ตอนที่ 2,341 : เปิดเผยตัวตน
อาศัยแค่กลิ่นอายเยียบเย็นที่ฟุ้งตลบในเหลา ก็ทำให้ทุกคนในเหลาถึงกับนั่งนิ่งตัวแข็ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ด้วยพวกมันรู้สึกเสมือนทั้งร่างกายและจิตวิญญาณกำลังถูกแช่แข็ง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุรุษที่มองแทะโลมเค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยน ตอนนี้พวกมันรู้สึกเสมือนถูกเข็มยะเยือกปักไว้ทั่วกาย พาลให้แววตากลายเป็นหวาดผวามากล้นไปด้วยความกลัว
หลังพวกมันละสายตาออกจากร่างเค่อเอ๋อด้วยความหวาดกลัว พวกมันก็หันไปมองแผ่นหลังของชายหนุ่มชุดม่วงที่เดินอยู่ข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว
แผ่นหลังของร่างในชุดม่วงนั้น พวกมันเห็นเพียงเส้นผมยาวที่รวบมัดไว้ หากทว่ากลิ่นอายยะเยือกที่ทำให้อุณหภูมิในเหลาลดต่ำลงปานยุคน้ำแข็งจนทำให้ทุกคนไม่กล้าขยับเขยื้อนกระทั่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ไม่แคล้วออกมาจากร่างของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ผิดแน่…
จนเมื่อร่างทั้ง 4 ที่นำโดยชายหนุ่มชุดม่วงเดินหายออกไปจากเหลา เหล่าผู้คนในโถงอาหารถึงได้กลับมาหายใจกันอีกครั้ง
หลังได้สติกลับคืน แต่ละคนก็หน้าซีดเสียขวัญ หันมองกันยกใหญ่ ประหนึ่งจะมองสำรวจสหายร่วมภัยพิบัติก็ไม่ปาน
“ให้ตายเถอะ! เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นน่ากลัวเป็นบ้า!!”
“ใช่…มันไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ แค่แค่นสบถเสียงเย็นออกมาทั้งแผ่กลิ่นอายพลังแค่เล็กน้อยกลับทำให้ใจข้ารู้สึกเหมือนถูกจับแช่! กระทั่งข้ารู้สึกว่าหัวใจของข้ายังหยุดเต้นไปพักนึง!!”
“ข้าด้วย…แล้วไม่ใช่แค่หัวใจข้าที่ถูกแช่แข็งนะ บอกตรงๆเมื่อครู่ข้าค้างไปถึงวิญญาณเลย…ยังรู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออกจนตายด้วยซ้ำ”
“ไอ้หนุ่มชุดม่วงนั่นมันเป็นผู้ใดกัน? แล้ววพลังฝึกปรือที่แท้บรรลุถึงขอบเขตอันใด…ไฉนแค่กลิ่นอายพลังบางเบาก็เยียบเย็นจนน่ากลัวขนาดนี้ได้…ข้าล่ะขนลุกไม่หาย นี่เกิดเมื่อครู่มันลงมือลงไม้อะไรขึ้นมาจะสะท้านสะเทือนแดนดินเพียงใด?”
…
หลังต้วนหลิงเทียนพาต้วนซือหลิง เค่อเอ๋อ และก่านหรูเยี่ยนออกจากเหลาอาหารไปสักพัก ผู้คนในเหลาก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันยกใหญ่
ใบหน้าของพวกมันแต่ละคนยังซีดกลัวไม่หาย
ทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้นมาจากด้านนอกเหลา
“นายท่านของต้องตาพรสวรรค์ของลูกสาวเจ้า ก็นับว่าเป็นพรอันประเสริฐของลูกสาวเจ้าแล้ว…หากเจ้ายังรู้ว่าอะไรมันดีต่อตัว ก็ให้ลูกสาวเจ้าไปคารวะกราบนายท่านของข้าเป็นอาจารย์เสีย!”
เสียงกล่าวเยียบเย็นทั้งคลุ้งกลิ่นดินปืนเช่นนี้ ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนในเหลาทันที
ครู่ต่อมาหลายคนในเหลาก็ถึงกับวางตะเกียบทั้งจอกสุรา แล้วรีบลุกออกไปชะเง้อหัวชมดูเรื่องราวนอกหน้าต่างด้วยความอยากรู้ทันที
แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้ที่มาดื่มกินทุกคนจะสนใจเรื่องชาวบ้าน
“เฮ่ย! เป็นไอ้หนุ่มชุดม่วงเมื่อครู่เหมือนกำลังจะมีเรื่อง! ฟังๆแล้วท่าทางลูกสาวมันจะไปต้องตายอดฝีมือเข้า!!”
