บทที่ 1028 คราวนี้ถึงทีของข้าบ้าง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,028 คราวนี้ถึงทีของข้าบ้าง

หลินเป่ยเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส

ลูกธนูทั้งสามดอกสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้แก่ร่างกายของเขา มวลพลังของฝ่ายตรงข้ามไหลเวียนไปทั่วกาย ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนลำตัวจะระเบิดเสียให้ได้…

เขาร่วงลงไป

ดิ่งลงไป

สายตาของหลินเป่ยเฉินพลันเหลือบเห็นเทพีกระบี่พุ่งเข้าใส่เทพแห่งวิหารเฉียนเกาเป็นลำแสงวูบวาบ เขารู้ว่านางตั้งใจจะพลีชีพฆ่าตัวตาย หลังจากนั้น กลุ่มลูกธนูที่ติดตามหลินเป่ยเฉินมาก็เปลี่ยนทิศทางย้อนกลับไปหาเทพีกระบี่…

เขาเห็นกับตาว่าเทพีกระบี่มีเลือดท่วมตัว ร่างกายปรากฏบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง…

เมื่อเห็นนางโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เต็มอัตรา แผ่นหลังแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า เด็กหนุ่มก็รู้แล้วว่าเทพีกระบี่ตั้งใจจะลากเทพแห่งวิหารเฉียนเกาไปสู่โลกแห่งความตายด้วยกัน…

ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในจิตใจของหลินเป่ยเฉิน

‘ความจริงจังเมื่อสักครู่นี้ ถ้านางคิดจะหนี นางก็ไปได้อย่างง่ายดายแล้ว…’

หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าการกลับมากำเนิดใหม่ในครั้งนี้ของเทพีกระบี่ นางยินดีสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสแห่งการแก้แค้น!

แต่บัดนี้ แม้รู้ดีว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ตนเองต้องตาย นางก็ยังไม่ลังเลแม้แต่น้อย

มิหนำซ้ำ เทพีกระบี่ยังพูดโดยไม่เหลียวมองมาทางเขาอีกว่า “ไม่ต้องแก้แค้นให้ข้า…”

แก้แค้นให้นางอย่างนั้นหรือ?

หลินเป่ยเฉินไม่คิดแก้แค้นให้นางอยู่แล้ว

เพราะว่า…

เขาต้องการให้นางรอดชีวิต

หลินเป่ยเฉินตัดสินใจต่อสู้

บัดนี้ ไม่มีหนทางอื่นใดอีกแล้ว หากเสี่ยงที่จะถูกเผ่าเทพพงไพรค้นพบความจริง มันก็คงเป็นเรื่องที่คุ้มค่ากระมัง?

ถ้าอย่างนั้น…

“กางอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์”

พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดไหลเวียนไปทั่วร่างกายของหลินเป่ยเฉิน ลำแสงหลากสีสันของพลังปราณธาตุทองคำ พลังปราณธาตุไม้ พลังปราณธาตุน้ำ พลังปราณธาตุไฟและพลังปราณธาตุดินครอบคลุมร่างกายของเด็กหนุ่ม และมวลพลังที่แผ่ออกมาจากตัวเขาก็หนาแน่นแข็งแกร่งเกินกว่าที่เคยเป็นมา

เพียงไม่กี่ลมหายใจ เส้นแบ่งอาณาเขตรูปทรงสามเหลี่ยมก็ครอบคลุมไปที่กายเทพแห่งวิหารเฉียนเกา

ในเวลาเดียวกันนี้

พลังที่รวบรวมเต็มเปี่ยมเตรียมระเบิดของเทพีกระบี่กลับหยุดชะงักลง

เพราะนางค้นพบว่าเทพแห่งวิหารเฉียนเกาที่ตนเองพันธนาการอยู่ได้หายวับไปกับตา

ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายสามารถสลัดหลุดพ้น

ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเปิดประตูมิติหนีหาย

ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายสามารถหลบหนีได้สำเร็จ

แต่เทพแห่งวิหารเฉียนเกาเพียงหายตัวไปเฉย ๆ

คล้ายกับถูกพลังบางชนิดกลืนกินเข้าไป

ด้วยความตกใจ นางหันกลับมามองทางด้านหลังโดยไม่รู้ตัว

และค้นพบว่าหลินเป่ยเฉินก็หายตัวไปเช่นกัน

“หนีไปซะ ไม่ต้องแก้แค้นให้ข้า”

เสียงของเด็กหนุ่มดังก้องกังวานในท้องฟ้า

เขาย้อนคำพูดของนาง

เพราะหลินเป่ยเฉินไม่แน่ใจเลยว่า การที่ตนเองลากเทพแห่งวิหารเฉียนเกาเข้าสู่อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ เขาจะได้รับชัยชนะหรือไม่

แต่ถ้าเขาสามารถสังหารเทพแห่งวิหารเฉียนเกาในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ และสามารถพิชิตใจเทพีกระบี่ได้ในเวลาเดียวกัน นี่ก็ไม่เท่ากับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหรอกหรือ?

