาตั้งหลายปี ถ้าคุณจะให้พวกเขาหาเรื่องสนุกๆทำ ก็พาพวกเขาออกไปบ่อต่อปลาข้างนอกก็ได้”
เมื่อขึ้นมาถึง เส้นหมี่ก็รีบต่อว่าเขาทันที
แต่ชายผู้นี้กลับยักไหล่และแสดงท่าทีที่ไม่แยแส: “ปลาแค่ไม่กี่ตัว ค่อยเลี้ยงใหม่ก็ได้ คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผม?”
เขาเปลี่ยนเรื่องคุย รีบถามเส้นหมี่เรื่องที่เธอจะคุยกับเขา
เมื่อเส้นหมี่เห็นแบบนั้น ไม่มีหนทางอื่นแล้ว จึงได้พูดกับเขาอย่างจริงจังขึ้นมา
“เมื่อกี้พี่ใหญ่แนะนำว่ามีคนเข้ามาที่บ้านพวกเราไม่ขาดสาย เราสู้ที่จะไปทานข้าวที่คฤหาสน์ไม่ดีกว่าหรือ แล้วนัดญาติสนิทมิตรสหายไปด้วย คุณลองคิดดู……ว่าวิธีนี้ดีหรือเปล่า?”
เธอค่อยๆมองดูปฏิกิริยาของเขาด้วยความตื่นเต้น
ปัญหาเรื่องนี้ หลังจากกลับมาได้สองสามวัน เธอก็สัมผัสมันได้แล้ว
ลำดับแรก ตระกูลหิรัญชาเป็นบ้านที่เขาเติบโตขึ้นมา พูดตามมารยาทแล้ว หลังจากที่เขากลับมา เขาก็ควรที่จะเข้าไปเยี่ยมเยียนบ้าง ถึงแม้ว่าธนากรจะไม่อยู่แล้ว แต่เขาก็เป็นคนที่เลี้ยงดูเขาเติบโตขึ้นมากับมือ
ก็ควรจะกลับไปเยี่ยมเยียนบ้าง
แต่เขากลับไม่เลย ช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมา เขากลับไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเลย
มันเป็นเพราะอะไรกัน
สาเหตุหลักอาจเป็นเพราะคณาธิปที่ได้เข้าไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว
“ไม่มีอะไรน่าไป สถานที่นั้นทั้งยุ่งยากและคับแคบ อยากทานข้าว ก็ไปจองโต๊ะทานในโรงแรมก็ได้”
เขาปฏิเสธขึ้นมาทันที ใบหน้านั้นแสดงความเย็นชาและความไม่พอใจออกมา
เส้นหมี่ไม่กล้าที่จะพูดต่อไปอีก
เธอรีบละสายตาจากเขา พยักหน้าตอบรับเขาด้วยท่าทีเข้าใจ: “ได้ค่ะ เส้นหมี่จะรายงานให้พี่ใหญ่ค่ะ”
เธอได้เดินลงไปหาธวัช
แต่ทันใดนั้น ชายที่ยืนอยู่ข้างกายเธอก็ยื่นมือไปจับที่แขนของเธอ: “เธอดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจนัก?”