ภาค 9 หนึ่งกระบี่ปราบโกลาหลในใต้หล้า บทที่ 845 คนแกล้งตาย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากสังหารคู่ต่อสู้คนแรกด้วยหนึ่งฝ่ามือแล้ว ก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังคนอื่น

แม้ปากจะบอกว่าจะจับคู่ต่อสู้มาสอบปากคำ แต่เป้าหมายจริงๆ แล้วมีแค่ผู้นำที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกผู้นั้นเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้รู้เรื่องอะไรๆ มากที่สุด

ทุกคนในตอนนี้ไม่อาจใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ ต้องพึ่งพาพลังฝึกปรือของตัวเองเพียงอย่างเดียว

หลังจากสัมผัสได้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังน่าตระหนก บุรุษวัยกลางคนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกผู้นั้นก็คิดจะโจมตีใส่ชายหนุ่ม

ทว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกคอยขวางทางไว้ มันว่องไวมากกว่าเขา มีพลังดุดันมากกว่าเขา การโจมตีอย่างไม่ขาดสายให้เขาไม่อาจปลีกตัวไปไหนได้ และได้แต่รับมือย่างเหน็ดเหนื่อย

ลูกศิษย์อารามสูงส่งอีกสามคนสีหน้าเคร่งขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

‘เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าบัวแดงสูงส่งฟู่ถิงอีก’

ลำดับของเยี่ยนจ้าวเกอคือจากต่ำไปสูง

หลังจากสังหารคู่ต่อสู้คนแรกเสร็จแล้ว เขาก็พุ่งเข้าหาศัตรูที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นทันที

นั่นเป็นชายหนุ่มร่างผอม ภายนอกเหมือนมีอายุราวๆ สามสิบปี

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าฉายแววหวาดกลัว หันกายคิดหนี

แต่อย่าว่าวิชาอารามสูงส่งของเขาไม่ถนัดด้านความเร็วเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ที่ได้ชื่อว่ามีความเร็วมากที่สุด ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่หนีรอดจากเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไปได้

เยี่ยนจ้าวเกอก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง มาถึงด้านหลังของอีกฝ่าย จากนั้นก็ใช้นิ้วต่างกระบี่ แทงใส่กลางหลังของเป็นหมายทันที

ชายหนุ่มร่างผอมไม่ทันได้ตอบโต้ ร่างกายพลันอ่อนแรง พลิกตัวล้มลงเบื้องหน้า ร่างหล่นลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง

ในตอนนั้นเอง จอมยุทธ์อารามสูงส่งที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางอีกคนก็พุ่งเข้ามาอย่างกล้าหาญ

ฝ่ามือของเขาปรากฏสภาวะหยินหยาง หนึ่งหน้าหนึ่งหลัง หนึ่งอ่อนหนึ่งแข็ง

ระหว่างสองมือของเขา ปล่อยญาณจริงแท้อันยิ่งใหญ่ออกมาอย่างเต็มที่

ปราณสีเขียวหลายสายสะท้อนเป็นต้นไม้สูงเทียมฟ้า คงอยู่ในจุดหนึ่งของมิติ กำเนิดขึ้นในฝ่ามือของคนผู้นี้

ต่อมา ไม้กำเนิดไฟ ไฟกำเนิดดิน ดินกำเนิดทอง ทองกำเนิดน้ำ น้ำกำเนิดไม้

ปัญจธาตุให้กำเนิดกันและกัน ไม่ทันไรก็มีแสงสีทองอันคมกริบ ต้นไม้สูงใหญ่ กระแสน้ำซัดสาด อัคคีลุกโชน บรรพตตระหง่างโผล่ขึ้นกลางฝ่ามือทั้งสองข้างของคนผู้นั้น

ขณะที่หมุนวน พลังแห่งปัญจธาตุก็เพิ่มความแข็งแกร่งและขยายขนาดให้แก่กันและกัน สุดท้ายเกิดเป็นน้ำวนกลุ่มหนึ่ง

น้ำวนนี้ดูดปราณวิญญาณของปัญจธาตุที่อยู่รอบๆ ไม่หยุดยั้ง ยิ่งมายิ่งเร็ว

ปราณแห่งชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่ได้จากการฝึกคัมภีร์อายุวัฒนาไหลเข้าไปในน้ำวน

วินาทีต่อมา กลิ่นอายความตายไร้ขอบเขตที่ทำให้คนต้องกลั้นหายใจ และบีบคั้นสิ้นหวังก็ลอยขึ้นมาจากด้านใน มีสภาวะน่าตกตะลึงกว่าเดิม!

