บทที่ 1289 ขอบคุณยิ่ง!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บาดแผลของหวังอีอี ที่แท้คือสิ่งใด มาจากที่ใด และเหตุใดความแข็งแกร่งดังเช่นท่านพ่อหวังที่เป็นเทพเคารพสูงสุด ก็ไม่อาจช่วยรักษาได้ มีเพียงเซียนเท่านั้นจึงจะช่วยได้

เรื่องนี้แม้หวังเป่าเล่อจะไม่เข้าใจ แต่ก็พอคาดเดาได้

“บางที อาจเกี่ยวข้องกับหลัว” หวังเป่าเล่อพึมพำอยู่ในใจ เรื่องนี้ไม่มีคำตอบ นอกจากท่านพ่อหวังจะบอกให้รู้

แต่หวังเป่าเล่อไม่เชื่อ…การปรากฎตัวของตนเองภายในโลกแห่งศิลา ช่างเป็นความบังเอิญ

เพราะ…หากไม่มีการมาของหวังอีอี และการปรากฎตัวของบิดาของนาง เช่นนั้นถึงแม้โลกแห่งศิลาจะเป็นมือขวาหลัวจำแลง ท้ายที่สุดตนเองก็ยากที่จะได้ชัยจากการต่อสู้กับดวงจิตเทพของมหาเทพ

มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเป็นเช่นเดียวกับศิษย์พี่เฉินชิงจื่อ

ในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าเรื่องจะมีความน่าจะเป็นเพียงเล็กน้อย ที่ตนเองจะเอาชนะดวงจิตมหาเทพได้ และไม่อาจจะท่องเที่ยวต่อไปได้อีก และยากที่จะหนีจากการเป็นเส้นทางสู่อาวุธนักรบ

กล่าวได้ว่า การเปลี่ยแปลงมากมายของที่นี่ นอกจากหัตถ์หลัวจำแลงนอกป้ายศิลาแล้ว สิ่งสำคํญที่สุด…ก็คือการมาของพ่อลูกหวังอีอี ดังนั้น หากกล่าวว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับหลัว หวังเป่าเล่อก็คงไม่เชื่อ

โดยเฉพาะเขารู้อยู่แล้วว่า หลังจากที่หลัวต่อสู้กับกู่ เคยโจมตีกลับจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น ต่อสู้กับมหาเทพแต่ล้มเหลว เช่นนั้น…เป็นไปได้ไหมว่า ก่อนที่จะต่อสู้กับมหาเทพ หลัวได้รวบรวมเซียนแล้วกว่าครึ่ง และตนเองก็ได้มาถึงขั้นสุดยอด และได้ทิ้งคำชี้แนะไว้

คำชี้แนะนี้ ก็คือสาเหตุของการบาดเจ็บของหวังอีอี และก็เป็นเพราะคำชี้แนะนี้ ทำให้หลังจากที่เขาเองล้มเหลวมาหลายปี ยังคงสามารถทำให้ท่านพ่อหวัง มาเสาะหาความเป็นอมตะที่นี่

ดังนั้นสำหรับมหาเทพ ก็ฝังแผนสังหารไปหลังจากนั้นหลายปี

ความจริงเป็นเช่นนี้หรือไม่ หวังเป่าเล่อไม่รู้ และเขาก็ไม่ต้องการจะรู้ ด้วยนี่ไม่สำคัญ

เพราะไม่ว่าอย่างไร การช่วยรักษาหวังอีอีเป็นการเลือกที่ไม่เคืองแค้นไม่เสียใจของเขา เวลานี้ขณะที่สะบัดมือ ร่างของเขาก็สั่นเทา ปรากฎการพร่าเลือนและทับซ้อน และในไม่ช้าก็มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากร่างของเขา

ร่างนี้คือหวังเป่าเล่อ แต่ดูเหมือนจะหนุ่มกว่า และหากมองให้ถี่ถ้วน ราวกับจะสามารถมองเห็นกระบวนการเติบโตทั้งหมด เห็นทารก เด็กน้อย และชายหนุ่มจากในร่างนี้