“ลูกสาว? อ้อ แม่นางน้อยอายุ 12-13 นั่นที่แท้เป็นลูกสาวมันงั้นรึ?”
“แม่นางน้อยนั่นกล่าวไปเค้าโครงใบหน้าก็เหมือนกับเทพธิดาทั้ง 2 อยู่บ้าง…บัดซบดูท่าเทพธิดาทั้งสองจะเป็นสตรีของมัน!!”
“ชีวิตมันนับว่าประสบความสำเร็จแล้วล่ะ…มารดามันเถอะ ข้าอิจฉายิ่ง!”
“มันจะประสบความสำเร็จอะไรก็ช่าง…ตอนนี้ท่าทางจะมีเรื่องกันแน่แล้ว…”
……
เมื่อเสียงของเหล่าผู้ที่เดินไปดูชมเรื่องราวดังขึ้น ก็ดึงดูดความสนใจของผู้ที่ยังนั่งดื่มกินในเหลาทันที
ไม่นานก็ปรากฏร่างผู้คนมากมายทยอยกันเดินออกมาจากเหลาอาหาร ก่อนจะหยุดยืนชมดูเรื่องราวเบื้องหน้าไม่ไกลจากหน้าเหลาสักเท่าไหร่
เป็นชายหนุ่มชุดม่วง กับสตรีงามล่มเมืองที่เป็นคู่แฝด และเด็กหญิงเมื่อครู่
และตอนนี้เด็กหญิงน่ารักนางนั้น ก็กำลังแอบข้างหลังชายหนุ่มชุดม่วง มองไปเบื้องหน้าด้วยสายตาไม่ชอบ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว “ท่านพ่อ พวกมันน่ารำคาญยิ่ง”
พวกมัน ที่เด็กสาวกล่าวถึงก็คือร่าง 3 ร่างที่ยืนขวางทาง
กลุ่มคน 3 คนเบื้องหน้า นำโดยชายชราร่างผอมที่มาในชุดสีขาวเสื้อผ้าแลดูดีมีระดับ ท่วงท่าแววตาเผยลักษณะไม่ธรรมดา เพียงมองปราดเดียวก็บอกได้ว่าไม่ใช่ชายชราธรรมดาๆแน่นอน
ด้านหลังชายชราก็มีชายวัยกลางคนยืนประกบอยู่ 2คน
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งรูปร่างผ่ายผอมหากทว่าสูงชะลูด มองไปคล้ายไม้เผ่าตั้งเด่
ส่วนชายวัยกลางคนอีกคนนั้น รูปร่างกำยำไม่น้อย และตอนนี้ก็เป็นมันที่ก้าวออกมา ชี้หน้ามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ลูกตากลมโตปานฆ้องของมันยังมองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วาง
อีกทั้งคล้ายยังแผ่แรงกดดันพลังขุมหนึ่งหมายสะกดต้วนหลิงเทียน…เสียงตะโกนเยียบเย็นคุ้งกลิ่นดินปืนก่อนหน้า ก็เป็นมันที่กล่าวออก
“สหาย เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“มิรู้เหมือนกัน…ข้าพึ่งออกมาดูเนี่ยล่ะ”
“ดูเหมือนชายชราในชุดหรูผู้นั้น คล้ายต้องตาตาพึงใจพรสวรรค์ของแม่นางน้อยและคิดจะรับตัวนางไปเป็นศิษย์น่ะ…แต่ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นมันปฏิเสธไป”
“แม่นางน้อยนั่นเห็นชัดว่าติดเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นแจ…ยังกล่าวว่าให้บิดาสอนก็พอ ไม่จำเป็นต้องมีอาจารย์ใดๆ”
……
หลังจากถามไถ่กันไม่นาน ผู้ที่บังเอิญเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็เริ่มกล่าวอธิบายออกมา ทุกคนจึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ไสหัวไป!”
ได้ยินเสียงกล่าวเอาแต่ใจของชายวัยกลางคนเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนที่อารมณ์กำลังคุกรุ่นและคิดจะเร่งรุดไปลัทธิบูชาไฟเพื่อฆ่าคน ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
เขาคิดจะเร่งเดินทางไปลัทธิบูชาไฟเพื่อฆ่าคนแท้ๆ…
แต่พึ่งออกมาจากเหลาไม่ทันไร กลับต้องมาถูกใครก็ไม่รู้หยุดขวาง
แต่สุดท้ายก็พอเข้าใจได้ เหมือนชายชราผู้นั้นจะมีสายตาแหลมคมไม่น้อย ถึงขั้นมองออกว่าพรสวรรค์ของลูกสาวเขาไม่ธรรมดา จึงคิดรับไว้เป็นศิษย์ดั่งคำกล่าว ‘ทุกคนล้วนรักถนอมอัจฉริยะ’
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาไม่สบอารมณ์ก็คือ
กระทั่งเขาบอกปฏิเสธไปดีๆแล้ว ว่าไม่คิดจะให้ลูกสาวไปกราบอาจารย์ที่ไหน ทว่าชายวัยกลางคนที่แลดูอย่างไรก็สมควรเป็นแค่ข้ารับใช้กลับกล้าขึ้นเสียงกับเขา!