“ที่นี่คือที่ไหน?”

เทพแห่งวิหารเฉียนเกากวาดสายตามองรอบตัวด้วยความสงสัย

จังหวะที่มันกำลังจะถูกเทพีกระบี่ฆ่าตาย เทพแห่งวิหารเฉียนเกากลับรับรู้ได้ถึงแรงดูดมหาศาล และมันก็พบว่าตนเองถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ในดินแดนสีดำแปลกประหลาดแห่งนี้เสียแล้ว

ในอากาศปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีฟ้าคราม ในหมอกควันเหล่านั้นปรากฏดวงไฟระยิบระยับสะท้อนประกายราวกับวิญญาณผู้วายชนม์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในความมืด…

พลังกดดันถาโถมเข้ามาจากรอบกาย

เทพแห่งวิหารเฉียนเการับรู้ได้ทันทีว่าพลังของตนเองลดน้อยลง

แม้แต่พลังของเทพพงไพรก็เสื่อมถอยแล้ว

เกิดอะไรขึ้น?

มันไม่แน่ใจ แต่ทันใดนั้น เสียงดนตรีที่แปลกประหลาดก็ดังขึ้นในอากาศ

“เธอต้องรับฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะพูดสักหน่อย…”

“รับฟังเสียงบรรเลงแห่งความสุขสันต์…”

“เริ่มต้นสร้างอนาคตไปด้วยกัน…”

“จับมือมั่นฝ่าอุปสรรคนานัปการ…”

นี่คือเพลง My Site ของเจย์ โชว์ที่ถูกเล่นผ่านแอป Netease Cloud Music

ม่านหมอกที่ลอยตัวอ้อยอิ่งอยู่เบื้องหน้าเกิดความเคลื่อนไหว

หลินเป่ยเฉินก้าวเดินออกมาจากหลังม่านหมอกอย่างแช่มช้า

“เป็นเจ้าเองหรือ?”

เทพแห่งวิหารเฉียนเกาจ้องมองหลินเป่ยเฉิน ใบหน้าปรากฏความตกตะลึง

“อุ๊วะฮ่า ๆๆ…”

หลินเป่ยเฉินเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ

เขายกมือขึ้นปาดเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผล ก่อนจะนำมือที่เปื้อนเลือดนั้นเสยเส้นผมบนศีรษะ

ผมสีดำกลับกลายเป็นผมสีแดง

โลหิตคือน้ำยาแต่งผมที่ดีที่สุดแล้ว

ผมสีแดงยิ่งทำให้เด็กหนุ่มดูมีความดุดันมากขึ้น

“เจ้าคงคิดไม่ถึงเลยสินะ?”

หลินเป่ยเฉินนำคทาเงินออกมาถือในมือ “ยอมถูกฆ่าตายเสียดี ๆ แล้วเจ้าจะไม่ต้องทรมาน”

นี่คืออาวุธที่มาจากภพของชาวเผ่าจันทราขาว

คทาเงินเปล่งประกายระยิบระยับเย็นเยียบ

“โอหังนัก!”

เทพแห่งวิหารเฉียนเการะเบิดเสียงคำราม ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น “เจ้าทำได้อย่างไร? เจ้าคงเก็บงำความลับเอาไว้สินะ? ฮ่า ๆๆ ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใด เจ้าถึงเก่งขึ้นในเวลาไม่ถึงปี”

“รู้ตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว”

หลินเป่ยเฉินรวบรวมพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดอีกครั้ง

เขากำลังถ่วงเวลา

เพราะต้องใช้เวลาในการยืนยันสิ่งที่เขาสงสัย

เด็กหนุ่มกำลังคำนวณว่าตนเองสมควรต่อสู้อย่างไร

พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิด ไม่ว่าจะเป็นปราณธาตุทองคำ ปราณธาตุน้ำ ปราณธาตุไฟ ปราณธาตุไม้และปราณธาตุดิน ต่างก็ไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณในร่างกายอย่างเต็มอัตรา

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีเส้นลมปราณในร่างกาย 15 เส้นทาง

ถือเป็นจำนวนเส้นลมปราณที่มากกว่าผู้มีพลังขั้นเซียนในระดับเดียวกัน

พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดนั้นไหลเวียนเต็มเส้นลมปราณทั้ง 15 สาย

ร่างกายของเด็กหนุ่มไม่ต่างไปจากเครื่องยนต์ที่มี 15 กระบอกสูบ ส่งผลให้มวลพลังของเขาสามารถไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และภายใต้วิธีการควบคุมด้วยคัมภีร์ห้าธาตุหลอมวิญญาณ พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดนั้นก็หลอมรวมกลายเป็นหนึ่ง กำเนิดเป็นกระแสพลังชนิดใหม่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของหลินเป่ยเฉิน

สิ่งที่ตามมาก็คือบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างกายของเขาได้รับการเยียวยาในเวลาเพียงพริบตาเดียว

สิ่งที่หลินเป่ยเฉินคาดเดานั้นถูกต้อง

เขายิ้มออกมาด้วยความดีใจ

พลังทำลายล้างของฝ่ายตรงข้ามที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของเขาถูกกำจัดออกไปหมดสิ้น

เมื่อถูกพลังศักดิ์สิทธิ์โจมตีก็ต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันเท่านั้นเข้าต่อต้าน

เทพแห่งวิหารเฉียนเกาเป็นมารกาฝากที่ใช้พลังของเผ่าเทพพงไพร

แต่คัมภีร์ห้าธาตุหลอมวิญญาณเป็นวิชาดั้งเดิมของเผ่าเทพพงไพรโดยตรง

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ…

ตราบใดที่หลินเป่ยเฉินใช้วิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ เทพแห่งวิหารเฉียนเกาก็จะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

“คราวนี้ถึงทีของข้าบ้าง”

หลินเป่ยเฉินควงไม้คทาย่างสามขุมเข้าไปหา

“หืม? ทีของเจ้าอย่างนั้นหรือ…”

เทพแห่งวิหารเฉียนเการะเบิดเสียงหัวเราะด้วยความเหยียดหยาม ท่อนแขนสีเหลืองสลับดำแปรเปลี่ยนกลายเป็นหนวดปลาหมึกขนาดใหญ่ยักษ์อีกครั้ง และหนวดปลาหมึกเส้นนั้นก็พุ่งตรงเข้าหาหลินเป่ยเฉินพร้อมกับเสียงคำรามกึกก้อง “อย่าคิดว่าอาณาเขตเล็ก ๆ แห่งนี้จะสามารถจองจำข้าได้ตลอดไป แม้พลังของข้าจะลดลง แต่เจ้าไม่สามารถ…”

ผลัก!

ไม้คทาฟาดเข้าใส่ใบหน้าของมันอย่างแรง

ความเจ็บปวดแล่นผ่านไปถึงขั้วหัวใจ

เทพแห่งวิหารเฉียนเกาไม่มีเวลาตั้งตัวแม้แต่น้อย สภาพของมันไม่ต่างไปจากหุ่นไล่กาที่ถูกค้อนทุบ เท้าลอยขึ้นจากพื้น ตัวคนหมุน 360 องศาในอากาศ ลอยกระเด็นออกไปอย่างหมดท่า

ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาของมันหมุนกลับตีลังกา

คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของเทพแห่งวิหารเฉียนเกา

เป็นไปได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไร?

ร่างวิญญาณของมันยังมีความรู้สึกเจ็บปวดได้อีกหรือ?

เหตุไฉนพลังของเทพพงไพรจึงไม่สามารถใช้กับมนุษย์ผู้นี้ได้?

เหตุไฉนมันจึงได้รับบาดเจ็บ?

ลมหายใจต่อมา…

ได้ยินเสียงวัตถุพุ่งแหวกอากาศเข้ามาหา

เทพแห่งวิหารเฉียนเกามีเวลาเพียงหันไปมองเท่านั้น ดวงตาของมันก็เบิกโต แขนที่กลายเป็นหนวดปลาหมึกขาดสะบั้น แล้วในสายตาของมันก็มีเพียงแสงสว่างจากไม้คทาสีเงินเท่านั้น!

ผลัก! ผลัก! ผลัก!

การฟาดกระหน่ำก่อเกิดความเจ็บปวดสุดบรรยาย

ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปไร้ซึ่งจุดจบ

“เป็นไปไม่ได้!”

เทพแห่งวิหารเฉียนเการ้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัว

มันพยายามโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเทพพงไพรเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ แต่กลับช่วยสิ่งใดไม่ได้เลย

ไม่ว่าแขนขาของมันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอาวุธรูปแบบใด ก็ไม่สามารถทำอันตรายหลินเป่ยเฉินได้ทั้งสิ้น

“ฝ่ามือสยบฟ้า!”

เทพแห่งวิหารเฉียนเกาพยายามรวบรวมพลังและสร้างมือขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นมา

มือยักษ์สีเหลืองสลับดำปรากฏในอากาศ พุ่งเข้าใส่หลินเป่ยเฉิน

“ตบเก่งขนาดนี้ ชาติที่แล้วเกิดเป็นนักวอลเลย์บอลหรือไงวะ!”

หลินเป่ยเฉินโบกสะบัดไม้คทา ฟาดใส่ฝ่ามือยักษ์ที่พุ่งเข้าหา จากนั้นจึงควงไม้คทาฟาดใบหน้าเทพแห่งวิหารเฉียนเกาไปอีกหลายกระบวนท่า!

สุดท้าย ศีรษะของอีกฝ่ายก็ระเบิดกระจายในที่สุด