และยังหมายถึงทุกสิ่งในอดีตชาติ

ดูเหมือนนับจากจุดนี้เป็นต้นไป ทุกสิ่งในกาลข้างหน้า ต่างก็รวมกันอยู่ในร่างนี้ ที่สุดก็ทำให้ความพร่าเลือน ที่ร่างนี้เปลี่ยน คล้ายกลุ่มแสงสีดำ

หันหน้าไปมองร่างที่เป็นตัวแทนอดีตของตนเอง หวังเป่าเล่อจ้องมองอยู่นาน สุดท้ายก็หัวเราะ ขณะที่ยกมือขวาขึ้น ทันใดนั้นกระบี่ยาวลวงตาเล่มหนึ่งก็ปรากฎอยู่เหนือศีรษะเขา

กระบี่นี้ ก็คือกระบี่สำริดโบราณที่แทงทะลุตะวัน แต่เห็นได้ชัดว่าด้วยโลกแห่งศิลาหลอมรวมเข้ากับฝ่ามือของหวังเป่าเล่อ กระบี่เล่มนี้…ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว

“ตัดเถอะ” หวังเป่าเล่อกล่าวเสียงเบา ทันทีที่กล่าวออกไป กระบี่สำริดโบราณนี้พลันก็ฟันออกไป

ดูเหมือนฟันไปบนความว่างเปล่า แต่ที่ฟัน…คือหวังเป่าเล่อและกรรมทั้งหมดในอดีตของเขา

ราวมีฟ้าร้องคำราม คล้ายกับสายฟ้าฟาด ท้องฟ้ารอบด้านสั่นไหวอย่างรุนแรง ในขณะที่กระแสวนกระเพื่อม ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นเบาๆ เมื่อดูไป ร่างในอดีตของเขาไม่มีส่วนเชื่อมต่อกับเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ขณะที่สะบัดมือ ร่างในอดีตกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง ตรงไปที่…หวังอีอีที่กำลังกัดริมฝีปากล่างอยู่

หวังอีอีต้องการหลบซ่อน แต่นางทำไม่ได้

เพราะในเวลานี้ดูเหมือนนางยังคงอยู่ แต่ที่จริงแล้ว …นางอยู่ภายในลูกปัดเม็ดหนึ่ง ร่างลวงตาของหวังอีอีที่ปรากฎอยู่ด้านนอกหายไปพร้อมกับการมาถึงของแสงดำตัวแทนร่างในอดีตของหวังเป่าเล่อ ลูกปัดปรากฎออกมา และแสงดำนี้หลอมรวมเข้าภายในลูกปัดทันที

วินาทีต่อมาลูกปัดก็แตกออก

ร่างที่ประกอบไปด้วยเลือดเนื้อ เวลานี้ได้ก่อขึ้นอย่างช้าๆ ภายใต้การหล่อเลี้ยงจากแสงสีดำที่กลายมาจากร่างในอดีตของหวังเป่าเล่อ ในที่สุดร่างจริงของแม่นางน้อยก็ถูกหล่อหลอมออกมา ปรากฎอยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่อในขณะนี้

สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ

แต่มันเหมือนภาพวาดที่ไร้ซึ่งชีวิต

หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก วินาทีต่อมา ร่างกายของงเขาก็พร่าเลือนปรากฎเงาทับซ้อนขึ้นอีกครั้ง ในไม่ช้าก็มีเงาร่างที่สองเดินออกมา

เงาร่างนี้พอปรากฎ แสงสีขาวก็สว่างไสวไร้สิ้นสุด นั่นคืออนาคต

ภาพลวงตานับไม่ถ้วนในนั้นแวบผ่าน มีสุขใจ โศกเศร้า ตั้งตระหง่านเหนือท้องฟ้า และลมหายใจที่ฝังอยู่ในนพภูมิ ภาพนับไม่ถ้วนนี้ ส่องประกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างนี้ยิ่งสว่างไสว รุ่งโรจน์เรืองรอง