วูบ!
พอได้ยินคำว่า ‘ไสหัวไป’ ของต้วนหลิงเทียน ชายชราที่กำลังมองซือหลิงด้วยความเอ็นดูใบหน้าใจดี ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
และชายวัยกลางคนร่างกำยำที่อยู่ด้านหลัง ก็มองไปที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าทำราวกับเห็นผี “ไอ้หนูเจ้า…เจ้ากล้าไล่ให้ข้าไสหัวไป?”
“เจ้ารู้หรือไม่…หากข้าคิดตีเจ้าให้ตายยังง่ายดายเหมือนฆ่าไก่?”
ยิ่งพูดน้ำเสียงของชายวัยกลางคนก็ยิ่งเผยความอำมหิต
เรียกว่าพอมันกล่าวจบคำผู้ที่ออกมามุงชมหน้าเหลาทั้งผู้ที่สัญจรผ่านไปมาและหยุดดู ก็รู้สึกเสมือนตกอยู่ในหล่มน้ำแข็งทันที!
“เป็นแค่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน แต่กล้าพูดว่าตีข้าให้ตายยังง่ายดายเหมือนฆ่าไก่?”
ต้วนหลิงเทียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
หลังจากนั้นก่อนที่ใครจะทันได้รู้สึกตัว ร่างต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนไหวออกไปฉับไวปานฟ้าผ่า
หมับ!
ชั่วพริบตาร่างต้วนหลิงเทียนก็บรรลุถึงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนร่างกำยำราวภูตผี มือยังพุ่งออกไปคว้าจับลำคออีกฝ่ายแนบแน่นประหนึ่งคีมเหล็ก ก่อนจะยกร่างหนาขึ้นมาโดยที่อีกฝ่ายคล้ายยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ
ความสูงของต้วนหลิงเทียนแม้จะพอๆกันกับชายร่างกำยำผู้นี้ หากแต่รูปร่างเขาสมส่วนไม่ได้ตัวหนาเหมือนหมีควายเช่นมัน
ทำให้พอมาบีบคออีกฝ่ายด้วยมือข้างเดียวแล้วยกร่างอีกฝ่ายขึ้นมา กลับบังเกิดเป็นภาพแปลกตาพิลึก
“ฮะ? เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน?”
“เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นมันว่าไงนะ? เจ้าล่ำผู้นั้นเป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนงั้นเหรอ?”
“เป็นไปได้อย่างไร! หากพลังฝีมือเจ้าตัวใหญ่นั่นมันถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนจริง เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นก็ต้องร้ายกาจมากเช่นกัน เช่นนั้นก็ต้องมีชื่อติดในรายนามยอดเซียนแน่…แต่ไม่เพียงข้าจะไม่รู้จักพวกมันสักคน แถมชายร่างใหญ่นั่นท่าทางจะเป็นแค่ข้ารับใช้ผู้เฒ่าคนนั้นอีกด้วย!”
“ข้าว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะจริงเหมือนกัน…สมควรเป็นชายหนุ่มชุดม่วงนั่นกล่าวเหลวไหล หมายยกศัตรูอ่อนด้อยให้ร้ายกาจ กระทั่งกล่าวว่าเป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ด้วยตัวเองจะได้แลดูเหนือกว่าในสายตาลูกสาวหรือเปล่า?”
“จริงด้วย! อาจเป็นเช่นนั้น”
……
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะพูดบอกออกมาว่าชายวัยกลางคนร่างกายกำยำผู้นี้เป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน
หากแต่ทุกคนในที่นี้ยกเว้นคนใกล้ชิดเขา กับกลุ่มคนที่มากับชายร่างกำยำ ก็ไม่มีใครคนไหนเชื่อที่เขาพูดเลยสักคน ทั้งหมดคิดว่าเขาพูดเกินจริงจะได้ดูยิ่งใหญ่ในสายตาลูกสาวเท่านั้น
เพราะเมื่อมองไปทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว ถึงแม้ตัวตนของเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน จะไม่ใช่ตัวตนลี้ลับยากพบเจอ แต่ผู้ที่บรรลุถึงขั้นนี้ก็บอกได้ว่ามีน้อยคนนัก
อย่างน้อยๆ ในรายนามยอดเซียน จำนวนยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนที่ติดอันดับ ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ถึงแม้เมืองที่อยู่ในตอนนี้จะนับเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองคึกครื้น แต่มันก็ไม่ใช่เมืองที่นับว่าสำคัญและมีความเป็นมายิ่งใหญ่อะไรมากมาย ลำพังแค่เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนก็หาได้ยากแล้ว นับประสาอะไรกับยอดฝีมือระดับเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!
