ตอนที่ 1,026 มารกาฝาก
เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของหลินเป่ยเฉินหมดทั้งสิ้น
เทพีกระบี่ผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาในขณะนี้ มีผู้ติดตามในแอปเว่ยป๋อมากกว่า 18.65 ล้านคนแล้ว
หลินเป่ยเฉินลองกดไปดูยอดผู้ติดตามของตนเองบ้าง
6.5 ล้านคน
วู้ ยอดฟอลเพิ่มเหมือนกันนะเนี่ย
ผ่านไปเพียงไม่ทันไร เขาก็มีผู้ติดตามเพิ่มกว่าหนึ่งล้านคน
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่
หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
ถึงเขาจะไม่ได้เป็นนักบวชเต็มตัว แต่การมีสาวกเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ?
ยิ่งมีสาวกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำอะไร ๆ ได้มากขึ้นเท่านั้น
นี่หมายความว่าต่อให้คุณชายหลินประพฤติตัวชั่วช้าสามานย์เพียงใด ด้วยจำนวนสาวกที่มากมายถึงขนาดนี้ เขาก็คงไม่ต้องตกนรกแล้วกระมัง
ซ้ำอนาคตข้างหน้า หลินเป่ยเฉินยังสามารถ ‘รับงาน’ ได้อีกหลายประเภท
เขาจะสามารถโก่งราคาได้โดยไม่รู้สึกผิด
ขณะนี้
เทพีกระบี่สลายอาวุธในมือของตนเองลง นางลอยตัวอยู่ในอากาศ จ้องมองหลินเป่ยเฉินอยู่ในความเงียบ แววตาเต็มไปด้วยการค้นหาและประเมินเขาใหม่อีกครั้ง
“เจ้าทำได้อย่างไร?”
นางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
อ่อนโยนมากจริง ๆ
อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและตอบว่า “เรื่องนี้… ยากอธิบาย”
“ข้าก็ไม่อยากรู้สักเท่าไหร่หรอก”
เทพีกระบี่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แต่ลมหายใจต่อมา คล้ายกับนางรู้ตัวว่าตนเองใจร้ายเกินไปหน่อย จึงกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงอบอุ่นที่หาได้ยากยิ่ง “ทุกคนต่างก็มีความลับของตนเอง ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูด ข้าก็จะไม่บังคับ”
เอ๋?
นี่นางใจดีกับเขาถึงขนาดนี้แล้วหรือนี่?
ดวงตาของเด็กหนุ่มลุกวาว
นี่สินะผลลัพธ์ของการทำความดี
หึหึ คัมภีร์ของบัณฑิตมัจจุราชยังคงมีอีกหลายกระบวนท่าที่นางไม่ยอมให้ความร่วมมือมาก่อน โบราณว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน บางทีคืนนี้ เทพีกระบี่อาจจะยอมตามใจเขาบ้างกระมัง?
หลินเป่ยเฉินกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แล้วดวงตาก็หรี่ลง
เพราะเขามองเห็นว่าบนท้องฟ้าห่างไกลออกไป ได้มีเงาร่างเลือนลางสีดำสลับเหลือง ค่อย ๆ ปรากฏตัวออกมาจากกลางอากาศ
พลังลมปราณที่แผ่ออกมาบอกว่ามันคือเทพแห่งวิหารเฉียนเกา
หมอนั่นยังไม่ตาย
มิหนำซ้ำ ยังแอบปรากฏตัวออกมาในความเงียบงัน
มันไม่ได้มีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่มีลักษณะเป็นหมอกควันที่รวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์ และทันใดนั้น มนุษย์ควันก็เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาใส่แผ่นหลังของเทพีกระบี่ด้วยความเร็วน่าตื่นตระหนก
แต่เทพีกระบี่ไม่รับรู้ถึงภัยคุกคามครั้งนี้เลย
“ระวัง….”