เขามองไปที่ร่างแห่งอนาคตของตน เห็นได้ชัดว่าช่วงเวลาในการจ้องมองครั้งนี้ ขาดอดีตมากเกินไป ดูเหมือนหวังเป่าเล่อไม่สนใจต่ออนาคต

ราวกับเมื่อเทียบกันแล้ว เขาดูจะห่วงอดีตที่ผ่านไปของตนมากกว่า ดังนั้นพลันละสายตา ยกมือขวาขึ้นสะบัดลงไปอีกครั้ง

เสียงคำรามดังขึ้นอีก กระบี่ยาวฟันลง อนาคต…ขาดสะบั้น

ร่างกายของหวังเป่าเล่อสั่นขึ้นอีกครั้ง สีหน้าค่อยๆ ซีดขาวไปบ้าง แม้จะฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว แต่ดูไปแล้ว ร่างของเขาราวกับจะผอมบางลงมาก

ขณะที่เงยหน้าขึ้น เขาเห็นร่างแห่งอนาคตของตนกลายเป็นแสงขาว พุ่งตรงไปที่ร่างแท้ของแม่นางน้อย คลุมไปทั่งร่างนาง และหลอมรวมสู่ร่างกายอย่างช้าๆ ทำให้ร่างกายหวังอีอีค่อยๆ ปรากฎพลังชีวิต

หวังเป่าเล่อยิ้มแล้ว จ้องมองไปที่หวังอีอีอย่างลึกซึ้ง ในสายตาของเขา ภายในร่างของหวังอีอีในเวลานี้ แม้อดีตและอนาคตของตนสอดประสาน แต่กลับไม่ได้หลอมรวมด้วยกัน

มีสติวูบหนึ่งมาจากร่างแท้ของหวังอีอี ราวกับกำลังต่อต้านอย่างสุดกำลัง และขับไล่…

“หัวใจนี้ก็พอเพียง” หวังเป่าเล่อยิ้มอย่างเป็นสุข มือทั้งสานประกบกันอยู่ข้างหน้าอย่างช้าๆ กล่าวเสียงเบา

“ชะตากรรม…”

ชั่วอึดใจ ขณะที่เขากล่าวออกมา และขณะที่สองมือประกบกัน อดีตและอนาคตของเขาภายในร่างหวังอีอี ก็ปะทุขึ้น และหลอมรวมเข้าด้วยกันในทันที

แสงสองสาย สายหนึ่งสีดำ และสายหนึ่งสีขาว เวลานี้หลังจากที่ประสานเข้าด้วยกัน กลับกลายเป็นไม่ใช่สีเทา

แต่เป็นสีสันตระการตา งดงามสดใส

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นชะตากรรม

ชะตากรรม ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง

ชะตากรรม ที่ไม่เหมือนเช่นเคย

ในขณะที่ทั้งสองสีหลอมรวมเข้าด้วยกัน เติมเต็มเข้าไปในความหลงใหลของหวังเป่าเล่อ ทำให้เขารักษาพลังชีวิตที่สมบูรณ์ และแฝงด้วยสัมผัสอมตะ

“ให้เจ้า” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเบา รํศมีหลากสีที่ปะทุออกมาจากภายในร่างหวังอีอี คลุมร่างของนางไว้ข้างใน ความผันผวนของวิญญาณก็กระจายออกมาในขณะนี้

ปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์ที่อีกด้านหนึ่ง สับสนวุ่นว่ายอยู่ในใจ แต่ความตื่นเต้นก็คงอยู่เช่นกัน สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณของประมุขน้อยในขณะนี้ เขาเข้าใจ ประมุขน้อย…กำลังจะตื่นขึ้น

วานรเฒ่าและจิ้งจอกน้อย เวลานี้ต่างก็เงียบงัน เพียงแต่วานรเฒ่าขณะอยู่ในความเงียบงัน ยังมองไปทางหวังเป่าเล่อด้วยความสะท้อนใจ ขณะที่คนหลัง…กลับตกตะลึง

เพียงแต่…เมื่อผ่านไปหลายอึดใจ ความผันผวนของพลังวิญญาณบนร่างหวังอีอีก็ยิ่งรุนแรงขึ้น แต่กลับไม่ตื่นขึ้น กระทั่งมีสัญญาณหยุดชะงัก เหตุการณ์นี้ ทำให้ปรมาจารย์สำนักดาราจันทร์ร้อนรนอยู่บ้าง

“ยังไม่ยอมฟื้นหรือ…” หวังเป่าเล่อยถอนใจเบาๆ สายตาอ่อนโยนลงเงยหน้าขึ้นมองความว่างเปล่าทางด้านหลังของหวังอีอี ที่นั่น…เวลานี้มีเรือเดียวดายลำหนึ่ง กำลังค่อยๆ เข้ามา

ร่างที่ยืนอยู่บนเรือ ก็ค่อยๆ ปรากฎออกมา

“ท่านประมุข!” ทันทีที่ประมาจารย์สำนักดาราจันทร์เห็นร่างนี้ พลันก็รีบก้มศีรษะลงคำนับ

วานรเฒ่าและจิ้งจอกน้อย ต่างก็ก้มศีรษะ

ร่างนี้ยกขาก้าวออกจากเรือเดียวดาย และพยักหน้าไปทางปรมาจารย์ดาราจันทร์รวมทั้งวานรเฒ่าจิ้งจอกน้อยก่อน จากนั้นก็ยืนอยู่ข้างร่างหวังอีอี ยกมือขวาขึ้นแตะไปที่หว่างคิ้วของหวังอีอี

“อีอี ยังไม่ฟื้นหรือ”

ร่างของอีอีพลันสั่นไหว ขนตากระพริบเบาๆ น้ำตาไหล อีกนานจึงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เห็น ไม่ใช่บิดาของตน แต่เป็นร่างในชุดขาว…ที่อยู่ห่างไกล

ท่านพ่อหวังไม่ได้สนใจ ลูบศีรษะบุตรสาวอย่างปลอบประโลม เมื่อหันร่างไปทางหวังเป่าเล่อ ท่าทางเคร่งขรึม ประสานหมัด…คำนับไปทางหวังเป่าเล่อ

“ขอบคุณสหายเต๋า!”

“ท่านอาวุโสเกรงใจไปแล้ว ผู้น้อยขอตัวก่อน” หวังเป่าเล่อก้มศีรษะ กล่าวเสียงเบา หันร่างเดินไปทางท้องฟ้าอย่างโดดเดี่ยว

ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต เดิมทีเขายังมีศิษย์พี่ แต่ศิษย์พี่สิ้นแล้ว เวลานี้ดูเหมือนเขาไม่เหลือสิ่งใดอีกนอกจากโลกในฝ่ามือ

หวังอีอีมองไปที่ด้านหลังของหวังเป่าเล่อ ร่างของนางสั่นสะท้าน กำลังจะเอ่ยปาก บิดาของนางที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวออกมาเบาๆ

“เป่าเล่อ วิญญาณของเฉินชิงจื่อศิษย์พี่เจ้า ได้ถูกข้าช่วยไว้ก่อนที่จะแตกสลาย ตอนนี้การฟูมฟักในเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าต้องการจะวาดวิญญาณหวลกลับชาติด้วยตนเองหรือไม่”

หวังเป่าเล่อที่เดินไปไกล ร่างกายพลันสะดุ้ง หันร่างมาทันที มองไปทางบิดาหวังอีอี ในขณะที่ร่างกายสั่นเทา โค้งคำนับไปทางอีกฝ่าย

“ขอบคุณ ท่านผู้อาวุโส!”

…………………….