น้ำวนดึงปราณวิญญาณของปัญจธาตุมารวมตัวกัน การหมุนเร็วยิ่งขึ้น น้ำวนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เมื่อน้ำวนแข็งแกร่งขึ้น มันก็ทำให้พลังชีวิตกลายเป็นจิตความตายซึ่งยิ่งเด็ดเดี่ยว และพลังงานที่ยิ่งดุร้าย!

หมุนปัญจธาตุ ทวนชีวิตความตาย

วรยุทธ์สายตรงของอารามสูงส่งแห่งเขาเมฆเลือน ปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตาย!

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะฮ่าๆ “มาได้ดี”

เขายื่นนิ้วออกมานิ้วหนึ่ง ปลายนิ้วปรากฏสีดำสีขาวจุดหนึ่ง กลายเป็นปลาหยินหยางในรูปไท่จี๋ ก่อนจะหมุนติ้ว

ความว่างเปล่าส่ายไหว ปราณสีขาวกับปราณสีดำกว้างใหญ่โผล่ขึ้นพร้อมกัน ผสมผสานและบิดเปลี่ยนกันและกัน หยินหยางถูกเคลื่อนย้ายเพราะพวกมัน

กฎของฟ้าดินบริเวณนี้คล้ายกับปรากฏการเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาด

พลังฝ่ามือจากท่าปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตายที่ดุร้ายของอีกฝ่าย พลันพลาดจากร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ เฉออกไปอีกทางอย่างพิสดาร เป้าหมายกลับเป็นสหายร่วมสำนักที่กำลังสู้กับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่

ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกคนนั้นใช้พลังทั้งหมดต่อสู้กับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ไม่อาจแบ่งสมาธิมาสำรวจการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่อยู่บริเวณรอบข้างได้

ครั้งนี้เขารับมือไม่ทัน เกือบได้รับบาดเจ็บเพราะปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตายของฝ่ายตัวเอง

โชคดีที่เขารู้จักวรยุทธ์นี้เป็นอย่างดี

ปราณความตายมาถึงร่าง แค่พริบตาเดียวเขาก็ใช้กระบวนท่าปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตายออกมาแทบจะโดยสัญชาตญาณ พลิกวิถีของมัน บังคับเปลี่ยนความตายเป็นชีวิต รับการสังหารที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันได้

แต่ครั้นถูกรบกวน ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็พลันฉวยโอกาส ต่อยหมัดใส่ทรวงอกของเขา จนเขากระอักเลือดออกมา ก่อนจะพุ่งตกลงไปด้านหลัง

จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนคัมภีร์อายุวัฒนาจะมีพลังชีวิตแข็งแกร่งสุดเปรียบปาน มีพลังฟื้นฟู่น่าตกตะลึง มาตรว่าจะได้รับบาดเจ็บก็สามารถฟื้นสภาพได้อย่างรวดเร็ว

หมัดของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่อาจเอาชีวิตของเขาได้

แต่สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว ยามนี้ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม

เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น บุรุษวัยกลางคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเผชิญกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ก็พลันตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างยากจะพลิกผัน

อาการบาดเจ็บของเขากำลังฟื้นฟู ทว่าการโจมตีของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเร่งร้อนมากขึ้น มีแต่ทำให้อาการบาดเจ็บของเขายิ่งมายิ่งสาหัส

ส่วนคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ครั้นกระบวนท่าปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตายพลาดเป้า สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนแปลงกลับกลาย

เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง มืออีกข้างตั้งนิ้วชี้และนิ้วกลางตรงดุจกระบี่ แทงใส่อีกฝ่ายอีกครั้ง

ครั้งนี้ในกระบี่ของเขาได้แฝงเจตจำนงกระบี่จากกระบี่สังหารเซียนที่อำมหิตเอาไว้

นี่คือเจตจำนงกระบี่แห่งการทำลายล้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมรอบๆ

เจตจำนงกระบี่ส่งสรรพสิ่งสู่จุดจบ สภาพแวดล้อมยิ่งเลวร้ายเท่าไร ยิ่งเหมือนวันสิ้นโลกขนาดไหน พลังของสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น

ปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตายของอีกฝ่าย เปลี่ยนชีวิตเป็นความตาย ปราณความตายโชติช่วง

กลิ่นอายความตายเพียงอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องเป็นภัยพิบัติวันสิ้นโลกตามความหมายจริงๆ

ต่อให้ไม่ถึงวันสิ้นโลก ทุกที่ก็กระจายไปด้วยความตายได้เช่นกัน

แต่เมื่อถึงวันสิ้นโลก ทุกอย่างจะต้องดับสลาย สรรพสิ่งสูญสิ้น

ท่ากระบี่สังหารเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวท่ามกลางปราณความตาย เจตจำนงกระบี่ได้รับการส่งเสริม ทำให้คนรู้สึกขลาดเขลากว่าเดิม

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าผู้นั้นเปลี่ยนใจ ความเป็นความตายกลางฝ่ามือพลิกกลับอีกรอบ หมายจะเปลี่ยนปราณความตายหนาหนักเป็นพลังชีวิต

สำหรับจอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือเท่าเขา การเรียนรู้ปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตายมาหลายปี ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงได้อย่างใจนึก ไม่ได้มีอะไรยากเย็น แค่ชั่วอึดใจเดียวก็สำเร็จ ไร้อุปสรรคใดให้พูดถึง

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับเร็วกว่า!

ก่อนที่ปัญจธาตุเปลี่ยนเป็นตายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้กระบี่ทำลายและสะกดพลังฝ่ามือของเขา แทงทะลุฝ่ามือของอีกฝ่าย!

คนผู้นั้นพลันครางหนักๆ ตรงอกมีเลือดสาดกระเซ็น

เยี่ยนจ้าวเกอคิดจะฉวยความได้เปรียบโจมตีต่อ จิตใจพลันสั่นไหว ‘หือ? ยังไม่ตายหรือ’

เขาพลันหันหน้าไปมองเบื้องล่าง

ทิศทางนั้นสมควรเป็นสถานที่ที่ศพของลูกศิษย์อารามสูงส่งที่ถูกเขาสังหารเป็นคนที่สองตกอยู่

ด้วยสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงขั้นเห็นว่าอีกฝ่ายตกลงไปถึงพื้น แน่นิ่งไม่ไหวติง

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอซึ่งศึกษาคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต ตอนนี้มีความรู้สึกไวต่อพลังชีวิตของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ

ศพนั้นแม้ว่าจะถูกครอบคลุมอยู่ในปราณความตาย แต่ด้านในกลับแฝงพลังชีวิตที่น่าทึ่งไว้!

คนผู้นี้ยังไม่ตาย!

ในขณะเดียวกัน อีกฝ่ายก็สัมผัสได้ว่าความแตกแล้ว

‘ศพ’ ที่ตอนแรกแน่นิ่ง ยามนี้พลันทะลึ่งตัวขึ้นจากพื้น หนีไปยังที่ไกลออกไป

‘เมื่อครู่ไม่น่าจะพลาดถึงจะถูก แปลกจริงๆ…’ เยี่ยนจ้าวเกอใบหน้าไร้อารมณ์ ละทิ้งคู่ต่อสู้ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าผู้นั้น ไล่ตามจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ที่หนีไป

ส่วนคู่ต่อสู้ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าผู้นั้นกลับไม่ฉวยโอกาสหนีเอาตัวรอด แต่พัวพันเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่าดัชนีหยินหยางเบี่ยงการโจมตีของคนที่อยู่ด้านหลัง ให้พุ่งเข้าหาทหารหนีทัพผู้นั้น

ทหารหนีทัพผู้นั้นพลันครางหนักๆ ร่างหล่นลงบนพื้นอีกครั้ง

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเดินไปถึงด้านหลังอีกฝ่าย เขาก็ยกฝ่ามือขึ้น แล้วฟาดรอยตราพลิกนภาลง

ครั้งนี้ชายหนุ่มร่างผอมที่แกล้งตายพลันหันกายกลับมา เผชิญหน้ากับรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ

เขาพลันอ้าปาก ในปากพลันปรากฏแสงสายฟ้าพร่างพราว

พิรุณแสงที่เกิดจากธงวิญญาณแผ่กระจายไปทั่วฟ้าดิน หยุดยั้งไม่ให้ใช้ของวิเศษทุกชนิด ตอนนี้หักลง

ไข่มุกวิเศษสีม่วงเม็ดหนึ่ง ถูกพ่นออกมาจากปากของชายหนุ่มร่างผอม พุ่งใส่หน้าเยี่ยนจ้าวเกอ!