หลินเป่ยเฉินเคลื่อนกายเข้าไปราวกับสายฟ้าฟาดและผลักเทพีกระบี่ออกไปให้พ้นทาง
ลูกศรสีเหลืองดำในอากาศบินย้อนกลับไปทางเดิม
“ฮ่า ๆๆ…”
เสียงหัวเราะที่ลอยออกมาจากหมอกควันผีสางนั้นเป็นเสียงหัวเราะของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาไม่ผิดแน่ หลังจากนั้น ลูกธนูก็เปลี่ยนรูปทรงกลับมาเป็นรูปร่างมนุษย์อีกครั้ง
บัดนั้นเอง เทพีกระบี่จึงได้รู้ถึงอันตรายที่คุกคามเข้ามา
นางโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์และลอยตัวเข้ามาปกป้องหลินเป่ยเฉินให้เขาอยู่ทางด้านหลังนาง
“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ”
ใบหน้าของ ‘เทพแห่งวิหารเฉียนเกา’ พร่ามัวราวกับเงาสะท้อนบนผิวน้ำ และมันก็ยังส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเคียดแค้น “พวกเจ้ากลับไร้เดียงสาถึงขนาดคิดว่าตนเองจะชนะข้าง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาตายไปแล้ว ร่างกายแหลกสลาย ไม่สามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้อีก
พลังศักดิ์สิทธิ์ก็สูญหายไปแล้วเช่นกัน
ดังนั้น ความตายเมื่อสักครู่จึงเป็นความจริง
แต่สิ่งที่กำลังปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเขาขณะนี้…
เป็นอะไรที่แปลกประหลาดมาก
มนุษย์ควันสีเหลืองดำมีพลังอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากพลังที่เทพแห่งวิหารเฉียนเกาใช้ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ราวกับว่ามันเป็นพลังที่แฝงตัวอยู่ในร่างของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาอีกทอดหนึ่ง
แม้มนุษย์ควันตนนี้จะไม่ได้มีพลังแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังทำให้เทพีกระบี่รับรู้ได้ถึงอันตรายใหญ่หลวง
หลินเป่ยเฉินเฝ้าดูด้วยความสนใจ
หรือว่าเทพแห่งวิหารเฉียนเกาจะสามารถเกิดใหม่เป็นร่างที่สอง?
เหมือนปีศาจเผ่ามารโลหิตที่สิงอยู่ในตัวเหลียงหยวนเตา?
แต่ร่างกำเนิดใหม่ของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาในครั้งนี้เป็นเพียงหมอกควันไร้ตัวตน มันมีความเปราะบางเสียจนหากลมพัดมาแรง ๆ รูปร่างก็จะผิดเพี้ยนไป ทว่า ร่างของมนุษย์ควันก็ยังมีพลังโจมตีที่น่าขนลุกอยู่ไม่น้อย
หากร่างลูกศรเมื่อสักครู่นี้สามารถโจมตีใส่เทพีกระบี่ได้สำเร็จ หลินเป่ยเฉินก็ไม่สงสัยเลยว่านางคงต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน…
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ เด็กหนุ่มก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาสแกนมนุษย์ควันทันที
“ติ๊ง!”
‘เผ่าพันธุ์มารกาฝาก เป็นสิ่งมีชีวิตไร้รูปทรง มักแฝงตัวอาศัยอยู่ในร่างของเทพเจ้าเพื่อความอยู่รอด นอกจากนี้ ยังสามารถหยิบยืมพลังเจ้าของร่างมาเป็นพลังของตนเองได้อีกด้วย และอายุขัยของมันนั้นสามารถแฝงตัวอยู่ได้ตลอดไป…’
‘จุดอ่อน : มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งกว่าร่างที่มันเข้าไปแฝงตัวอยู่เท่านั้น ถึงจะสามารถฆ่ามันได้’
หลายข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
หลินเป่ยเฉินอ่านแล้วก็ใบหน้ากระตุกระริก
ไอ้กาฝากตัวนี้มีชีวิตเป็นอมตะอย่างนั้นหรือ?
เก่งแบบนี้มันขี้โกงนี่หว่า
“ข้าเข้าใจแล้ว….”
เทพีกระบี่เองก็ค้นพบเบาะแสเช่นกัน ใบหน้าที่งดงามของนางแสดงออกถึงความเหยียดหยามขณะพูดว่า “เจ้ามาจากภพมาร เจ้ามีชีวิตอยู่ด้วยการอาศัยร่างผู้อื่น ชีวิตของเจ้าช่างน่าสมเพชจริง ๆ”
“แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว” ใบหน้าที่พร่ามัวของเทพแห่งวิหารเฉียนเกาแสดงออกถึงความโกรธแค้นชัดเจน “เดิมที ข้าเพียงหวังได้เข้ามาอยู่ในร่างของเทพเจ้าสักองค์ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชีวิตของข้ากลับดำเนินมาถึงจุดสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว เสียดายนักที่เจ้ากลับทำลายร่างของข้าได้สำเร็จ และนั่นก็ทำให้ข้าไม่มีทางเลือกอีกแล้ว บัดนี้ ข้ามีแต่ต้องยึดร่างของเจ้ามาเป็นร่างของข้าเท่านั้น”
นี่มันอะไรกันครับเนี่ย
หลินเป่ยเฉินลอบสบถอยู่ในใจ
ไอ้กาฝากตัวนี้มันอยากจะมาสิงร่างผู้หญิงของเขาอย่างนั้นหรือ?
ไม่คิดจะถามความสมัครใจกันหน่อยหรือไง?
“ส่วนเจ้า…” เทพแห่งวิหารเฉียนเกาหันกลับมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน แววตายิ่งลุกโชนด้วยประกายแห่งความโกรธแค้น ราวกับว่ามันอยากจะถลกเนื้อเถือหนังหลินเป่ยเฉินเป็น ๆ ก็ไม่ปาน “หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็คงสามารถสังหารเทพีนางนี้ได้สำเร็จ… เจ้า… เจ้ามนุษย์ผู้ต่ำต้อย ข้าไม่รู้หรอกนะว่าก่อนหน้านี้เจ้าสามารถทำได้อย่างไร แต่วันนี้เจ้าต้องตาย เพื่อชดใช้สิ่งที่เจ้าทำ”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
ขมวดคิ้วใช้ความคิด
ข้อมูลจากการสแกนหาจุดอ่อนยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเขา
“เจ้าคือมารกาฝากที่ไปแฝงตัวอยู่ในเผ่าเทพพงไพรใช่หรือไม่?”
เด็กหนุ่มถามออกมาทันที
“หืม? เจ้ารู้ด้วยหรือ? รู้เยอะเหมือนกันนี่นา” เทพแห่งวิหารเฉียนเกาหัวเราะออกมาเล็กน้อยและกล่าวต่อ “แต่รู้ไปก็เท่านั้น อย่างไรเดี๋ยวเจ้าก็ต้องตาย อย่าเสียเวลาพูดคุยอีกเลย… ฝ่ามือมารสยบฟ้า!”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาก็ยกแขนซ้ายขึ้นมา แล้วแขนที่มีลักษณะเป็นหมอกควันก็ยืดขยายกลายเป็นมือขนาดใหญ่ยักษ์ พยายามจะพุ่งเข้ามาคว้าจับตัวหลินเป่ยเฉินกับเทพีกระบี่
“อาณาเขตกระบี่พิชิตฟ้า… ชั่วนิรันดร์”
เทพีกระบี่เริ่มปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้ง
พายุกระบี่ก่อตัวขึ้นจากรอบทิศทาง
วูบบบ!
รังสีกระบี่จำนวนมากพุ่งเข้าไปเล่นงานมือยักษ์
แต่กลับไม่สามารถทำอะไรมือยักษ์นั้นได้แม้แต่น้อย
อาณาเขตกระบี่พิชิตฟ้าชั่วนิรันดร์ถูกมือขนาดใหญ่ยักษ์นั้นทำลายได้อย่างง่ายดาย และมันก็ยังคงคืบคลานเข้ามาใกล้หลินเป่ยเฉินกับเทพีกระบี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ถอยก่อนดีกว่า”
หลินเป่ยเฉินรีบดึงตัวเทพีกระบี่ถอยหนีออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า ๆๆ คิดจะหนีไปที่ใด?”
เทพแห่งวิหารเฉียนเการะเบิดเสียงหัวเราะด้วยความคุ้มคลั่ง ทันใดนั้น มือขนาดใหญ่ยักษ์ก็แยกออกกลายเป็นหนวดปลาหมึกนับจำนวนไม่ถ้วน พวกมันพุ่งด้วยความเร็วสูงแหวกอากาศตรงออกไปข้างหน้า…
ควับ!
ด้วยระดับความเร็วของหลินเป่ยเฉิน เขามั่นใจว่าตนเองย่อมสามารถหนีพ้นระยะเอื้อมถึงของหนวดปลาหมึกเหล่านั้นได้แน่นอน แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด รู้ตัวอีกที ตนเองกลับถูกหนวดปลาหมึกสีเหลืองดำเส้นหนึ่งฟาดเข้าใส่อย่างแรง
“ฟู่!”
เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่
ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย
พลังลมปราณแทบแหลกสลาย
นี่คือความแตกต่าง!
พลังลมปราณของมนุษย์ ไม่มีทางสู้พลังของพวกเทพมารได้เลย
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก
พลาดท่าแล้วสิเรา
“นี่เป็นพลังของเทพพงไพร…” เทพีกระบี่กางปีกทั้ง 12 คู่ออกกว้าง นางรีบดึงตัวหลินเป่ยเฉินหลบหนีออกมา เขาจึงรอดพ้นจากการจู่โจมของหนวดปลาหมึกระลอกใหม่ได้อย่างเฉียดฉิว “ใช่แล้ว นี่คือพลังที่มันได้จากสาวกของเทพพงไพร มนุษย์ไม่มีทางต้านทานได้เด็ดขาด… ระวังตัวด้วย”
ผลัก!
ระหว่างที่พูดอยู่นี้ เทพีกระบี่ก็ถูกหนวดปลาหมึกหลายสิบเส้นฟาดเข้าใส่พร้อมกัน นางทั้งใช้กระบี่ในมือและปีกกระบี่ปัดป้องเพื่อพาตนเองและหลินเป่ยเฉินหลบหนีออกมาให้ได้
แต่ทันใดนั้น ปีกกระบี่ของนางก็เริ่มแตกหักทีละข้าง
ปีกกระบี่ของนางแตกหักเป็นเศษเล็กเศษน้อย ปลิวกระจายในอากาศไม่ต่างไปจากขนนกโปรยปราย
ควับ!
พลังศรัทธาของสาวกเทพพงไพรนั้นแรงกล้ามาก
สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตรอีกครั้ง
ด้วยช่องว่างระหว่างพลังที่ต่างชั้นกันมากเกินไป หลินเป่ยเฉินและเทพีกระบี่แทบมองไม่เห็นความหวังอีกแล้ว
“ฮ่า ๆๆ เป็นอย่างไรเล่า บัดนี้พวกเจ้ารู้สึกหมดหวังแล้วหรือยัง?”
เทพแห่งวิหารเฉียนเกาเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า
แววตาของมันเป็นประกายอำมหิตไม่ต่างไปจากแมวเล่นกับหนู
หนวดปลาหมึกจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่ขยายไปรอบบริเวณ สุดท้าย มันก็ประสานตัวกลายเป็นกรงขังรัศมีหลายลี้ กักขังหลินเป่ยเฉินกับเทพีกระบี่อยู่ด้านใน…
แย่แล้วสิ
หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึงขึ้นมาแล้วจริง ๆ
ถ้าเกิดถูกขังอยู่ในนี้…
ก็ไม่ต่างจากตะพาบที่อยู่ในไห รอให้อีกฝ่ายมาจับตัวไปฆ่าทิ้งเท่านั้น
“พวกเราหนีไปด้วยกันไม่ทันแล้ว เจ้าฟังข้าให้ดี ข้าจะหาโอกาสให้เจ้าหลบหนีไป โปรดอย่าหันหลังกลับมามองเด็ดขาด…”
เทพีกระบี่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เส้นผมสีดำปลิวไสวตามแรงลม
พลังศักดิ์สิทธิ์เริ่มเรืองแสงออกมาจากร่างของนางหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ท่านคิดจะทำอะไร?”
พลันในใจของหลินเป่ยเฉินเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาชนิดหนึ่ง