อย่างไรก็ตามมีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บางคน ที่รู้ดีว่าชายวัยกลางคนร่างกำยำผู้นี้ พลังฝึกปรือของมันบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแล้วจริงๆ!
เป็นชายชราในชุดหรู และชายวัยกลางคนร่างสูงผอมปานไม้ไผ่ด้านหลัง!
โดยเฉพาะชายร่างสูงผอม พอเห็นต้วนหลิงเทียนวูบมาบรรลุถึงเบื้องหน้าสหายของมันในชั่วพริบตา กระทั่งบีบคอยกร่างสหายของมันเอาไว้ง่ายๆก็ตะลึงไปไม่น้อย เพราะมันย่อมเห็นได้ชัดว่าตอนนี้สหายของมันไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน!!
ยิ่งชายวัยกลางคนร่างกำยำที่ถูกกระทำโดยตรง ก็ตกใจไม่น้อย
“เจ้า…ที่แท้เป็นตัวบัดซบจากที่ไหน!?”
โครมมม!!
ได้ยินคำถามจากชายวัยกลางคนที่เขาบีบคอยกร่างอยู่ ต้วนหลิงเทียนก็เขวี้ยงร่างมันทิ้งไปราวหมูหมาอย่างแรง ค่อยเดินกลับมาหยุดยืนข้างกายต้วนซือหลิง
“ผู้สืบทอดหมอกพิรุณ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ต้วนหลิงเทียน”
7 ทวาราเที่ยงแท้!?
ผู้สืบทอดหมอกพิรุณ!?
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำนี้ออกมา ลูกตาของชายชราในชุดหรูก็หดเล็กลงทันที
ชายวัยกลางคนร่างสูงผอมปานลำไผ่ กับชายวัยกลางคนร่างกำยำที่อยู่ร่างล้มลุกคลุกคลานถึงกับต้องมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกครั้งด้วยสายตาประหลาดใจทั้งเหลือเชื่อ
ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้เป็นทายาทหมอกพิรุณ? ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ที่แข็งแกร่งที่สุด?
ต้องทราบด้วยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เป็นประเด็นร้อนให้ผู้คนสนทนากันนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีคนมากมายที่สงสัยกันว่าผู้สืบทอดหมอกพิรุณอันเป็นผู้นำ 7 เที่ยงแท้เป็นใครกันแน่!
เพราะสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ในบรรดา 7 ทวาราเที่ยงแท้ ยกเว้นผู้สืบทอดหมอกพิรุณ คนอื่นๆก็ปรากฏตัวออกมาหมดแล้ว!
ทำให้ทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องบนให้ความสำคัญกับการตามหาความจริง ว่าที่แท้ผู้สืบทอดหมอกพิรุณเป็นใครกันแน่…
นอกจากอยากรู้ว่าเป็นใครกันแน่แล้ว พวกมันยังอยากรู้ด้วยว่าพลังฝีมือที่แท้สูงล้ำถึงขั้นใด…
เช่นเดียวกันกับผู้คนในเหลาอาหาร พวกมันเองกก็บังเกิดความอยากรู้เรื่องนี้เช่นกัน กระทั่งพวกมันหลายคนยังพึ่งคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่หยกๆในเหลา จนทำให้ต้วนหลิงเทียนได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด
แต่ทว่าพวกมันไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลย
ว่าวันนี้ ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ….ผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุด! จะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกมัน!!
และในขณะเดียวกันกับที่ทุกผู้คนกำลังตกตะลึงกับการเปิดเผยตัวตนของต้วนหลิงเทียนนั้น
“ข้าก็กำลังสงสัยอยู่เชียวว่าในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีครึ่งก้าวเซียนอมตะปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด…ที่แท้เจ้าก็คือผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ผู้นำของ 7 ทวาราเที่ยงแท้นี่เอง”
เป็นชายชราในชุดหรูกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หากทว่าหนึ่งวาจาก็เปิดเผยพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนออกมาทันที!